โชค ดี ติ๋ ม ซำ

ทุกเช้าตั้งแต่ประมาณ 07.00 น. คนที่สัญจรผ่านไปทางถนนละม้ายสงเคราะห์ ใจกลางเมืองหาดใหญ่ จะต้องพบเห็นกลุ่มคนประมาณ 20-30 คน ที่ยืนอออยู่หน้าร้าน “โชคดี แต่เตี้ยม” เพื่อรอคิวให้โต๊ะว่าง จะได้เข้าไปนั่งรับประทานอาหารเช้าในร้าน

ทั้งเจ้าของร้าน ลูกหลานที่มาช่วยงานและลูกจ้างจะกุลีกุจอรับออร์เดอร์จากลูกค้าที่ยืนรอกลุ่มนี้ เพื่อว่าเมื่อมีโต๊ะว่าง และลูกค้าได้เข้าไปนั่งรอรับประทานอาหาร แล้ว อาหารจะพร้อมเสิร์ฟได้ทันที เพราะแต่เตี้ยมของที่นี่ แต่ละเข่งต้องใช้เวลานึ่งประมาณกว่า 10 นาที จึงจะสุกพร้อมรับประทาน แต่ถือว่ามีการจัดการที่รวดเร็วมากที่สุดในบรรดาร้านติ่มซำที่ผู้เขียนไปทานมา ไม่ว่าจะที่ตรัง สุราษฎร์ธานี กระบี่ ชุมพร หรือภูเก็ต เป็นต้น

ร้าน “โชคดี แต่เตี้ยม” เปิดประตูรับลูกค้ารอบแรกตั้งแต่ เวลา 07.00 น. ทุกวัน ด้วยเมนูแต่เตี้ยม 30 ชนิด จำหน่ายเข่งละ 20 บาท นึ่งใหม่เสิร์ฟร้อนๆ ควบคู่กับกับบะกุ๊ตเต๋ที่ผ่านการตุ๋นยาจีนกว่า 10 ชนิด บรรยากาศเป็นกันเองต่างจากภัตตาคารทั่วไป แต่มีความเฉพาะตัว เมื่อลูกค้ารับประทานจนอิ่มสามารถคำนวณเงินค่าอาหารจากตารางราคาที่ติดอยู่ข้างฝา

แม้ไม่ต้องมีทิปแต่การบริการของที่นี่ได้รับการดูแลอย่างดี ลูกค้าสามารถสั่งเติมผัก น้ำซุปบะกุ๊ตเต๋ได้ฟรีตลอดเวลา จนกระทั่งเวลา 11.00 น. จึงปิดให้บริการรอบแรกและจะเปิดขายอีกครั้งช่วงหัวค่ำ ตั้งแต่เวลา 17.00-21.00 น.

ปัจจุบัน “โชคดี แต่เตี้ยม” มีลูกค้าเป็นคนไทย 90% และต่างชาติอีก 10%

เริ่มเข้าสู่การรีวิวกันเลยดีกว่า โซนที่นั่งจะมี 2 ฝั่ง คือ ฝั่งร้านเดิม ซึ่งเป็นจุดเลือก เมนูติ่มซำต่างๆ เมื่อเรามาถึง เราจะต้องแจ้งกับคนรับ ว่ามีกี่ท่าน แล้วเขาจะให้เบอร์โต๊ะมากับเรา เป็นกระดาษระบุเบอร์

หลังจากที่ได้รับเบอร์โต๊ะเรียบร้อย ถึงเวลาสนุกสนานกับการเลือกติ่มซำสาระพัดเมนู 555 แนะนำว่าให้เลือกทีเดียวเอาให้อิ่มพอดี แต่ระวังจะล้น ทานไม่หมด เพราะว่าถ้าเรามาเลือกเพิ่มเติม จะเสียเวลาในการรอติ่มซำที่จะต้องนึ่ง ทำให้ไม่ต่อเนื่อง สำหรับเมนูที่อยู่ในเข่งนั้น ส่วนมากจะเป็นพวก ขนมจีบต่างๆ ซาลาเปา ตีนไก่น้ำแดง กระดูกหมูน้ำแดง ฮะเก๋า เป็นต้น

สำหรับอีกตู้เป็น พวกของสด วางบนน้ำแข็ง เพื่อรักษาความเย็นและความสด ที่เราจะต้องเลือกแล้วใส่ลงในถาดล็อคของเรา ซึ่งเจ้าหน้าที่รับออร์เดอร์ เขาจะเขียนเบอร์โต๊ะที่เราแจ้งให้เขาทราบ เพื่อจะได้นำพวกนี้ลงเข่งอีกที และนำไปนึ่งในเตานึ่งที่อยู่ตรงบริเวณนั้น

หลังจากจัดการเลือกติ่มซำสำหรับการนึ่งเรียบร้อย ก้อถึงขั้นตอนต่อไป มายังโต๊ะนั่งของเราที่ได้รับเบอร์ไว้ ซึ่งจะมีหลายโซน หลายห้อง ทางเฮียที่ดูแลเรื่องโต๊ะจะแจ้งให้ทราบอยู่แล้วว่า นั่งตรงไหน แต่ครั้งล่าสุดของผู้เขียน นั่งฝั่งใหม่ ซึ่งมีสองคูหา เป็นห้องแอร์ ค่อนข้างโปร่ง สูง นั่งสบาย เป็นห้องแอร์

เมื่อเรามาถึงโต๊ะนั่งของเราแล้ว พนักงานรับออร์เดอร์ ก้อจะนำพวกผักสด ปาท่องโก น้ำจิ้มต่างๆ มาวางให้เรา และก็จะสอบถามว่า รับบะกุ๊ดเต๋ ขนาดเล็กหรือใหญ่ ซึ่งเขาก็จะดูตามจำนวนท่านที่มาทานด้วย และก็จะสอบถามเรื่องเครื่องดื่ม ซึ่ง ก็จะมี กาแฟร้อน เย็น ชาร้อน ชาเย็น หรือเครื่องดื่มเย็น พวกน้ำเก็กฮวย น้ำกระเจี๊ยบ เป็นต้น

เรานั่งสักพักไม่เกิน 10 นาที อาหารของเราก็ทยอยถูกวางลง ไม่ว่าจะบะกุ๊ดเต๋ หรือติ่มซำต่างๆ ที่เราได้เลือกไว้เรียบร้อย ผู้เขียนแนะนำว่า เวลาพนักงานเสริฟมาส่งติ่มซำ ให้ดูเบอร์ด้วยว่าใช่ของเราหรือเปล่า เพราะผู้เขียนเจอบ่อย ส่งโต๊ะผิด กลายเป็นว่า เยอะจนเราทานไม่หมด ภาพด้านล่างผู้เขียนทานคนเดียว เลยไม่ได้สั่งมาทานเยอะ บะกุ๊ดเต้ เป็นชุดเล็ก ส่วนติ่มซำก้อเลือกที่ชอบทานมา

ภาพด้านล่าง เป็นภาพของลูกค้าของออลดรีมเดสติเนชั่น ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสพามาทานติ่มซำที่ร้านนี้ เลยชุดใหญ่ไฟกระพริบหน่อยครับ

ใครที่ชอบทานบะกุ๊ดเต๋ ต้องมาลองร้านนี้เด็ดมาก ผู้เขียนว่า อร่อยกว่าที่มาเลเซีย หรือ สิงคโปร์นะครับ เวลาทานต้องทานคู่กับผัก และปาท่องโก ที่ทางร้านให้มา ถ้าไม่ชอบพวกเครื่องใน ตอนสั่งไปก้อบอกพนักงานรับออร์เดอร์ได้นะ

มารีวิวเข่งแรกกันดีกว่า เข่งนี้ เป็นกระดูกหมูน้ำแดง ผู้เขียนชอบมากครับ กระดูกหมูเปื่อยร่อนมาก

ต่อมาเป็น เมนู ขาไก่น้ำแดง ขาไก่ถูกตุ๋นมาอย่างดี เปื่อย ทานง่ายมากครับ รสชาติเค็มกำลังพอดี

ภาพด้านล่างเป็น ขนมจีบปู อร่อยตามท้องเรื่อง ผู้เขียนชอบทานอยู่แล้ว มากี่รอบก็สั่งมาทาน

สำหรับเข่งนี้ เป็น ฮะเก๋าไข่กุ้ง อร่อย 555 มีเมนูไหนบ้างที่ไม่อร่อยเนี้ยะ

อันนี้ เป็นเมนู หมูสับไข่เค็ม อร่อยดีครับ

มาเมนูเข่งสุดท้าย ผู้เขียนลองสั่งมาทานเป็นครั้งแรก ปกติจะสั่ง ซาลาเปาลาวาไส้เค็ม ครั้งนี้ลองสั่ง ซาลาเปาลาวาเผือก สรุปชอบมากครับ

หลังจากที่อิ่มท้องกันแล้ว พร้อมที่จะเช็คค่าเสียหาย จะมีเจ้าหน้าที่มานับเข่งของติ่มซำที่เราทานพร้อมกับเช็คเมนูอื่นๆ ที่สั่ง แล้วก็สามารถชำระได้ตรงโต๊ะเลย