บางคนได้รับความตื่นเต้นเล็กน้อยด้วยสเปซบาร์เมื่อป้อนข้อมูล สิ่งต่าง ๆ จะแย่ลงเมื่อคุณคัดลอกและวางลงในการกำจัดช่องว่างที่น่ารำคาญให้ใช้ฟังก์ชัน TRIM Show =TRIM(text) ใช้ฟังก์ชันทดแทน Microsoft Excel เพื่อลบอักขระพิเศษการเล็มนั้นทำได้ดีและดี แต่ถ้าคน Goofball บางคนใส่บรรทัดแบ่งลงในกระดาษคำนวณ Excel หรือถ้าคุณต้องการกำจัดช่องว่างทั้งหมด? คุณสามารถทำได้โดยใช้ SUBSTITUTE ไวยากรณ์สำหรับ SUBSTITUTE คือ: =SUBSTITUTE(text, old_text, new_text, [instance_num]) ได้ไหม แต่แจ็คฉันควรจะพิมพ์ช่องว่างลงในสูตรได้อย่างไร ฉันดีใจที่คุณถาม เพียงพิมพ์ "" แบบนี้: =SUBSTITUTE(B2, " ", "") ในฟังก์ชั่นนี้คุณจะทดแทนช่องว่างโดยไม่มีอะไร ดี เพื่อพิมพ์บางสิ่ง จริงๆ แปลกเช่นเดียวกับตัวแบ่งบรรทัดคุณต้องใช้ CHAR () สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถเลือกอักขระเฉพาะที่ไม่สามารถพิมพ์ลงในสูตรได้ หมายเลขอักขระสำหรับตัวแบ่งบรรทัดคือ 10 ดังนั้นคุณต้องทำสิ่งนี้: =SUBSTITUTE(B2, CHAR(10), "") อาร์กิวเมนต์เผื่อเลือก [instance_num] ช่วยให้คุณสามารถลบคำพูดได้เพียงข้อความแรกหรือข้อความที่สองของข้อความเก่า ตัวอย่างเช่น: =SUBSTITUTE(B2, CHAR(10), "", 1) นอกจากนี้คุณยังสามารถซ้อนฟังก์ชัน SUBSTITUTE ได้ ตัวอย่างเช่นหากคุณต้องการแยกอักขระพิเศษออกจากหมายเลขโทรศัพท์จำนวนมาก: =SUBSTITUTE(SUBSTITUTE(SUBSTITUTE(SUBSTITUTE(SUBSTITUTE(B5,CHAR(40),""),CHAR(41),""),CHAR(45),""),CHAR(32),""),CHAR(46),"") CHAR () และ CODE () อ้างอิงรหัส ANSI / ASCIIเคล็ดลับเพื่อทดแทน () กำลังจดจำหมายเลขเดียวทุกตัวเพื่อเสียบเข้ากับ CHAR () ฉันใช้เวลาช่วงบ่ายทุกวัน แต่ในที่สุดฉันก็ได้กำหนดรหัสอักขระ ANSI ทุกตัวให้กับหน่วยความจำ ผมล้อเล่น. ฉันจำไม่ได้ว่าฉันอายุเท่าไหร่ที่รหัส ANSI สำหรับช่องว่างหรือเครื่องหมาย @ คืออะไร โชคดีที่คุณไม่จำเป็นต้อง คุณสามารถพิมพ์แผนภูมินี้จาก MSDN หรือใช้ฟังก์ชัน CODE () Excel เพื่อค้นหารหัสอักขระได้ทันที หมายเหตุ: กล่องข้อความไม่ได้อยู่ภายในเซลล์แต่ลอยอยู่ ถ้าแถวที่ถูกแทรกถูกแทรกถูกย้ายเมื่อเนื้อหาด้านบนถูกเปลี่ยนแปลง กล่องข้อความจะไม่ย้ายไปพร้อมกับเซลล์ เมื่อต้องการย้ายกล่องข้อความ ให้ย้ายเคอร์เซอร์ไปยังขอบของกล่องข้อความ แล้วคลิกค้างไว้เพื่อลากกล่องข้อความไปยังที่ตั้งใหม่เราจะใช้ Excel ลบแถวว่าง ได้ยังไงกันนะ? วันนี้ผมขอนำเสนอ 3 วิธีเลยละกัน ซึ่งมีดังนี้
แชร์ความรู้ให้เพื่อนๆ ของคุณ 48 48 - เลือกที่ตัวเลือก "Blank Row" แล้วกดปุ่ม OK - เมื่อทำตามขั้นตอนแล้ว Excel จะทำการเลือกบรรทัดว่างให้เรียบร้อย ถ้าต้องการลบไปให้ไป Tab "Home" และไปที่คำสั่ง "Delete" เลือกที่คำสั่ง "Delete Sheet Row" 2. ใช้ Excel Filter โดยขั้นตอนมีดังนี้ - กดที่ Filter ตรงคอลัมน์ที่เราสนใจในที่นี้จะเลือกที่คอลัมน์ Employee Name และเลือกเฉพาะตัวเลือก "(Blanks)"
3. ใช้การจัดเรียงข้อมูลหรือ Sort ในภาษา Python เมื่อต้องการแสดงข้อมูลออกทางหน้าจอ จะใช้ฟังก์ชัน print() พร้อมระบุข้อมูลที่ต้องการแสดง เช่น print(ข้อมูลที่ต้องการแสดง) หรือ print(ข้อมูล, ข้อมูล, ข้อมูล, …) โดยมีรายละเอียดที่ควรรู้ดังนี้ ข้อมูลที่จะแสดงด้วยฟังก์ชัน ข้อมูลที่จะแสดงด้วยฟังก์ชัน ถ้าจะแสดงค่าจากตัวแปร ไม่ว่าตัวแปรนั้นจะเก็บข้อมูลชนิดใดก็ตาม สามารถเขียนตัวแปรลงไปได้โดยตรง เมื่อใช้ฟังก์ชัน การใช้ฟังก์ชัน ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน print()name = 'Lucy' sirname = 'Johnson' print('Hello', 'My name is', name, sirname) #ผลลัพธ์ : Hello My name is Lucy Johnson การใช้ฟังก์ชัน print() แบบซับซ้อนนอกจากการใช้ฟังก์ชัน print() ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เรายังสามารถกำหนดตัวเลือกเพิ่มเติมขณะใช้ฟังก์ชัน print() ได้อีกด้วย ซึ่งมีรูปแบบดังนี้
sep มาจากคำว่า separator ใช้ระบุว่าเราต้องการคั่นระหว่างข้อมูลแต่ละตัวด้วยอะไร โดยค่าที่จะกำหนดให้ sep ต้องอยู่ในรูปแบบของสตริง ครอบด้วยเครื่องหมาย ” ” หรือ ‘ ‘ ซึ่ง sep นี้เราจะระบุหรือไม่ก็ได้ ถ้าไม่ระบุ ข้อมูลจะถูกคั่นด้วยช่องว่าง ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน print แบบระบุ sep และไม่ระบุ sepa = 'Lucy' b = 'Johnson' # ไม่ระบุ sep print('Wanchai', 'Wanida', a, b) # ผลลัพธ์ : Wanchai Wanida Lucy Johnson # ระบุ sep print('Wanchai', 'Wanida', a, b, sep=",") # ผลลัพธ์ : Wanchai,Wanida,Lucy,Johnson end คือสิ่งที่จะเขียนต่อท้ายข้อมูลที่นำมาแสดงในฟังก์ชัน print() โดยค่าของ end ต้องอยู่ในรูปแบบของสตริง ครอบด้วยเครื่องหมาย ‘ ‘ หรือ ” ” โดยปกติ เมื่อใช้ฟังก์ชัน ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน print() แบบระบุคีย์เวิร์ด end และไม่ระบุa = 'Lucy' b = 'Johnson' print('Wanchai', 'Wanida', a, b) print('Wanchai', 'Wanida', a, b, end="**") print('Wanchai', 'Wanida', a, b, end="") ผลลัพธ์ Wanchai Wanida Lucy Johnson ผลลัพธ์ของโค้ดบรรทัดที่ 3 (Wanchai Wanida Lucy Johnson) แสดงข้อมูลแล้วขึ้นบรรทัดใหม่ เพราะไม่ได้ระบุคีย์เวิร์ด end ตัวแปลภาษาจึงใส่ค่าตั้งต้นให้เป็น end=’\n’ โดยอัตโนมัติ ทำให้มีการขึ้นบรรทัดใหม่ ผลลัพธ์ของโค้ดบรรทัดที่ 4 และ 5 (Wanchai Wanida Lucy Johnson**Wanchai Wanida Lucy Johnson) ถูกแสดงผลในบรรทัดเดียวกัน เพราะโค้ดบรรทัดที่ 4 ระบุคีย์เวิร์ด end เป็น “**” ทำให้มีเครื่องหมาย ** ต่อท้ายข้อมูลและไม่ขึ้นบรรทัดใหม่ ดังนั้น ผลลัพธ์ของโค้ดบรรทัดที่ 5 จึงถูกแสดงออกมาในบรรทัดเดียวกันกับผลลัพธ์ของโค้ดในบรรทัดที่ 4 และไม่ขึ้นบรรทัดใหม่ เพราะระบุคีย์เวิร์ด end แต่ไม่ได้ใส่ค่าใด ๆ เข้าไปนั่นเอง เขียนโปรแกรมภาษา Python
|