โครงสร้างภาษี 67,592 views โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร ภาษี ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด จะมี 6 องค์ประกอบพื้นฐาน ซึ่งสามารถปรับใช้ได้กับภาษีอากรทุกประเภท เพราะแม้รายละเอียดจะแตกต่าง แต่ในเชิงโครงสร้างแล้วล้วนประกอบด้วย 6 ส่วนต่อไปนี้ทั้งสิ้น 1. ผู้เสียภาษีกฎหมายต้องกําหนดว่า ผู้เสียภาษี เป็นใคร เพื่อให้คนนั้นรู้ว่าเขามีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย ซึ่ง ภาษีแต่ละประเภทก็จะกําหนดตัวผู้เสียภาษีแตกต่างกันไป เช่น
ดังนั้น คนคนเดียวอาจจะเสียภาษีมากกว่า 1 ประเภทก็ได้ ถ้ากฎหมายกําหนดเช่นนั้น 2. ฐานภาษีเมื่อเราทราบแล้วว่าผู้เสียภาษี เป็นใคร ฐานภาษีจะเป็นตัวกําหนดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เขาต้องเสียภาษีตามแต่ที่กฎหมายกําหนด เช่น
3. อัตราภาษีส่วนนี้สําคัญมาก เพราะเราจะเสียภาษีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ อัตราภาษี ที่จะใช้คํานวณกับฐานภาษีประเภทนั้น อัตราภาษีก็มีได้หลายแบบ เช่น
4. วิธีการเสียภาษีเสียภาษีเท่าไหร่ว่าสําคัญแล้ว แต่การเสียภาษีต้องทําอย่างไรก็สําคัญไม่แพ้กัน เพราะหากไม่ทําให้ถูกต้องอาจพบปัญหาได้ วิธีการเสียภาษีนั้น กฎหมายจะกําหนดเอาไว้อีกเช่นกันว่า ผู้เสียภาษีต้องดําเนินการอย่างไรจึงจะเรียกได้ว่าเสียภาษีถูกต้องแล้ว เช่น กฎหมายอาจจะกําหนดให้เราต้องประเมินภาษีด้วยตัวเอง เตรียมแบบฟอร์มให้ถูกต้องเอง คําานวณตัวเลขเอง ยื่นแบบฟอร์มเอง ชําาระเงินเอง แต่ถ้าคํานวณผิด จ่ายภาษีไม่ครบก็มีบทลงโทษหรือกฎหมายจะใช้วิธีหักภาษี ณ ที่จ่าย แล้วจบเลยก็ได้ หรือใช้ [วิธีประเมินภาษี] โดยเจ้าพนักงานก็ได้ แล้วแต่กรณี 5. การระงับข้อพิพาทความเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องภาษี ดังนั้น หากเจ้าพนักงานเห็นว่าคุณคํานวณภาษีผิดพลาด จ่ายไม่ครบ เจ้าพนักงานก็ย่อมมีอํานาจโต้แย้งไม่เห็นด้วย ในทางกลับกัน หากเจ้าพนักงานประเมินภาษี มาให้คุณแล้ว แต่คุณไม่เห็นด้วย คุณก็ย่อมมีสิทธิ์โต้แย้งไม่เห็นด้วยได้เช่นเดียวกัน การระงับข้อพิพาทจึงเป็นทางออกของความขัดแย้งเหล่านี้ว่าจะทําอย่างไรเพื่อให้ปัญหายุติ ซึ่งกฎหมายก็ได้กําหนดลําดับขั้นของการพิจารณาสําหรับภาษีแต่ละประเภท ซึ่งก็มีตั้งแต่ยอมรับและจ่ายภาษีไปตามนั้น จนไปถึงขนาดเป็นคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลกันเลยก็มี 6. การบังคับคดีในกรณีที่ผู้เสียภาษีไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหมายเองก็จะกําหนดขั้นตอนว่าในกรณีที่ผู้เสียภาษีไม่จ่ายจะทําอะไรได้บ้าง ซึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นยึดทรัพย์ขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาจ่ายภาษีเลยก็ได้ ภาษีอาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากไปสักหน่อย น่าปวดหัวไปสักนิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เราทุกคนย่อมหนีเรื่องน่าปวดหัวนี้ไม่พ้น และหากคุณเป็นหนึ่งคนที่รู้สึกว่า การคำนวณภาษีหรือวางแผนภาษีเป็นเรื่องน่าวุ่นวาย เราอยากให้คุณวางใจได้ เพราะ iTAX จะช่วยให้ปัญหาน่าปวดหัวเหล่านี้หมดไป เพราะคุณสามารถ คำนวณภาษี วางแผนภาษี พร้อมค้นหาตัวช่วยลดหย่อนภาษี iTAX shop ได้แค่คลิกเดียว ฐานภาษีสำหรับการประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ได้แก่ รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ที่ผู้ประกอบกิจการได้รับ หรือพึงได้รับเนื่องจากการประกอบกิจการ "รายรับ" หมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือประโยชน์ใด ๆ อันมีมูลค่าที่ผู้ประกอบกิจการ ได้รับหรือพึงได้รับ ไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักรอันเนื่องมาจากการประกอบกิจการ กิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จะต้องเสียภาษีโดยคำนวณจากฐานภาษี ซึ่งได้แก่ รายรับตามฐานภาษี ของแต่ละประเภทกิจการ คูณด้วยอัตราภาษีที่กำหนดไว้ และจะต้องเสียภาษีท้องถิ่นอีก ร้อยละ 10 ของจำนวนภาษี ธุรกิจเฉพาะดังกล่าว กิจการฐานภาษีอัตราภาษีร้อยละ1. กิจการธนาคาร,ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์, ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ และการประกอบกิจการเยี่ยง ธนาคารพาณิชย์- ดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือกำไรก่อนหักรายจ่าย ใดๆ จากการซื้อหรือขายตั๋วเงินหรือ ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ใด ๆ3.0- กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการ แลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตรา การออกตั๋วเงินหรือการส่งเงินไปต่างประเทศ3.02. กิจการรับประกันชีวิต- ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ2.53. กิจการโรงรับจำนำ- ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม2.5- เงิน ทรัพย์สิน ค่าตอบแทน หรือ ประโยชน์ใดๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับ หรือพึงได้รับจากการขายของที่ จำนำหลุดเป็นสิทธิ2.54. การค้าอสังหาริมทรัพย์- รายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ0.15. การขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์- รายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ0.1(ยกเว้น)6. การซื้อและการขายคืนหลัก ทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตจาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์- กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการขายคืนหลักทรัพย์ แต่ไม่รวมถึง ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือประโยชน์ใดๆ ที่ได้จากหลักทรัพย์3.07. ธุรกิจแฟ็กเตอริง- ดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการ3.08. การประกอบกิจการตามพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 469- ดอกเบี้ย ส่วนลด ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการ0.01- กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการ แลกเปลี่ยนหรือซื้อขายเงินตรา0.01- กำไรก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากการขายคืนหลักทรัพย์0.01 หมายเหตุ อัตราภาษีของการค้าอสังหาริมทรัพย์ให้ลดและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.1 สำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ได้กระทำภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้ ( ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2551 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2552 พระราชกฤษฎีกา ( ฉบับที่ 472 ) พ.ศ.2551) ฐานภาษีคืออะไร มีอะไรบ้าง2. ฐานภาษีอากร คือ สิ่งที่เป็นมูลเหตุให้ต้องเสียภาษีอากร ขึ้นอยู่กับกฎหมายกาหนดไว้ เช่น 2.1 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ฐานภาษีคือเงินได้สุทธิ 2.2 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฐานภาษีคือมูลค่าการใช้จ่าย/การบริโภค
ฐานภาษีเงินได้นิติบุคคลมีกี่ประเภท อะไรบ้าง(1) กำไรสุทธิ (2) ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย (3) เงินได้ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทย (4) การจำหน่ายเงินกำไรออกไปจากประเทศไทย
ฐานภาษีและอัตราภาษีอากรมีอะไรบ้างประเภทของฐานภาษี มีอยู่กี่ประเภทอะไรบ้าง. ภาษีจัดเก็บจากฐานรายได้ : เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ของบุลคลธรรมดา. ภาษีเก็บจากฐานบริโภค : เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร. ภาษีเก็บจากฐานทรัพย์สิน : เช่น ภาษีรถยนต์ ภาษีโรงเรือง และที่ดิน. ภาษีรถยนต์ มีฐานภาษีจัดอยู่ในประเภทใดฐานภาษีมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ 1.ภาษีจัดเก็บจากฐานรายได้ : เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ของบุลคลธรรมดา 2.ภาษีเก็บจากฐานบริโภค : เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร 3.ภาษีเก็บจากฐานทรัพย์สิน : เช่น ภาษีรถยนต์ ภาษีโรงเรือง และที่ดิน
|