นับจํานวน excel ไม่นับซ้ํา

สวัสดีครับเพื่อนๆ เจอกันวันนี้กับสูตร Excel สำหรับการทำงานทั่วไป
วันนี้ทางเราจะมาแชร์เรื่อง สูตร excel นับจํานวนที่ซ้ำกัน
สามารถดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่างได้ท้ายบทความ

สำหรับสูตรที่ใช้ในการนับจำนวนที่ซ้ำกัน ก็คือ สูตร COUNTIF
นับแบบมีเงือนไข โดยเราจำกำหนดเงื่อนไขให้นับเฉพาะค่าใดค่าหนึ่ง
ภายในตารางหรือชุดข้อมูล ว่าค่านั้นๆ มีจำนวนกี่ตัว

เช่น นับจำนวนนักเรียนที่ได้คะแนน 50 คะแนน มีจำนวนกี่คน เป็นต้น

สูตร excel นับจํานวนที่ซ้ำกัน

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ สูตร COUNTIF นับแบบมีเงือนไข กันก่อนครับ
ไวยากรณ์ (ให้เข้าใจง่าย)

=COUNTIF(ช่วงข้อมูล,เงือนไขหรือค่าที่จะให้นับ)

เช่น =COUNTIF(G7:G15,I7)

G7:G15 = ช่วงข้อมูล
I7 = เงือนไขหรือค่าที่จะให้นับ

ดูตัวอย่างตามภาพ นับจำนวนนักเรียนที่ได้คะแนน … คะแนน มีจำนวนกี่คน

รายชื่อคะแนนนาย ก50นาย ข50นาย ค60นาย ง55นาย A56นาย B60นาย C60นาย D68นาย E72

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่างที่นี่

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับ สูตร excel นับจํานวนที่ซ้ำกัน
โดยใช้ สูตร COUNTIF นับแบบมีเงือนไข
น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ อย่างแน่นอน
หากมีปัญหาการใช้งาน หรือ อะไรก็แล้วแต่ สอบถามได้เลยครับ
แฟนเพจ : https://facebook.com/108howtocom
Website : http://www.108howto.com
Youtobe : https://www.youtube.com/user/MrJom108

Related Posts

• 

  สูตร excel นับช่องที่ไม่ว่าง

  สวัสดีครับเพื่อ…

• 

  สูตร excel นับจํานวนตัวอักษร

  สวัสดีครับเพื่อ…

• 

  สูตร excel หาค่าสูงสุด

  หากเพื่อนกำลังห…

• 

  สูตร excel จัดอันดับคะแนน

  สวัสดีครับทุกท่…

• 

  สูตร excel หาวันครบกําหนด

  หากเพื่อนๆ กำลั…

คุณสามารถใช้กล่องโต้ตอบ ตัวกรอง ขั้นสูง เพื่อ แยกค่าเฉพาะออกจากคอลัมน์ของข้อมูล และวางค่าเหล่านั้นลงในที่ตั้งใหม่ได้ จากนั้นคุณสามารถใช้ฟังก์ชัน ROWS เพื่อนับจํานวนรายการในช่วงใหม่

1. เลือกช่วงของเซลล์ หรือตรวจสอบให้แน่ใจว่าเซลล์ที่ใช้งานอยู่นั้นอยู่ในตาราง

   ตรวจสอบให้แน่ใจว่าช่วงของเซลล์มีส่วนหัวของคอลัมน์

2. บนแท็บ ข้อมูล ในกลุ่ม เรียงลำดับและกรอง ให้คลิก ขั้นสูง

   กล่องโต้ตอบ ตัวกรองขั้นสูง จะปรากฏขึ้น

3. คลิก คัดลอกไปยังที่ตั้งอื่น

4. ในกล่อง คัดลอก ไปยัง ให้ใส่การอ้างอิงเซลล์

   หรือคลิก ยุบ

   
   เพื่อซ่อนกล่องโต้ตอบชั่วคราว เลือกเซลล์บนเวิร์กชีต แล้วกด ขยาย กล่องโต้ตอบ
   

5. เลือกกล่องกา เครื่องหมาย ระเบียน เฉพาะเท่านั้น แล้วคลิกตกลง

   ค่าไม่เฉพาะจากช่วงที่เลือกจะถูกคัดลอกไปยังสถานที่ใหม่โดยเริ่มต้นด้วยเซลล์ที่คุณระบุไว้ ในกล่อง คัดลอก ไปยัง

6. ในเซลล์ว่างด้านล่างเซลล์สุดท้ายในช่วง ให้ใส่ ฟังก์ชัน ROWS ใช้ช่วงของค่าไม่เฉพาะที่คุณเพิ่งคัดลอกเป็นอาร์กิวเมนต์ โดยไม่รวมส่วนหัวของคอลัมน์ ตัวอย่างเช่น ถ้าช่วงของค่าไม่ซ้ากันคือ B2:B45 ให้คุณใส่=ROWS(B2:B45)

นับจํานวนค่าไม่แน่นอนโดยใช้ฟังก์ชัน

ใช้ฟังก์ชัน IF,SUM,FREQUENCY,MATCHและ LEN ร่วมกันเพื่องานนี้

• กำหนดค่า 1 ให้กับเงื่อนไขที่เป็นจริงแต่ละเงื่อนไขโดยใช้ฟังก์ชัน IF

• เพิ่มผลรวมโดยใช้ ฟังก์ชัน SUM

• นับจํานวนค่าไม่แน่นอนโดยใช้ฟังก์ชัน FREQUENCY ฟังก์ชัน FREQUENCY จะละเว้นข้อความและค่าศูนย์ เมื่อปรากฏเป็นครั้งแรกของค่าที่ระบุ ฟังก์ชันนี้จะส่งกลับตัวเลขเท่ากับจํานวนครั้งของค่านั้น เมื่อแต่ละเหตุการณ์ของค่าเดียวกันหลังจากค่าแรก ฟังก์ชันนี้จะส่งกลับค่าศูนย์

• ส่งกลับตําแหน่งของค่าข้อความในช่วงโดยใช้ฟังก์ชัน MATCH ค่าที่ส่งกลับนี้จะถูกใช้เป็นอาร์กิวเมนต์ของฟังก์ชัน FREQUENCY เพื่อให้สามารถประเมินค่าข้อความที่สอดคล้องกันได้

• ค้นหาเซลล์ว่างโดยใช้ฟังก์ชันLEN เซลล์ว่างมีความยาวของ 0

(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({}); ตัวอย่าง

หมายเหตุ: 

• สูตรในตัวอย่างนี้ต้องถูกใส่เป็นสูตรอาร์เรย์ ถ้าคุณมี Microsoft 365 เวอร์ชันปัจจุบัน คุณเพียงแค่ใส่สูตรในเซลล์ด้านซ้ายบนของช่วงผลลัพธ์ แล้วกด ENTER เพื่อยืนยันสูตรเป็นสูตรอาร์เรย์แบบไดนามิก มิฉะนั้น ต้องใส่สูตรเป็นสูตรอาร์เรย์ดั้งเดิม ดยเลือกช่วงผลลัพธ์ก่อน ใส่สูตรในเซลล์ด้านซ้ายบนของช่วงผลลัพธ์ แล้วกด CTRL+SHIFT+ENTER เพื่อยืนยัน Excel จะแทรกวงเล็บปีกกาที่จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของสูตรให้คุณ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสูตรอาร์เรย์ ให้ดูที่ คำแนะนำและตัวอย่างของสูตรอาร์เรย์

• เมื่อต้องการดูฟังก์ชันที่ประเมินตามขั้นตอน ให้เลือกเซลล์ที่มีสูตร จากนั้นบนแท็บ สูตร ในกลุ่มตรวจสอบสูตรให้คลิกประเมินสูตร

รายละเอียดฟังก์ชัน

• ฟังก์ชัน FREQUENCY จะคํานวณความถี่ของค่าที่เกิดขึ้นภายในช่วงของค่า แล้วส่งกลับอาร์เรย์ของตัวเลขในแนวตั้ง ตัวอย่างเช่น ใช้ FREQUENCY เพื่อนับจํานวนคะแนนการทดสอบที่อยู่ภายในช่วงของคะแนน เนื่องจากฟังก์ชันนี้ส่งกลับอาร์เรย์ ดังนั้นต้องใส่อาร์เรย์เป็นสูตรอาร์เรย์

• ฟังก์ชัน MATCH จะค้นหารายการที่ระบุในช่วงของเซลล์ แล้วส่งกลับตําแหน่งสัมพันธ์ของรายการในช่วงนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าช่วง A1:A3 มีค่า 5, 25 และ 38 สูตร =MATCH(25,A1:A3,0) จะส่งกลับตัวเลข 2 เนื่องจาก 25 เป็นรายการที่สองในช่วง

• ฟังก์ชัน LEN ส่งกลับจํานวนอักขระในสตริงข้อความ

• ฟังก์ชัน SUM จะรวมตัวเลขทั้งหมดที่คุณระบุเป็นอาร์กิวเมนต์ แต่ละอาร์กิวเมนต์สามารถเป็นช่วง การอ้างอิงเซลล์ อาร์เรย์ ค่าคงที่ สูตร หรือผลลัพธ์จากฟังก์ชันอื่นได้ ตัวอย่างเช่น SUM(A1:A5) จะบวกตัวเลขทั้งหมดที่อยู่ในเซลล์ A1 ถึง A5

• ฟังก์ชัน IF จะส่งกลับค่าหนึ่งค่าถ้าเงื่อนไขที่คุณระบุประเมินเป็น TRUE และส่งกลับค่าอีกค่าหนึ่งถ้าเงื่อนไขนั้นประเมินเป็น FALSE