โครงสร้างส่วนประกอบของเกียร์มีอะไรบ้าง

          แน่นอนว่าเกียร์แต่ละแบบล้วนมีทั้งข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงข้อควรระวังในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แม้เกียร์ธรรมดาจะได้ชื่อว่ามีความทนทานมากกว่าเกียร์อัตโนมัติ แต่หากใช้งานอย่างไม่ทะนุถนอมหรือไม่ดูแลรักษาเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะเวลา เกียร์แบบไหนก็พังได้เช่นกัน

โครงสร้างและส่วนประกอบของเกียร์อตั โนมตั ิภายในเกียร์อตั โนมตั ิ ประกอบดว้ บชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่จะทาหนา้ ท่ีถ่ายทอดกาลงั ขบั เคลื่อนและเปล่ียนเกียร์ เช่น ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ , ป้ัมน้ามนั , ชุดแผน่ คลทั ช/์ เบรก, วาลว์ควบคุมไฮโดรลิค,เพลนเน็ตทารี่เกียร์และเพลาส่งกาลงั เป็นตน้ เกียร์อตั โนมตั ิทางานโดยอาศยั น้ามนั เกียร์อตั โนมตั ิเป็นตวั กลาง ทาหนา้ ท่ีเป็นตวั เปล่ียนเกียร์ และคลทั ชอ์ ตั โนมตั ิภายใตก้ ารทางานของชิ้นส่วนต่างๆดงั น้ี1. ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ทาหนา้ ที่เป็นคลทั ชอ์ ตั โนมตั ิ โดยการเพิม่ แรงบิดของไฮโดรลิคก่อนที่กาลงั งานจากเคร่ืองยนตจ์ ะไปยงั หน่วยส่งกาลงั2. ปั๊มน้ามนั ทาหนา้ ท่ีผลิตกาลงั ดนั น้ามนั เกียร์อตั โนมตั ิ เพอื่ ใหส้ ่วนต่าง ๆทางานโดยระบบไฮโดรลิค3. ชุดแผน่ คลทั ช์ / เบรก ทาหนา้ ท่ี เชื่อมต่อหรือตดั กาลงั งานจากเครื่องยนตไ์ ปยงั ชุดเพลนเน็ตทาร่ีเกียร์โดยใชแ้ รงดนั ของน้ามนั เกียร์อตั โนมตั ิ4. ชุดเพลนเน็ตทารี่เกียร์ ทาหนา้ ท่ีเหมือนเฟื องเกียร์ในเกียร์ธรรมดา มนั จะเปล่ียนแปลงความเร็วจากเครื่องยนตโ์ ดยสมั พนั ธก์ บั สภาพถนนและแรงบิดที่ออกมา5. วาลว์ ควบคุมไฮโดรลิค (ติดต้งั อยสู่ ่วนล่างสุดของเกียร์) ทาหนา้ ท่ีควบคุมกาลงั ดนัน้ามนั เกียร์อตั โนมตั ิภายใตส้ ภาวะการทางานต่างๆ6.เพลาส่งกาลงั ทาหนา้ ที่ส่งถ่ายกาลงั งานไปยงั เพลากลางน้ามนั เกียร์อตั โนมตั ิโตโยตา้ ในระบบเกียร์อตั โนมตั ิจาเป็นตอ้ งมีการภ่ายทอดกาลงั ท่ีมีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมแรงดนั ใหเ้ หมาะสมกบั การขบั ข่ีในทุกสภาพถนนในแต่ละระดบั ความเร็วท้งั ยงั เพิ่มความนิ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ และตอบสนองการขบั ข่ีได้ทนั ทีทนั ใดปัจจยั หน่ึงที่มีผลต่อสมรรถนะดงั กล่าว คือ \"น้ามนั เกียร์อตั โนมตั ิ

การใช้และการบารุงรักษาเกยี ร์อตั โนมตั ิคาแนะนาการดูแลและบารุงรักษาเกียร์อตั โนมตั ิHow to Take care and Maintenance your Automatic Transmissionระดับนา้ มนั เกยี ร์ นอกเหนือจากน้ามนั สะอาด และใชน้ ้ามนั ที่ถูกตอ้ งตามSpec ท่ีกาหนดแลว้ ระดบัของน้ามนั ก็มีความสาคญั มาก ระดบั ท่ีมากเกินไป นอกจากจะทาใหเ้ กิดฟองตามมาแลว้ อาจทาให้เกิดการ Leak ในบริเวณ Seal ไดอ้ ีกดว้ ย และยงั มีผลใหก้ ารเปลี่ยนถ่ายน้ามนั ในคร้ังต่อไปไม่สามารถเปล่ียนถ่ายไดม้ ากเป็นปกติ ทาใหม้ ีน้ามนั เก่าตกคา้ งไดม้ าก หากมีน้ามนั นอ้ ยเกินไปแน่นอนการทางานจะไมถ่ ูกตอ้ งและอาจสร้างความเสียหายใหก้ บั อุปกรณืภายในเกียร์ได้ และอีกประการที่น่าสนใจกรณีน้ามนั นอ้ ยหรือต่าเกินไป อะไรคือสาเหตุ เติมมานอ้ ยเกินไปแตแ่ รกหรือ มีรอยร่ัวLeak ท่ีไหนหรือไม่ สิ่งน้ีสาคญั มากๆครับตอ้ งหาใหไ้ ดว้ า่ อะไรคือสาเหตุทาใหน้ ้ามนั ต่าข้อควรระวงั ในการตรวจเช็คนา้ มันเกยี ร์1 ระดบั ของรถจะตอ้ งขนานกบั พ้ืนไม่เอียง ทาใหร้ ะดบั ผดิ ไป2 เคร่ืองยนตแ์ ละเกียร์ควรจะอยใู่ นอุณหภมู ิท่ีเหมาะสมไม่ร้อนหรือเยน็ จนเกินไป3 เบรคมือทุกคร้ัง4 เกียร์ควรอยใู่ นตาแหน่ง N

ข้อสาคัญในการตรวจสอบสภาพของนา้ มนั เกยี ร์1 น้ามนั เกียร์จะบอกสภาพของเกียร์ได้ น้ามนั เกียร์ที่ดีควรมีความสะอาด ไมม่ ีเศษโลหะหรือเป็นฟองและควรมีสีแดง2 ไม่ควรมีสีชมพู เป็นฟอง หรือสีข่นุ ๆคลา้ ยนมเยน็ ซ่ึงอาจจะมาจากน้าหล่อเยน็ หรือ Coolant มาผสม เป็นตน้3 น้ามนั ควรเช็ดออกง่ายจากกา้ นวดั ระดบั การท่ีมีคราบวานิชเช็ดออกยากท่ีกา้ นวดั แสดงใหเ้ ห็นวา่น่าจะมีปัญหาภายในเกียร์ และไมค่ วรมีกลิ่นไหมแ้ ละไมค่ วรมีสีคล้าของน้ามนั เกียร์ดว้ ย ซ่ึงก็สามารถบอกใหเ้ รารู้ไดว้ า่ เกียร์น่าจะมีการไหมห้ รือความร้อนสูงข้ึนแลว้ ภายใน4 การเติม Top up กรณีระดบั ขาดเลก็ นอ้ ย ตอ้ งแน่ใจวา่ ท่านใส่น้ามนั เกรดเดียวกนั และมีความสะอาดอยา่ งเพียงพอระดบั น้ามนั เกียร์ นอกเหนือจากน้ามนั สะอาด และใชน้ ้ามนั ที่ถูกตอ้ งตามSpecที่กาหนดแลว้ ระดบั ของน้ามนั กม็ ีความสาคญั มาก ระดบั ที่มากเกินไป นอกจากจะทาให้เกิดฟองตามมาแลว้ อาจทาใหเ้ กิดการ Leak ในบริเวณ Seal ไดอ้ ีกดว้ ย และยงั มีผลใหก้ ารเปลี่ยนถ่ายน้ามนัในคร้ังต่อไปไม่สามารถเปล่ียนถ่ายไดม้ ากเป็นปกติ ทาใหม้ ีน้ามนั เก่าตกคา้ งไดม้ าก หากมีน้ามนันอ้ ยเกินไปแน่นอนการทางานจะไมถ่ ูกตอ้ งและอาจสร้างความเสียหายใหก้ บั อุปกรณืภายในเกียร์ได้และอีกประการท่ีน่าสนใจกรณีน้ามนั นอ้ ยหรือต่าเกินไป อะไรคือสาเหตุ เติมมานอ้ ยเกินไปแตแ่ รกหรือ มีรอยรั่ว Leak ท่ีไหนหรือไม่ ส่ิงน้ีสาคญั มากๆครับตอ้ งหาใหไ้ ดว้ า่ อะไรคือสาเหตุทาใหน้ ้ามนัต่า ขอ้ ควรระวงั ในการตรวจเช็คน้ามนั เกียร์ 1 ระดบั ของรถจะตอ้ งขนานกบั พ้ืนไม่เอียง ทาใหร้ ะดบัผดิ ไป 2 เครื่องยนตแ์ ละเกียร์ควรจะอยใู่ นอุณหภูมิที่เหมาะสมไมร่ ้อนหรือเยน็ จนเกินไป 3 เบรคมือทุกคร้ัง 4 เกียร์ควรอยใู่ นตาแหน่ง N ขอ้ สาคญั ในการตรวจสอบสภาพของน้ามนั เกียร์ 1 น้ามนั เกียร์จะบอกสภาพของเกียร์ได้ น้ามนั เกียร์ที่ดีควรมีความสะอาด ไมม่ ีเศษโลหะหรือเป็ นฟองและควรมีสีแดง 2 ไม่ควรมีสีชมพู เป็นฟอง หรือสีขนุ่ ๆคลา้ ยนมเยน็ ซ่ึงอาจจะมาจากน้าหล่อเยน็ หรือ Coolantมาผสม เป็นตน้ 3 น้ามนั ควรเช็ดออกง่ายจากกา้ นวดั ระดบั การท่ีมีคราบวานิชเช็ดออกยากที่กา้ นวดัแสดงใหเ้ ห็นวา่ น่าจะมีปัญหาภายในเกียร์ และไมค่ วรมีกล่ินไหมแ้ ละไม่ควรมีสีคล้าของน้ามนั เกียร์ดว้ ย ซ่ึงก็สามารถบอกใหเ้ รารู้ไดว้ า่ เกียร์น่าจะมีการไหมห้ รือความร้อนสูงข้ึนแลว้ ภายใน 4 ครับการเติม Top up กรณีระดบั ขาดเล็กนอ้ ย ตอ้ งแน่ใจวา่ ท่านใส่น้ามนั เกรดเดียวกนั และมีความสะอาดอยา่ งเพยี งพอ

วธิ ีขบั รถเกียร์อตั โนมตั ิทถ่ี ูกต้องตามหลกั มีดังต่อไปนี้1. ติด (สตาร์ท) เครื่องยนตใ์ นตาแหน่ง P เทา่ น้นั ซ่ึงบางรุ่นก็ไม่มีทางเลือกอ่ืนเพราะมีระบบปลอดภยั ท่ีทาใหผ้ ขู้ บั สามารถดึงกญุ แจออกไดต้ อ่ เมื่อโยกคนั เกียร์ไปยงั ตาแหน่ง P เทา่ น้นั ส่วนอีกหลายรุ่นหลาย “ยห่ี อ้ ” ยงั สามารถติดเคร่ืองยนตใ์ นตาแหน่ง N ไดแ้ ต่ถา้ เราจอดในตาแหน่ง P ไว้ ก็ไม่ตอ้ งมีอะไรใหต้ อ้ งระวงั เป็ นพิเศษอยแู่ ลว้ ครับ ติดเครื่องยนตไ์ ดเ้ ลย2. เหยยี บเบรกไวเ้ สมอ เมื่อจะเปลี่ยนจากตาแหน่ง P ไปยงั ตาแหน่งอ่ืน ขอ้ น้ีก็ทานองเดียวกนั กบั ขอ้แรกคือมีรถหลายรุ่นที่ตอ้ งเหยยี บเบรก จึงจะเปลี่ยนจากตาแหน่ง P และ N ไปยงั จงั หวะอื่นได้3. เปล่ียนจากตาแหน่ง P หรือ N ไปยงั ตาแหน่งอ่ืนที่รอบเดินเบาของเครื่องยนตเ์ ทา่ น้นั จะอา้ งวา่ไมไ่ ดเ้ หยยี บคนั เร่งเลยก็ไมไ่ ด้ เช่น เร่งเคร่ืองยนตถ์ ึง 4 หรือ 5 พนั รอบต่อนาที พอถอนคนั เร่งก็ใส่ตาแหน่ง P หรือ R ทนั ที แบบน้ีมีสิทธิพงั4. ตอ้ งคอยใหเ้ กียร์ทางานในจงั หวะ R หรือ D ก่อน จึงจะยกเทา้ จากแป้ นเบรกมาเหยยี บคนั เร่งเพื่อออกรถ โดยสงั เกตไดจ้ ากการกระชาก (ในรูปของความสะทา้ น เน่ืองจากรถเคล่ือนไม่ไดเ้ พราะเราเหยยี บเบรกไว)้ ช่วงเวลาต้งั แตเ่ ขา้ ตาแหน่ง R หรือ D จนกระทงั่ “กระชาก” น้ี กินเวลาประมาณเกือบจะทนั ทีไปจนถึงเกือบ 2 วนิ าที แลว้ แตก่ ารออกแบบเกียร์5. หา้ มออกรถอยา่ งรุนแรงโดยการเร่งเคร่ืองยนตไ์ ว้ ก่อนที่จะเขา้ ตาแหน่ง R หรือ D เดด็ ขาด(ชิ้นส่วนภายในห้องเกียร์อาจพงั พนิ าศ) ซ่ึงผทู้ ่ีปฏิบตั ิตามขอ้ 3 และขอ้ 4 ยอ่ มไมก่ ระทาอยแู่ ลว้ รถท่ีใชเ้ กียร์ “ธรรมดา” สามารถออกอยา่ งรุนแรงได้ โดยท่ีผขู้ บั เร่งเครื่องยนตอ์ ยา่ งแรง แลว้ ถอนคลทั ช์อยา่ งเร็ว ใหล้ อ้ หมุนฟรีโดยไม่มีความเสียหายเกิดข้ึน นอกจากความสึกหรอเกินควรของผา้ คลทั ช์และหนา้ ยางเทา่ น้นั แตผ่ ใู้ ชเ้ กียร์อตั โนมตั ิไมม่ ีสิทธิที่ทาเช่นน้ี จากหลกั การทางานของชิ้นส่วนภายในหอ้ งเกียร์ หากตอ้ งการออกรถอยา่ งแรงที่สุดโดยไม่มีความเสียหาย ใหใ้ ชเ้ ทา้ ซา้ ยเหยยี บแป้ นเบรกไวอ้ ยา่ งแรง เทา้ ขวาเหยียบคนั เร่งจนมิด คอยจนเขม็ วดั ความเร็วรอบอยนู่ ิ่ง (เรียกอยา่ งเป็นทางการวา่ stall speed) แลว้ จึงถอนเทา้ ซา้ ยออกจากแป้ นเบรกอยา่ งเร็วที่สุด หา้ มลองเบรกพร้อมกบัเร่งเป็ นเวลานาน เพราะน้ามนั เกียร์จะร้อนจดั และชิ้นส่วนในหอ้ งเกียร์อาจชารุดจากความร้อนได้ รถที่ใชเ้ กียร์อตั โนมตั ิ และมีเครื่องยนตข์ นาดใหญ่ กาลงั สูงเทา่ น้นั จึงจะมีแรงขบั เคลื่อนสูง พอท่ีจะทาใหล้ อ้ ขบั เคลื่อนหมุนฟรีขณะเร่งอยา่ งรุนแรงได้

6. ก่อนใส่เกียร์ตาแหน่ง P ตอ้ งรอใหร้ ถหยดุ สนิทก่อน เพราะเป็นการลอคดว้ ยรูปทรงของกลไกไมใ่ ช่อาศยั แรงเสียดทานเหมือนผา้ เบรกกบั จากเบรก7. เมื่อจอดรถตอ้ งใส่เกียร์ในตาแหน่ง P เทา่ น้นั ควรข้ึนเบรกมือดว้ ย แมว้ า่ ตาแหน่ง P จะป้ องกนั รถไหลไดอ้ ยแู่ ลว้ ก็ตาม ยกเวน้ กรณีจอดขวางทางผอู้ ื่นไว้ อนุโลมใหใ้ ชต้ าแหน่ง N ได้ โดยตอ้ งแน่ใจวา่ รถจะไม่ไหลไดเ้ อง ส่วนผทู้ ี่ใชร้ ถแบบถอดลูกกญุ แจไดใ้ นจงั หวะ P เทา่ น้นั คงตอ้ งหาท่ีจอดซ่ึงไมก่ ีดขวางผอู้ ื่น (การใชก้ ุญแจสารองเสียบคาไว้ ไมป่ ลอดภยั พอดา้ นการโจรกรรมครับ แบบตดั ดา้ มแลว้ ผกู เชือกเสียบคาไว้ กย็ งุ่ ยากและเสี่ยงเกินไป ไมข่ อแนะนา)8. ลงจากรถชวั่ คราว (ขณะติดเคร่ืองยนตห์ รือไมต่ ิด ไมว่ า่ จะดว้ ยเหตุผลใดก็ตาม) จะตอ้ งเขา้ เกียร์ในตาแหน่ง P เทา่ น้นั เช่น ลงมาเปิ ดหรือปิ ดประตูบา้ น ความผดิ พลาดขอ้ น้ีแหละครับ ที่อนั ตรายถึงชีวติ และเป็นข่าวอยบู่ อ่ ยๆ)9. เม่ือตอ้ งการออกรถในตาแหน่ง D ใหด้ ึงดา้ มเกียร์ผา่ นตาแหน่ง R และ N ไดเ้ ลย โดยไมต่ อ้ งคอยใหจ้ งั หวะ R ทางาน10. หา้ มทดลองใส่เกียร์ต่าที่ความเร็วสูงมาก เพราะเครื่องยนตจ์ ะถูกความเร็วของลอ้ และเพลาขบักระชากใหห้ มุนอยา่ งรุนแรง ลอ้ ขบั เคร่ืองอาจลอค ชิ้นส่วนภายในหอ้ งเกียร์จะตอ้ งรับภาระสูงเกิดพกิ ดั แมเ้ กียร์บางรุ่นจะมีระบบป้ องกนั ปัญหาน้ี ก็ไม่ควรทดลอง11. กรณีที่ตอ้ งปรับต้งั หรือเร่งเคร่ืองยนตอ์ ยนู่ อกรถ ตอ้ งใส่เกียร์ในตาแหน่ง P เท่าน้นั แมว้ า่ จะทางานไดเ้ ช่นเดียวกนั ในตาแหน่ง N ก็ตาม และตอ้ งหา้ มผอู้ ่ืนอยใู่ นรถเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอนั ตรายร้ายแรงได้ เช่น ช่างเคร่ืองเร่งเคร่ืองยนต์ ส่วนช่างวทิ ยเุ ปล่ียนตาแหน่งเกียร์เพื่อความสะดวก12. หากตอ้ งหยดุ รถบนทางลาดชนั ใหใ้ ชเ้ ทา้ เหยยี บเบรกไว้ หา้ มใชว้ ธิ ีเร่งเคร่ืองยนตใ์ นตาแหน่ง Dเพ่อื พยงุ รถไว้ (น้ามนั เกียร์และชิ้นส่วนในหอ้ งเกียร์จะร้อนจดั และอาจชารุดได)้13. เมื่อตอ้ งการข้ึนทางลาดชนั และรถมีกาลงั ไมพ่ อ ตอ้ งเหยยี บคนั เร่งใหล้ ึกข้ึนอีก อาจตอ้ งเหยยี บจนถึงพ้ืนรถ มิฉะน้นั แรงขบั เคล่ือนอาจไม่เพียงพอ14. หากตอ้ งหยดุ รถเป็นเวลานาน เน่ืองจากการจราจรติดขดั หรือดว้ ยเหตุใดก็ตาม ใหเ้ ปลี่ยนเกียร์มา

ในตาแหน่ง P เพื่อก. พกั กลา้ มเน้ือขา จากการเหยยี บเบรกข. พกั การทางานของหลอดไฟเบรก ซ่ึงมิไดถ้ ูกออกแบบมาใหท้ างานต่อเน่ืองเป็นเวลานาน (ท้งัหลอดไปและโคมไฟจะร้อนจดั )ค. เพ่อื ปลดโหลดของเกียร์อตั โนมตั ิออกจากเครื่องยนต์ ทาใหเ้ ครื่องยนตห์ มุนเร็วข้ึน ช่วยให้ “แอร์”เยน็ ข้ึนไดพ้ อสมควร เพราะคอมเพรสเซอร์หมุนเร็วข้ึน และยงั ประหยดั เช้ือเพลิงไดเ้ ล็กนอ้ ยดว้ ยเพราะไมม่ ีโหลด (LOAD) จากเกียร์15. ใชเ้ กียร์เดินหนา้ จงั หวะอ่ืนนอกเหนือจากตาแหน่ง D ขณะขบั ลงทางลาดชนั เทา่ น้นั (เช่น 1 2 S Lสุดแต่ผผู้ ลิตจะเรียกตาแหน่งเหล่าน้ี) ขาข้ึนทางชนั ไม่ตอ้ ง เพราะระบบจะเลือกจงั หวะเกียร์เองโดยอตั โนมตั ิ (ดูขอ้ 13)16. การลากจูงรถเกียร์อตั โนมตั ิที่เครื่องยนตข์ ดั ขอ้ ง ตอ้ งปฏิบตั ิตามวธิ ีท่ีผผู้ ลิตกาหนดไวใ้ นคูม่ ือใช้รถ โดยมีการจากดั ท้งั ระยะทางและความเร็วดว้ ย สาหรับขอ้ 14 ถา้ ตอ้ งหยดุ รอแต่ไม่นานนกั อนุโลมใหเ้ ลื่อนคนั เกียร์จากตาแหน่ง D ไปอยทู่ ่ีตาแหน่ง N ไดค้ รับ พร้อมกบั ข้ึนเบรกจอดไว้ (ก็ “เบรกมือ” นนั่ แหละครับสาหรับรถส่วนใหญ่ ที่ใช้คาน้ีไม่ได้ เพราะบางรุ่นเบรกจอดเป็นแบบใชเ้ ทา้ เหยยี บ) ซ่ึงสภาวะน้ีกเ็ ทียบไดก้ บั การปลดมาอยู่เกียร์วา่ งของรถเกียร์ธรรมดานน่ั เอง และพวกเราก็ปฏิบตั ิคือไม่ข้ึนเบรกจอด เพราะถือวา่ รถ “ไม่ไหล” ท่ีถูกแลว้ ควรใชเ้ บรกจอดเม่ือหยดุ รถแลว้ ปลดเกียร์วา่ งทุกคร้ัง ใครที่ปฏิบตั ิจนเคยชินแลว้ จะเห็นประโยชนแ์ ละเขา้ ใจทนั ที เพราะเราทึกทกั เอาเองวา่ รถจะไมไ่ หล ถา้ ปฏิบตั ิถูกตอ้ งประจานอกจากจะเขา้ ใจเร่ืองความปลอดภยั แลว้ ยงั “ติดเป็นนิสยั ” ทานองเดียวกบั เขด็ ขดั นิรภยั ที่คาดประจา ถา้ ไมค่ าดจะรู้สึก “หววิ ” และไมอ่ ยากขบั เอาเลยแต่วธิ ีปฏิบตั ิท่ีผดิ อยา่ งร้ายแรง คือการใส่เกียร์ในตาแหน่ง D แลว้ ข้ึนเบรกมือไว้ ซ่ึงมีผอู้ ่านสอบถามมาวา่ ถูกตอ้ งหรือไม่ เพราะเคยเห็นในบทความและฟังทางรายการวทิ ยมุ า หา้ มทาเด็ดขาดเบรกจอดหรือเบรกมือน้นั ทางานไดผ้ ลไมแ่ น่นอน เพราะไมใ่ ช่กลไกแบบ “ลอค” หรือขดั กลอน หรือลงสลกักนั หมุน กนั เล่ือน แต่เป็นการทางานโดยอาศยั แรงเสียดทานจากการกดวตั ถุเขา้ หากนั ลวดสลิงที่เป็นกลไกสาคญั น้นั คลายตวั ได้ ตอนเริ่มอาจมีแรงพอ แต่อีกนาทีเดียวกลบั ไมพ่ อเสียแลว้ หรือตอนคลทั ช์แม่เหล็กไฟฟ้ าหนา้ คอมเพรสเซอร์ปรับอากาศทางานอยู่ อาจมีแรงเบรกพอ แตพ่ อ “แอร์”ตดั และเครื่องยนตห์ มุนไดเ้ ร็วข้ึน ก็อาจจะไมม่ ีแรงเบรกพอเสียแลว้ อะไรจะเกิดข้ึนคงไมต่ อ้ งบอกแหล่งทมี่ าhttp://wiki.stjohn.ac.th