ทิศทั้ง 6 คืออะไร มีอะไร และสำคัญต่อชีวิตของทุกคนอย่างไร …เป็นหนึ่งในเรื่องที่ลูกควรรู้ในฐานะพุทธศาสนิกชน ทั้งนี้ ทิศทั้ง 6 หมายถึงบุคคลสำคัญทั้ง 6 ด้านของลูกน้อยซึ่งต่างมีหน้าที่พึงปฏิบัติต่อกัน Show
เมื่อพูดถึงหลักธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา อาจเป็นเรื่องน่าเบื่อของหลายๆ คน แต่คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่าการสอนให้รู้ลูกจักหลักธรรมต่างๆนี้เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยขัดเกลาจิตใจ เป็นคนดี รู้จักหน้าที่ตน มีเมตตา มีความกตัญญู และเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ต่อไปได้ในที่สุด การอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ทุกคนย่อมมีหน้าที่และความรับผิดชอบแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานภาพและบทบาทที่ตนดำรงอยู่ คนเป็นพ่อแม่มีหน้าที่เลี้ยงดูลูกให้เจริญเติบโต เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ คนเป็นครูอาจารย์มีหน้าที่สอนและอบรมศีลธรรมจรรยาให้ศิษย์มีความรู้และประพฤติตนเป็นคนดี คนเป็นนักเรียนมีหน้าที่เรียนหนังสือ เชื่อฟังพ่อแม่และครูอาจารย์ สรุปคือเรามีหน้าที่และความรับผิดชอบอะไรในสังคมก็พยายามปฏิบัติหน้าที่นั้น ๆ ให้ดีที่สุด ซึ่งในพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงหน้าที่และความรับผิดชอบในลักษณะเช่นนี้ไว้เหมือนกัน โดยพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ในหลัก ทิศ 6 ในสิงคาลกสูตร ซึ่งเป็นหมวดหนึ่่งในพระสุตตันตปิฎก โดยกำหนดการปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบตามหลักทิศ 6 เอาไว้หากใครสามารถปฏิบัติตามได้ถูกต้องจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่ดี เรามารู้จักความหมายกันก่อน ทิศทั้ง 6 หมายถึง บุคคลประเภทต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันทางสังคม การดำเนินชีวิต มีหน้าที่และความรับผิดชอบที่พึงปฏิบัติต่อกัน ดังนี้
ความสำคัญ และแนวทางปฏิบัติต่อทิศทั้ง6หน้าที่สำคัญของ ทิศทั้ง 6 ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้โดยย่อมีอยู่ 3 เรื่องใหญ่ ๆ ได้แก่ 1. เป็นแหล่งกำเนิดและปลูกฝังนิสัยใจคอของลูกน้อยนิสัยของคนเรานั้นได้มาจาก ทิศทั้ง 6 ซึ่งเมื่อสรุปแล้วจะเหลือแค่บ้าน วัด โรงเรียนไม่ใช่ตกลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่หลั่งไหลมาเองเหมือนอย่างกับน้ำฝนบนท้องฟ้า คือ ตอนเล็ก ๆ ลูกจะได้คุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ ลุงป้าน้าอา คอยช่วยกันอบรม จนกระทั่งกลายมาเป็นนิสัยติดตัวลูกไป ส่วนว่าท่านจะอบรมได้ดีขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะไม่มีใครจะอบรมบ่มนิสัยใจคอหรือคุณงามความดี ให้กับผู้อื่นได้มากกว่าที่ตัวเองมีอยู่ เพราะฉะนั้นท่านมีสติปัญญาเท่าไร ท่านก็อบรมให้เราได้เท่านั้น เช่น เวลาลูกกินข้าวแล้วไม่ล้างจาน คุณแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะให้คนรับใช้เอาไปล้าง นั่นเริ่มเพาะนิสัยไม่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองให้ลูกแล้ว เด็กคนนี้พอโตขึ้นมาก็เลยรับผิดชอบอะไรไม่เป็น แล้วอย่างนี้จะหวังให้มารับผิดชอบวงศ์ตระกูล หวังจะให้รับผิดชอบต่อทรัพย์สมบัติ เขาจะไปรับผิดชอบได้อย่างไร ในเมื่อแค่จานข้าวที่ตัวเองกินก็ยังไม่ล้างเลย อ่านต่อ >> “ความสำคัญและแนวทางปฏิบัติต่อทิศทั้ง 6 ที่พ่อแม่ควรสอนลูก” คลิกหน้า 2เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่ คุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมรักลูกของตัวเอง อยากให้ลูกมีความสุข มีความเจริญ มีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต ทิศทั้ง 6 จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้และสอนลูก ว่าแต่ทิศ 6 คืออะไร วันนี้เราจะไขข้อข้องใจกันค่ะ
ทิศ 6 คืออะไร?ทิศ 6 เป็นหลักในการใช้ชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งทิศ 6 หมายถึง บุคคลสำคัญทั้ง 6 ด้านซึ่งลูกน้อยก็จะมีหน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อกัน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้น จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้อื่น ซึ่งแต่ละคนก็จะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต่างกันไป ในความเป็นลูกก็ต้องทำหน้าที่ลูก ทั้งนี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้เกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดชอบไว้ในหมวดหนึ่งของพระสุตตันปิฎกที่ทุกคนควรพึงปฏิบัติตามหลักทิศ 6 ซึ่งถ้าใครสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องก็จะได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ทิศ 6 มีอะไรบ้าง พร้อมหน้าที่ที่ลูกพึงปฏิบัติก่อนที่เราจะพูดถึงว่าทิศ 6 มีอะไรบ้างนั้น แม่โน้ตขอพูดถึงความหมายของทิศ 6 กันก่อนนะคะ ทิศ 6 หมายถึง บุคคลต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันทางสังคม การดำเนินชีวิตในทุก ๆ วัน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีหน้าที่ ความรับผิดชอบที่พึงปฏิบัติต่อกัน ดังนี้ ปุรัตถิมทิสคือ ทิศเบื้องหน้า หมายถึง บิดา มารดา ปู่ย่า ตายาย และผู้ที่มีอุปะการคุณท่านอื่น ๆ ที่เลี้ยงเรามา ทักขิณทิสคือ ทิศเบื้องขวา หมายถึง ครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับเรา ปัจฉิมทิสคือ ทิศเบื้องหลัง หมายถึง บุตร ผู้เป็นทายาท ภรรยา และสามี รวมถึงเป็นคู่ชีวิต ที่คอยร่วมทุกข์ร่วมสุข ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อุตตรทิสคือ ทิศเบื้องซ้าย หมายถึง มิตรสหายที่คอยช่วยเหลือ ในยามที่เราตกทุกข์ได้ยาก อุปริเมทิสคือ ทิศเบื้องล่าง หมายถึง บริวารหรือผู้รับใช้เรา คอยปรนนิบัติเรา เหฏฐิมทิสคือ ทิศเบื้องบน หมายถึง สามเณร ภิกษุ ภิกษุณี ผู้มีศีลอันสูงกว่า ผู้ที่คอยพร่ำสอนและเผยแผ่พระธรรมให้กับเรา ทิศ 6 มีความสำคัญอย่างไร พร้อมแนวทางปฏิบัติต่อทิศทั้ง 6ทิศเบื้องหน้า (พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย)ในสมัยก่อนทิศเบื้องหน้าหมายถึงผู้ที่เลี้ยงดูเรามาคือ พ่อแม่ อย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงและมีหลายครอบครัวมีคนที่อุปการะเรา เลี้ยงดูเราไม่ใช่แค่พ่อแม่อย่างเดียว ยังมีปู่ย่า ตายาย รวมไปถึงคนอื่น ๆ ที่เลี้ยงดูส่งเสียเราด้วย ซึ่งก็จัดอยู่ในทิศเบื้องหน้าเช่นกัน ทิศเบื้องหน้า มีอุปการะต่อเรา
แนวทางการปฏิบัติต่อทิศเบื้องหน้า
ทิศเบื้องขวา (ครูบาอาจารย์)ทิศเบื้องขวา นอกจากจะหมายถึงครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับเราแล้ว ยังหมายรวมถึงบุคคลท่านอื่น ๆ ที่คอยสอน และอบรม ให้ความรู้กับเราด้วย ทิศเบื้องขวา มีอุปการะต่อเรา
แนวทางการปฏิบัติต่อทิศเบื้องขวา
ทิศเบื้องหลัง (บุตร ภรรยา และสามี)คือ บุตร ผู้เป็นทายาทสืบสายโลหิต ภรรยา และสามี ผู้เป็นคู่ชีวิต บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่คอยให้กำลังใจ คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ยังหมายถึงผู้ที่อยู่ในทิศอื่น ๆ แต่ก็ทำหน้าที่เหมือนทิศเบื้องหลังด้วยเช่นกัน ทิศเบื้องหลัง ผู้เป็นภรรยามีอุปการะต่อเรา
ทิศเบื้องหลัง ผู้เป็นสามีมีอุปการะต่อเรา
แนวทางการปฏิบัติต่อทิศเบื้องหลัง
ทิศเบื้องซ้าย (มิตรสหาย)คือ เพื่อน ๆ และมิตรสหายที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา รวมถึงมิตรสหายจากการทำงาน มิตรสหายผู้ที่คอยให้ความช่วยเหลือแก่เราในยามที่เราประสบปัญหา มีอุปสรรค ต่าง ๆ ดึงรั้งเพื่อนให้สร้างแต่คุณงามความดี ทิศเบื้องซ้าย มีอุปการะต่อเรา
แนวทางการปฏิบัติต่อทิศเบื้องซ้าย
ทิศเบื้องล่าง (บริวารหรือผู้รับใช้)คือ ผู้ที่เป็นบริวารคอยรับใช้หรือทำกิจต่าง ๆ ให้เรา รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาของเราด้วย
บริวารที่กล่าวมา ได้แก่ คนงาน ผู้รับใช้ หรือผู้ที่มีตำแหน่งต่ำกว่า
แนวทางการปฏิบัติต่อทิศเบื้องล่าง
ทิศเบื้องบน (สามเณร ภิกษุ ภิกษุณี)คือ ผู้ที่มีศีล และรักษาศีลมากกว่าเรา ซึ่ง “เรา” ในที่นี้หมายถึง ฆราวาสที่ไม่ใช่นักบวช ผู้ที่รักษาศีลสูงกว่าเรา ได้แก่ สามเณร ภิกษุ ภิกษุณี (ภิกษุณีสำหรับในปัจจุบันไม่มีการบวชให้แล้วค่ะ) บุคคลดังกล่าวนี้จึงควรแก่การสักการะให้เหนือกว่าฆราวาส ทิศเบื้องบน มีอุปการะต่อเรา
แนวทางการปฏิบัติต่อทิศเบื้องบน
การปลูกฝังในด้านต่าง ๆ กับทิศ 6 นี้ แน่นอนคงต้องใช้เวลาค่ะ ค่อย ๆ สอน ค่อยปฏิบัติให้ลูกเห็น ซึ่งลูกจะเลียนแบบพฤติกรรม และซึมซับคำสอนของพ่อแม่ได้ในที่สุด |