คณิตศาสตร์, คณิตศาสตร์ ม.1, ม.1, โจทย์ประยุกต์ร้อยละ, โจทย์ปัญหา, โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์, โจทย์ปัญหาสัดส่วนสารบัญโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละบทความนี้ ได้รวบรวม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ ซึ่งการแก้โจทย์ปัญหานั้น น้องๆจะต้องอ่านทำความเข้าใจกับโจทย์ให้ละเอียด และพิจารณาอย่างรอบคอบว่าโจทย์กำหนดอะไรมาให้บ้างและโจทย์ต้องการให้หาอะไร จากนั้นจะสามารถหาค่าของสิ่งที่โจทย์ต้องการได้โดยใช้ความรู้เรื่องการคูณไขว้ สัดส่วน และร้อยละ ก่อนจะเรียนรู้เรื่องนี้ น้องๆจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง สัดส่วน เพิ่มเติมได้ที่ ⇒⇒ สัดส่วน ⇐⇐ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสัดส่วนตัวอย่างที่ 1 อัตราส่วนของอายุของนิวต่ออายุของแนน เป็น 2 : 3 อัตราส่วนของอายุของแนนต่ออายุของมิ้น เป็น 9 : 7 ถ้านิวอายุ 42 ปี แล้วมิ้นอายุเท่าไร วิธีทำ ให้มิ้นอายุ x ปี อัตราส่วนของอายุของนิวต่ออายุของแนน เป็น 2 : 3 = 2 × 3 : 3 × 3 = 6 : 9 อัตราส่วนของอายุของแนนต่ออายุของมิ้น เป็น 9 : 7 จะได้ อัตราส่วนของอายุของนิวต่ออายุของแนนต่ออายุของมิ้น เป็น 6 : 9 : 7 ถ้านิวอายุ 42 ปี มิ้นจะอายุ x ปี เขียนสัดส่วนได้ดังนี้
ดังนั้น มิ้นอายุ 49 ปี ตัวอย่างที่ 2 แมนวางแผนเพื่อปลูกต้นมะม่วงกับต้นมะขามเป็นแนวรั้ว โดยปลูกต้นมะม่วงสลับกับต้นมะขามเป็นอัตราส่วน เป็น 2 : 5 เมื่อแมนปลูกเสร็จแล้วปรากฏว่ามีต้นมะขาม 95 ต้น จงหาว่าแมนปลูกต้นมะม่วงทั้งหมดกี่ต้น วิธีทำ ให้แมนปลูกต้นมะม่วงทั้งหมด x ต้น อัตราส่วนของจำนวนต้นมะม่วงต่อจำนวนต้นมะขาม เป็น 2 : 5 หรือ ถ้าแมนปลูกต้นมะขามทั้งหมด 95 ต้น อัตราส่วนใหม่ คือ x : 95 หรือ เขียนสัดส่วนได้ดังนี้ ดังนั้น แมนปลูกต้นมะม่วงทั้งหมด 38 ต้น โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับร้อยละตัวอย่างที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งมีนักเรียน 2,600 คน มีนักเรียนชายคิดเป็น 44 % ของนักเรียนทั้งหมดจะมีนักเรียนหญิงกี่คน วิธีทำ 1) ทำความเข้าใจโจทย์ – สิ่งที่โจทย์ถาม คือ จำนวนนักเรียนหญิงกี่คน – สิ่งที่โจทย์กำหนด คือ โรงเรียนแห่งหนึ่งมีนักเรียน 2,600 คน มีนักเรียนชาย คิดเป็น 44 % ของนักเรียนทั้งหมด จะได้ว่ามีจำนวนนักเรียนหญิง 56% ของนักเรียนทั้งหมด 2) เขียนสัดส่วนแสดงอัตราส่วนโดยให้ลำดับของสิ่งที่เปรียบเทียบในแต่ละอัตราส่วนเป็นลำดับเดียวกัน นักเรียนชายคิดเป็น 44 % จะมีนักเรียนหญิง 56 % ของนักเรียนทั้งหมด ให้มีนักเรียนหญิง a คน อัตราส่วนของจำนวนนักเรียนหญิงต่อจำนวนนักเรียนทั้งหมด เป็น 3) แก้สมการหาค่าตัวแปร เขียนเป็นสัดส่วนได้ดังนี้ ดังนั้น จะมีนักเรียนหญิง 1,456 คน ตัวอย่างที่ 4 แม่ค้าขายเงาะลงทุนทั้งสิ้น 1,200 บาท ปรากฏว่าขายเงาะแล้วได้กำไร 20% อยากทราบว่าแม่ค้าขายเงาะได้กำไรเป็นเงินเท่าไร วิธีทำ 1) ทำความเข้าใจโจทย์ – สิ่งที่โจทย์ถาม คือ แม่ค้าขายเงาะได้กำไรเป็นเงินเท่าไร – สิ่งที่โจทย์กำหนด คือแม่ค้าขายเงาะลงทุนทั้งสิ้น 1,200 บาท ขายแล้วได้กำไร 20% 2) เขียนสัดส่วนแสดงอัตราส่วนโดยให้ลำดับของสิ่งที่เปรียบเทียบในแต่ละอัตราส่วนเป็นลำดับเดียวกัน ให้แม่ค้าขายเงาะได้กำไรเป็นเงิน y บาท ขายเงาะได้กำไร คิดเป็น 20% = 3) แก้สมการหาค่าตัวแปร เขียนเป็นสัดส่วนได้ดังนี้ ดังนั้น แม่ค้าขายเงาะได้กำไรเป็นเงิน 240 บาท ตัวอย่างที่ 5 นาวิทซื้อรถยนต์คันหนึ่ง จ่ายเงินมัดจำไป 75,000 บาท คิดเป็น 15% ของราคารถยนต์คันนี้ จงหาว่ารถยนต์คันนี้ราคาเท่าไร วิธีทำ ให้นาวิทซื้อรถยนต์คันนี้ราคา x บาท จ่ายเงินมัดจำไป 75,000 บาท เงินมัดจำที่จ่ายไปคิดเป็น 15% = เขียนสัดส่วนได้ดังนี้
ดังนั้น นาวิทซื้อรถยนต์คันนี้ ราคา 500,000 บาท ตัวอย่างที่ 6 ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่งปิดราคาพัดลมไว้ 560 บาท โดยคิดเอากำไร 40 % ต่อมาขายไปเป็นเงิน 480 บาท จะได้กำไรกี่เปอร์เซ็นต์ วิธีทำ คิดเอากำไร 40 % หมายความว่า ปิดราคา 140 บาท จากราคาทุน 100 บาท ให้พัดลมมีราคาทุน m บาท เขียนสัดส่วนได้ดังนี้
เพราะฉะนั้น ราคาทุน เท่ากับ 400 บาท ขายไปเป็นเงิน 480 บาท เพราะฉะนั้น กำไร 480 – 400 = 80 บาท ให้ได้กำไร n% เขียนสัดส่วนได้ดังนี้ ดังนั้น จะได้กำไร 20% โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับภาษีก่อนที่น้องๆจะไปเรียนรู้ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับภาษี ให้น้องๆได้ศึกษาความหมายของคำจำกัดความต่อไปนี้ เงินได้พึงประเมิน หมายถึง เงินรายได้ของผู้เสียภาษีก่อนหักค่าใช่จ่ายและค่าลดหย่อน ค่าใช้จ่าย หมายถึง รัฐบาลให้ผู้มีรายได้หักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 40 ของเงินพึงประเมิน แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ค่าลดหย่อน หมายถึง ผู้มีเงินรายได้สามารถหักค่าลดหย่อนออกจากเงินได้พึงประเมินได้อีก เช่น ค่าลดหย่อนสำหรับบุคคลที่มีเงินรายได้ ค่าลดหย่อนสำหรับบุตร ค่าลดหย่อนสำหรับเบี้ยประกัน และค่าลดหย่อนสำหรับเงินบริจาค เป็นต้น เงินได้สุทธิ หมายถึง ได้พึงประเมินหลังจากที่หักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนแล้ว เงินได้สุทธินี้ จะนำไปเป็นเงินคำนวณภาษีที่ต้องเสียให้แก่รัฐตามอัตราที่กำหนดไว้ ตัวอย่างที่ 7 วีระทำงานบริษัทแห่งหนึ่งได้รับเงินเดือนเดือนละ 35,000 บาท มีภรรยาที่ไม่ได้ทำงาน และมีบุตร 2 คน กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.1 และ ม.2 เขาจะเสียภาษีเท่าไร ( ค่าลดหย่อนผู้มีเงินได้ 30,000 บาท ค่าลดหย่อนคู่สมรส 30,000 บาท และค่าลดหย่อนบุตรกรณีศึกษาอยู่ในประเทศ คนละ 17,000 บาท กรณีที่ไม่ได้ศึกษาหรือศึกษาต่อต่างประเทศคนละ 15,000 บาท ) วิธีทำ วีระมีรายได้ปีละ 35,000 × 12 = 420,000 บาท หักค่าใช้จ่าย 40% ของเงินได้พึงประเมิน × 420,000 = 168,000 บาทเนื่องจากหักค่าใช้จ่าย 40% ของเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท ดังนั้น หักเพียง 60,000 บาท เหลือเงินได้พึงประเมิน 420,000 – 60,000 = 360,000 บาท หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 30,000 บาท หักค่าลดหย่อนภรรยา 30,000 บาท หักค่าลดหย่อนบุตร 17,000 × 2 = 34,000 บาท รวมหักค่าลดหย่อน 30,000 + 30,000 + 34,000 = 94,000 บาท เงินได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี 360,000 – 94,000 = 266,000 บาท เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ยกเว้นภาษี ส่วนที่เกิน 150,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เสียภาษี 10% จะได้ว่า เงินได้สุทธิ 266,000 – 150,000 = 116,000 บาท ดังนั้น เสียภาษี × 116,000 = 11,600 บาทตัวอย่างที่ 8 การิม เป็นโสด ทำงานได้เงินเดือนปีละ 300,000 บาท จ่ายเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพปีละ 18,000 บาท ทำประกันชีวิตไว้โดยจ่ายเบี้ยประกันปีละ 12,000 บาท บริจาคเงิน 3,000 บาท จงหาว่า การิม ต้องจ่ายภาษีทั้งหมดกี่บาท วิธีทำ รายได้ทั้งปี 300,000 บาท หักค่าใช้จ่าย 40% ของเงินได้พึงประเมิน × 300,000 = 120,000 บาท เนื่องจากหักค่าใช้จ่าย 40% ของเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท ดังนั้น หักเพียง 60,000 บาท เหลือเงินได้พึงประเมิน 300,000 – 60,000 = 240,000 บาท หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 30,000 บาท หักค่าเบี้ยประกันชีวิต 12,000 บาท หักเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 18,000 บาท หักเงินบริจาคตามที่จ่ายจริง 3,000 บาท รวมหักค่าลดหย่อน 30,000 + 12,000 + 18,000 + 3,000 = 63,000 บาท เงินได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี 240,000 – 63,000 = 177,000 บาท เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ยกเว้นภาษี ส่วนที่เกิน 150,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เสียภาษี 10% จะได้ว่า เงินได้สุทธิ 177,000 – 150,000 = 27,000 บาท ดังนั้น เสียภาษี × 27,000 = 2,700 บาท ตัวอย่างที่ 9 เกรซมีเงินได้จากบริษัทแห่งหนึ่ง เดือนละ 20,000 บาท ตลอดปีภาษี 2554 ถูกหักเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3% ของเงินเดือน ถูกหักเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม รวมทั้งปี 9,000 บาท จงคำนวณภาษีของเกรซ วิธีทำ เกรซมีรายได้ปีละ 20,000 × 12 = 240,000 บาท หักค่าใช้จ่าย 40% ของเงินได้พึงประเมิน × 240,000 = 96,000 บาท เนื่องจากหักค่าใช้จ่าย 40% ของเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท ดังนั้น หักเพียง 60,000 บาท เหลือเงินได้พึงประเมิน 240,000 – 60,000 = 180,000 บาท หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 30,000 บาท หักเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3% ของเงินเดือน × 20,000 = 600 บาทตลอดทั้งปี คิดเป็นเงิน 600 × 12 = 7,200 บาท หักเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม รวมทั้งปี เป็นเงิน 9,000 บาท รวมหักค่าลดหย่อน 30,000 + 7,200 + 9,000 = 46,200 บาท เงินได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี 180,000 – 46,200 = 133,800 บาท เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ยกเว้นภาษี ดังนั้น เกรซได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี เมื่อน้องๆเรียนรู้เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ จะทำให้น้องๆได้ฝึกการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา และตีความจากโจทย์ เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง จากตัวอย่างหลายๆตัวอย่าง ทำให้น้องๆ สามารถหาคำตอบ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ คลิปวิดีโอ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละคลิปวิดีโอนี้ได้รวบรวม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน สัดส่วน และร้อยละ โดยแสดงวิธีคิดไว้อย่างละเอียด ซึ่งเป็นคลิปสั้นๆ ที่สามารถเข้าใจได้ง่าย แฝงไปด้วยสาระความรู้ และเทคนิค รวมถึงการอธิบาย ตัวอย่าง และสอนวิธีคิดที่จะทำให้วิชาคณิตศาสตร์เป็นเรื่องง่าย NockAcademy คือโรงเรียนออนไลน์สำหรับเด็ก โดยแอปฯ และเว็บไซต์ นักเรียนสามารถเรียนรู้ผ่านคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย แค่ 10 นาที ก็เข้าใจได้ สามารถดูคลิปบทเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่มีมากกว่า 2,000+ คลิป และยังสามารถทำแบบทดสอบที่มีมากกว่า 4000+ ข้อ ดูคลิป แนะนำ แชร์ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ความเป็นมาของวรรณคดีที่แปลจากภาษาอังกฤษ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า เป็นวรรณคดีที่ไทยที่ถูกแปลมาจากภาษาอังกฤษ น้อง ๆ คงจะสงสัยกันใช่ไหมคะว่าทำไมเราถึงได้เรียนวรรณคดีที่ถูกแปลจากภาษาอื่นด้วย บทเรียนในวันนี้จะพาน้อง ๆ ไปทำความรู้จักวรรณคดีที่ทรงคุณค่าอีกเรื่องหนึ่งว่ามีที่มาและเรื่องย่ออย่างไร ใครเป็นผู้แต่งในฉบับภาษาไทย ถ้าพร้อมที่จะเรียนรู้แล้วก็ไปดูกันเลยค่ะ ความเป็นมา กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า วรรณคดีเรื่องกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า วรรณคดีเรื่องนี้มีที่มาจากกวีนิพนธ์อังกฤษชื่อ Elegy Written in a country churchyard ของ ธอร์มัส There is และ There are ในภาษาอังกฤษ สวัสดีน้องๆ ม. 2 ทุกคนนะครับ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องการใช้ There is และ There are ในภาษาอังกฤษกันครับ ถ้าพร้อมแล้วเราลองไปดูกันเลย สัดส่วน บทความนี้ได้รวบรวมความรู้เรื่อง สัดส่วน รวมทั้งโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสัดส่วน ซึ่งได้รวบรวมเนื้อหาและเขียนอธิบายไว้อย่างชัดเจน รวมถึงมีคลิปวิดีโอการสอน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับน้องๆ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ก่อนจะเรียนรู้เรื่องสัดส่วนนั้น น้องๆจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง อัตราส่วนของจำนวนหลายๆจำนวน สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ⇒⇒ อัตราส่วนของจำนวนหลายๆจำนวน ⇐⇐ สัดส่วน สัดส่วน คือ ประโยคที่แสดงการเท่ากันของอัตราส่วนสองอัตราส่วน อัตราส่วนทั้งสองมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันหรือในทิศทางตรงกันข้ามก็ได้ ชนิดของสัดส่วน สัดส่วนมี 2 ชนิด คือ สัดส่วนตรง และ สัดส่วนผกผัน การใช้ Passive Voice และ Active Voice ในรูปปัจจุบัน สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดูการใช้ Passive Voice และ Active Voice ในรูปปัจจุบัน กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลดเด้อ ความแตกต่างของ Passive Voice VS Active Voice Passive Voice คือประโยคที่เน้นกรรม เน้นว่าใครถูกทำ Active การใช้กริยา V. to be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ สวัสดีค่ะนักเรียนที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้กริยา be กับคำนามเอกพจน์ และพหูพจน์ กันนะคะ พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยจ้า Let’s go! รู้จักกับ V. to be V. to be แปลว่า เป็น อยู่ คือ หลัง verb to การใช้ Possessive pronoun โดยใช้ Whose/ Which ร่วมด้วย สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.6 ที่น่ารักทุกคนค่ะ วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้ Possessive pronoun โดยใช้ Whose/ Which ร่วมด้วย Let’s go! ไปลุยกันเลยจ้า Possessive pronoun คืออะไร What’s mine is yours, my dear. |