มีความสะดวกในการคำนวณทางคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะการคำนวณ บวก ลบ คูณ หาร จัดว่าเป็นพื้นฐานของการคำนวณอย่างยิ่ง การคำนวณผลลัพธ์ที่มีจำนวนหลายเซลล์นั้น โปรแกรม Microsoft Excel สามารถคำนวณได้ด้วยสูตร ซึ่งมีความถูกต้องและชัดเจน Show กฎเกณฑ์การคำนวณ - ทุกครั้งที่ต้องการคำนวณจะต้องพิมพ์เครื่องเท่ากับ (=) ก่อนทุกครั้ง - เมื่อกำหนดสูตรการคำนวณเรียบร้อยแล้วให้กดแป้น Enter Sum การคำนวณหาค่าผลรวม รูปแบบการใช้สูตรในการคำนวณ =สูตร(เซลล์ต้นทาง:เซลล์ปลายทาง) เช่น average การคำนวณหาค่าเฉลี่ย รูปแบบการใช้สูตรในการคำนวณ COUNT ใช้ในการนับจำนวนที่ระบุ รูปแบบการใช้สูตรในการคำนวณ MAX หาค่าที่สูงสุดในกลุ่มของตัวเลข รูปแบบการใช้สูตรในการคำนวณ MIN หาค่าที่ต่ำสุดในกลุ่มของตัวเลข รูปแบบการใช้สูตรในการคำนวณ IF ใช้ทดสอบเงื่อนไข รูปแบบการใช้ฟังก์ชั่นในการคำนวณ =IF(อ้างอิงเซลล์/เครื่องหมายอ้างอิง/ขอบเขตที่1,“ผลลัพธ์”, IF(อ้างอิงเซลล์/เครื่องหมายอ้างอิง/ขอบเขตที่2,“ผลลัพธ์”, IF(อ้างอิงเซลล์/เครื่องหมายอ้างอิง/ขอบเขตที่3,“ผลลัพธ์”,....., IF(อ้างอิงเซลล์/เครื่องหมายอ้างอิง/ขอบเขตที่n,“ผลลัพธ์”, “ผลลัพธ์ที่ไม่อยู่ในขอบเขต”)))...)n กดแป้น Enter หมายเหตุ n แทน ขอบเขตสุดท้ายที่ต้องการค้นหา โดย logical_test คือ เงื่อนไขที่จะทำการตรวจสอบ value_if_true คือ สิ่งที่จะกระทำ หรือ ผลที่จะ เกิด เมื่อเงื่อนไขที่ตรวจสอบเป็นจริง value_if_false คือ สิ่งที่จะกระทำ หรือ ผลที่ จะเกิด เมื่อเงื่อนไขที่ตรวจสอบเป็นเท็จ COUNTIF การนับจำนวนเซลล์ภายในช่วงให้ตรงตามเงื่อนไข รูปแบบการใช้ฟังก์ชั่นในการคำนวณ =COUNIF(อ้างอิงเซลล์ต้นทาง:อ้างอิงเซลล์ต้นปลายทาง,“ผลลัพธ์ที่ต้องการหา”) COUNTA ใช้นับจำนวนเซลล์ที่ไม่ใช่เซลล์ว่าง SUMIF หาค่าผลรวมตามเงื่อนไข
รูปแบบการใช้สูตรในการคำนวณ ฟังก์ชันค้นหาและอ้างอิง ฟังก์ชัน Hlookup เป็นวิธีการค้นหาค่าในแถวบนสุดของตารางหรือ อาร์เรย์ของค่า และส่งกลับในคอลัมน์เดียวกันจากแถวที่ระบุ HLOOKUP(lookup_value,table_array,row_index_num,…) lookup_value คือ ค่าที่เป็นที่จะค้นหาในตารางข้อมูล โดยค่านี้ จะเป็นค่า หรือ การอ้างอิง หรือ ข้อความก็ได้ โดยจะไปค้นจากแถวแรกของ table_array table_array คือตารางข้อมูล หรือ ฐานข้อมูล ที่จะเข้าไปค้นหา โดยมีการเก็บข้อมูลในแนวนอน row_index_num คือหมายเลขของแถว ในตารางtable_array ที่ต้องการค่าในแถวนี้ส่งกลับมาเป็นผลลัพธ์ของการทำงานของฟังก์ชัน range_lookup คือ ค่าทางตรรกะ ซึ่งมี 2 ค่า True กับ False ถ้าเป็น True หรือ อาจละไว้ไม่ใส่ เมื่อฟังก์ชันทำงานจะส่งค่าที่อยู่ในแถว ที่กำหนดในสดมภ์เดียวกับค่าที่ใช้ค้นหา หรือค่าที่ใกล้เคียงที่สุดกลับมา แต่ถ้า range_lookup เป็น False จะส่งเฉพาะค่าในแถวที่ระบุ และอยู่ในสดมภ์เดียวกับค่าที่ค้นหามาให้ ถ้าไม่มีจะรายงานความผิดพลาดว่า #N/A ถ้า range_lookup เป็น true ค่าที่อยู่ในแถวแรก ของ table_array จะต้องเรียงจากน้อยไปมาก แต่ถ้าเป็น false ไม่จำเป็นต้องเรียง ฟังก์ชั่น VLOOKUP สำหรับการค้นหาข้อมูลในคอลัมน์ที่กำหนด lookup_value คือ ค่าที่จะค้นหาจากสดมภ์แรกของตารางหรือฐานข้อมูลที่ระบุ ซึ่งอาจเป็นค่า เป็นการอ้างอิง หรือข้อความใด ๆ table_array คือ ตารางหรือฐานข้อมูลที่จะถูกค้นหาค่าที่ต้องการ ซึ่งตารางหรือฐานข้อมูลนี้เก็บข้อมูลในแนวสดมภ์ หรือแถวตั้ง col_index_num คือ หมายเลขสดมภ์ของตารางข้อมูลที่ระบุให้นำข้อมูลในสดมภ์นี้ส่งกลับไปยังตำแหน่งที่ตั้งของสูตร ที่ใช้ฟังก์ชัน Vlookup โดยสดมภ์นี้จะอยู่ในแถวเดียวกับค่าที่ถูกค้นหา โดยหมายเลขสดมภ์จะนับจากซ้ายไปขวาของตารางข้อมูล range_lookup คือ ค่าตรรกะที่ระบุให้ฟังก์ชัน มี 2 ค่า คือ True ซึ่งอาจละไว้ไม่ใส่ กับ False โดยถ้าใช้ True หรือละไว้ไม่ใส่ จะส่งค่าที่ตรงกับค่าที่ค้นหา ถ้าไม่พบจะส่งค่าที่ตรงกับค่าใกล้เคียงที่สุดไปให้ โดยตารางข้อมูลค่าในสดมภ์ที่ค้นหา ต้องเรียงจากน้อยไปมาก หากระบุ ramge_lookup เป็น False จะค้นหาและส่งค่าที่ตรงกับของค่าที่ค้นหาเท่านั้น หากไม่พบจะแสดงความผิดพลาดว่า #N/A มาให้ ทำความรู้จัก Function LEFT,MID, RIGHT Function?LEFT, MID, RIGHT?ทั้ง 3 คำสั่งนี้ ใช้สำหรับการดึงข้อมูลบางส่วนจากเซลล์ที่กำหนดมาแสดงในเซลล์ที่เราต้องการ? เป็นการแนะนำทั้ง?3 ฟังก์ชั่นที่ใกล้เคียงและมีความสัมพันธ์กัน?ทั้งนี้?เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนในแต่ละฟังก์ชั่น รูปแบบ LEFT(text,num_chars) · text?หมายถึง เซลล์ที่ต้องการดึงข้อมูล · num_chars หมายถึง จำนวนตัวอักษรที่ต้องการดึงโดยเริ่มต้นนับจากตัวอักษรทางซ้ายมือ รูปแบบ MID(text,start_num,num_chars) · text?หมายถึง เซลล์ที่ต้องการดึงข้อมูล · start_num หมายถึง ตำแหน่งของตัวอักษรแรกที่ต้องการดึงมาแสดง · num_chars หมายถึง จำนวนตัวอักษรที่ต้องการดึงมาแสดง รูปแบบ RIGHT(text,num_chars) · text?หมายถึง เซลล์ที่ต้องการดึงข้อมูล · num_chars หมายถึง จำนวนตัวอักษรที่ต้องการดึงโดยเริ่มต้นนับจากตัวอักษรทางขวามือ ฟังก์ชัน PMT ฟังก์ชัน PMT ใช้ในการคำนวณหายอดชำระเงินกู้ในแต่ละงวด ซึ่งวิธีนี้สามารถกำหนดจำนวนงวดที่จะต้องจ่าย ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน PMT ฟังก์ชัน FV ฟังก์ชัน FV ใช้ในการคำนวณหามูลค่าเงินในอนาคต (Future Value) เช่น จำนวนเงินทั้งหมดที่จะได้รับจากเงินฝากประจำ หรือการลงทุนอื่น ๆ เพื่อที่จะคำนวณถึงผลตอบแทนที่จะได้รับจากเงินฝากประจำ หรือการลงทุนอื่น ๆ เพื่อที่จะคำนวณถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ
|