ทำไมถึงได้รับความสนใจในปัจจุบันซึ่งจะถอดรหัสว่าคุณเป็นคนกลุ่มไหน มีลักษณะอย่างไร และแต่ละกลุ่มนั้นแตกต่างกันอย่างไร แล้วทั้ง 2 แบบเข้ามาท้าทายผู้ทำธุรกิจออนไลน์อย่างไรและวางแผนแบบไหนเพื่อให้เจาะกลุ่มผู้บริโ๓คได้อย่างมีประสิทธิภาพFOMO คืออะไรFomo ย่อมาจากคำว่า Fear Of Missing Out หรือความกลัวที่จะพลาดโอกาสอะไรบางอย่างไป คือการกลัวที่จะไม่รู้เหมือนที่คนอื่นรู้ กลัวที่จะตกข่าว ตามไม่ทันกระแสที่กำลังเกิดขึ้น หรือกำลังได้รับความนิยม ข้อดีของ FOMO
JOMO คืออะไรJOMO ย่อมาจาก Joy of Missing Out หรือการมีความสุขจากการพลาดบางสิ่งบางอย่างไปซึ่งจะมีความคอนทราส หรือเป็นขั้วตรงข้ามของ Fomo ที่เป็นพฤติกรรมถอยห่างจากโซเชียลมีเดีย (Social Media) เพื่อเอาเวลาไปโฟกัสกับกิจกรรมรอบตัว ไม่ยึดติดกับอุปกรณ์สื่อสาร เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเลต หรือการเสพสื่อทางโซเซียลต่าง ๆ เพราะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่คิดว่าชีวิตหากพลาดกระแสบางอย่างไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ข้อดีของ JOMO
สื่อสารการตลาดกับ FOMO & JOMO อย่างไรโดย Zortout จะขอเล่าถึงโมเมนต์ของ FOMO ที่จะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการข้อมูลที่กระตุ้นความอยากได้อยากซื้อ แต่ในส่วนของ JOMO จะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้านั้นต้องการที่จะพักผ่อนเพื่อให้เวลากับตัวเอง หรือครอบครัวซึ่งแบรนด์และธุรกิจหากต้องการสื่อสารการตลาดจะทำได้เพียงการเลือกให้เนื้อหาที่เหมาะสม สิ่งนั้นก็คือ ข้อมูล (Data) เพื่อนำไปวิเคราะห์ผู้บริโภคว่ามีพฤติกรรมอย่างไร ไลฟ์สไตล์แบบไหน แต่ละช่วงเวลา หรือเจาะช่วงเวลานี้ลูกค้ารู้สึกอย่างไรเพื่อนำมาใช้ในการวางกลยุทธ์ “Moment Planning” เพื่อนำไปสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้เหมาะกับโมเมนต์ของผู้บริโภค โดยจะเห็นได้ชัดว่าโจทย์ของการสื่อสาร คือ การหาโมเมนต์ (Moment) ที่สำคัญในการศึกษาลูกค้าอย่างเข้าใจและสามารถสร้างเนื้อหาเพื่อสื่อสารในแต่ละกลุ่มลูกค้าทั้ง FOMO และ JOMO ได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่าง JOMO & FOMO Marketingชวนคุณรู้จักกับ JOMO & FOMO Marketing ตัวอย่างของกลุ่มผู้บริโภคว่าต่างขั้วกันมากแค่ไหนและแต่ละแบบนั้นน่าสนใจอย่างไร ตัวอย่างของ Fomo Marketingตัวอย่างการทดลองของ Adewole Lee ที่ให้นักเรียนจำนวน 200 คนเลือกว่าอยากกินคุกกี้จากโหลไหนมากกว่ากันระหว่างโหลที่มีคุกกี้เต็มขวดกับโหลที่มีคุกกี้เหลือแค่เพียงค่อนขวดซึ่งแน่นอนทุกคนเลือกโหลที่มีคุกกี้ค่อนขวดเพราะองค์ประกอบของ Fomo นั้นมีอยู่ 3 อย่างได้แก่ Social Proof (การสร้างผลกระทบต่อจิตใจ) ความรู้สึกที่ต้องทำทันทีและจำนวนของที่มีจำกัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุ้กกี้ค่อนขวดนั้นมีจำนวนจำกัด น่าจะอร่อยกว่าขวดที่คุ้กกี้เต็มโหลที่ไม่มีใครเลือกทานจึงกระตุ้นให้นักเรียนอยากทดลองทานว่ามันอร่อยจริงไหม ? โดยในออนไลน์ส่วนใหญ่เรามักจะนำ FOMO ไปใช้ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม เสื้อผ้า สินค้า Rare item ผ่านข้อความการแจ้งเตือนที่แสดงให้แก่ผู้คนที่สนใจว่าขณะนี้มีคนกำลังจองห้องนี้อยู่ สินค้ามีจำนวนจำกัด หรือผลไม้มีเพียงฤดูกาลนี้เท่านั้น ถ้าอยากกินต้องรอไปอีกหนึ่งปี เป็นต้น
ตัวอย่างของ JOMO Marketingคุณเคยรู้สึกหมดไฟ เบื่อหน่ายจากความวุ่นวาย อยากหนีไปอยู่คนเดียวเงียบ ๆ หรือสถานที่สงบ ๆ ไหม ?
FOMO JOMO Marketing คือ การที่ฝั่งนึงใช้สื่อโซเซียลตลอดเวลาเพื่อติดตามอัพเดตข่าวสารให้ทันกระแสไม่ตกเทรนด์ซึ่งจะเรียกว่า FOMO แต่อีกฝั่งคือกลุ่มที่ต้องการถอยห่างจากโซเชียลเพื่ออยากใช้เวลาโฟกัสกับกิจกรรม หรือตัวเองมากขึ้นเรียกผู้บริโภคกลุ่มนี้ว่า JOMO ซึ่งเป็นขั้วตรงกันข้ามของกันและกัน โดยหากนำไปใช้ในเทรนด์การตลาดจะต้องดูทิศทางว่าตอนนี้เทรนด์ไหนกำลังมาแรง จะอยู่ได้นานขนาดไหน มีเทรนด์ตรงกันข้ามไหนจะเข้ามาแทนที่เพื่อให้คุณจับทางได้และลงทุนก่อนสิ่งนั้นจะตกกระแส หรือเปลี่ยนไปในทิศทางอื่น |