หลักฐานทางประวัติศาสตร์ (History Evidences)หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แบ่งตามลำดับเวลาและความสำคัญ มี 2 ประเภท คือ1. หลักฐานชั้นต้นหรือหลักฐานปฐมภูมิ (Primary Sources) คือ หลักฐานที่เกิดร่วมสมัยกับเหตุการณ์ หรือเป็นหลักฐานที่มาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ตัวอย่างเช่น เอกสารสนธิสัญญาของรัฐบาล, สมุดบันทึกชีวประวัติส่วนตัวของบุคคลสำคัญหรือบุคคลทางประวัติศาสตร์, บันทึกหรือคำบอกเล่าของบุคคลร่วมสมัย, นอกจากนี้ยังรวมถึงหลักฐานวัตถุทางโบราณคดีต่าง ๆ อีกด้วย Show 2. หลักฐานชั้นรองหรือหลักฐานทุติยภูมิ (Secondary Sources) คือ หลักฐานที่ทำขึ้นภายหลังเหตุการณ์ หรือเป็นหลักฐานที่เขียนขึ้นโดยบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นโดยตรง โดยมีการเรียบเรียงขึ้นภายหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ ตัวอย่างเช่น การบันทึกเรื่องตำนาน การบันทึกเรื่องราวย้อนหลังต่าง ๆ การเขียนประวัติศาสตร์ในภายหลัง เป็นต้น ทั้งนี้ไม่มีหลักการไหนที่ยืนยันได้ว่าหลักฐานประเภทใดมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากัน เพราะ หลักฐานทุกชนิดล้วนมี "อคติ" (Bias) ของผู้สร้างหลักฐานปรากฏอยู่ทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ศึกษาจึงควรศึกษาและค้นหาข้อเท็จจริงจากหลักฐานเหล่านั้น ผ่านการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ โดยปราศจากความลำเอียง มีความระมัดระวัง รอบคอบ มีเหตุผล และมีความเป็นกลาง ซื่อสัตย์ต่อข้อมูลตามหลักฐานที่สืบค้นมา จึงจะเหมาะสมที่สุด หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แบ่งตามลายลักษณ์อักษร มี 2 ประเภท คือ1. หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร หมายถึง หลักฐานที่เป็นตัวหนังสือ เช่น จารึก พงศาวดาร จดหมายเหตุ ตำนาน และกฎหมาย 1.1 จารึก เป็นหลักฐานที่นักประวัติศาสตร์ให้ความสำคัญมาก เพราะเป็นหลักฐานที่คงทนไม่ถูกทำลายง่าย และข้อความไม่ถูกบิดเบือนโดยคนรุ่นหลัง ซึ่งใช้วิธีเขียนเป็นรอยลึก ถ้าเขียนเป็นรอยลึกลงบนแผ่นหิน เรียกว่า ศิลาจารึก เช่น ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 1 จารึกพ่อขุน รามคำแหง ถ้าเขียนลงบนวัสดุอื่น ๆ เช่น แผ่นอิฐ เรียกว่า จารึกบนแผ่นอิฐ แผ่นดีบุก เรียกว่า จารึกบนแผ่นดีบุก และการจารึกบนใบลาน นอกจากนี้ยังมีการจารึกไว้บนปูชนียสถานและปูชนียวัตถุต่าง ๆ เช่น จารึกบนฐานพระพุทธรูป จารึกอักษรปัลลวะ 1.2 ปูม บันทึก และจดหมายเหตุร่วมสมัยหลักฐานประเภทนี้ ต้องใช้ความระมัดระวัง ความรอบคอบ เพราะผู้เขียนมักสอดแทรกความคิดของตนด้วย โดยเฉพาะบันทึกชาวต่างชาติที่มีมุมวัฒนธรรมต่างกัน เช่น จดหมายเหตุจีน ที่บันทึกถึงการเดินทางของคณะราชทูตของอาณาจักรต่าง ๆ บันทึกการเดินทางของชาวเปอร์เซีย
บันทึกการเดินทางของชาวฝรั่งเศสที่เดินทางเข้าในสมัยอยุธยา 1.3 ตำนานและพงศาวดาร ตำนาน เป็นหลักฐานที่บอกเล่าสืบต่อกันมานานแล้ว แต่ถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในภายหลัง ส่วนใหญ่เป็นนิทาน, นิยาย, ความเชื่อ, มีเรื่องเหลือเชื่อ, อภินิหาร เช่น ตำนานจามเทวีวงศ์ เป็นต้น 1.4 วรรณกรรมร่วมสมัยงานเขียนประเภทร้อยแก้วร้อยกรอง นวนิยาย เรื่องสั้น ซึ่งสะท้อนสภาพสังคม ความเป็นอยู่ของสังคมในสมัยนั้น ที่ผู้เขียนได้พบเห็น เช่น ขุนช้างขุนแผน เป็นต้น 1.5 หนังสือพิมพ์ วารสาร และนิตยสาร จะบอกเล่าถึงความเคลื่อนไหวเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบ้านเมืองอย่างหลากหลายสิ่งพิมพ์เหล่านี้เป็นหลักฐานชั้นต้นที่ให้ข้อมูลในทุก ๆ ด้าน แต่จะเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด ต้องตรวจสอบกับเอกสารอื่น ๆ 1.6 วิทยานิพนธ์หรืองานวิจัยทาประวัติศาสตร์ เป็นงานที่ผ่านการวิเคราะห์ตีความตามกระบวนการทางประวัติศาสตร์มาแล้วทำให้มีประโยชน์ในการศึกษาประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก 1.7 หลักฐานกฎหมายโบราณ เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ สภาพสังคม จารีต ประเพณี เช่น กฎหมายตราสามดวง หรือมังรายศาสตร์ของล้านนา 1.8 หลักฐานด้านภาษา สัทศาสตร์ และวรรณกรรม เป็นหลักฐานที่บ่งบอกถึง หลักฐานของภาษา และสำเนียงท้องถิ่น รวมทั้ง เรื่องสั้น ร้อยแก้ว ร้อยกรองและประเภทบอกเล่า สะท้อนสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละยุคสมัย ดังเช่นวรรณกรรม “นิราศ” ของสุนทรภู่ ที่นำมาใช้ศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นได้ 2. หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรหมายถึง หลักฐานต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น ยกเว้นหลักฐานที่มีตัวอักษร เช่น หลักฐานทางโบราคดี ศิลปกรรม สิ่งก่อสร้าง วัด เจดีย์ พระพุทธรูป ถ้วยชามสังคโลก โสตทัศน์ นาฏศิลป์ ดนตรี เพลงพื้นบ้าน ขนบธรรมเนียมประเพณี แบ่งประเภทได้ ดังนี้ 2.1 หลักฐานทางโบราณดคี นักโบราณคดีศึกษาวัตถุสิ่งของ ที่เกี่ยวกับกิจกรรมมนุษย์ในอดีต เช่น ซากอาคาร, โบราณสถาน, ศิลปวัตถุอันเกี่ยวเนื่องกัน เช่น เจดีย์, พระพุทธรูป, เครื่องดับ, ภาชนะ, ตลอดจนหลักฐานทางสิ่งแวดล้อม เช่น คูน้ำ, คันดิน, แม่น้ำลำคลอง 2.2 หลักฐานทางศิลปกรรม ประกอบด้วย 2.3 หลักฐานประเภทโสตทัศน์ ได้แก่ ภาพถ่าย, แผ่นเสียง, โปสเตอร์, แถบบันทึกเสียง, และภาพยนต์ 2.4 นาฏศิลป์ ดนตรี เพลงพื้นบ้าน ท่าทางร่ายรำ เนื้อร้อง ทำนองดนตรี สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละท้องถิ่นเช่น เพลงกล่อมเด็กของนครศรีธรรมราช ที่บอกเล่าเรื่องราวของพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช 2.5 หลักฐานประเภทบอกเล่า แบ่งออกเป็นประเพณีจากการบอกเล่า และประวัติศาสตร์จากการบอกเล่า ข้อจำกัดคือ อาจคลาดเคลื่อนได้ง่าย ตามอคติของผู้เล่าจึงต้องมีการตรวจสอบกับเอกสารอื่น ๆ อย่างเป็นระบบ หลักฐานชั้นรองคืออะไร มีอะไรบ้าง2. หลักฐำนชั้นรองหรือหลักฐำนทุติยภูมิ เป็นหลักฐานที่เขียนขึ้นโดยบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์นั้นโดยตรง โดยมีการเรียบเรียงขึ้นภายหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นๆ ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของ บทความทางวิชาการและหนังสือต่างๆ เช่น พงศาวดาร ตานาน บันทึกคาบอกเล่า ผลงานทางการศึกษา ค้นคว้าของนักวิชาการ สาหรับหลักฐานชั้นรองนั้น ...
หลักฐานชั้นต้นชั้นรอง มีอะไรบ้าง1. หลักฐานชั้นต้น คือ หลักฐานที่มีอยู่ในสมัยที่เกิดเหตุการณ์ หรือหลักฐานที่เขียนหรือสร้างโดยผู้ร่วมเหตุการณ์ 2. หลักฐานชั้นรอง คือ หลักฐานที่เกิดขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์นั้น เช่น อนุสาวรีย์ของบุคคลสำคัญ 2. ตัวอย่างหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
หลักฐานชั้นต้นมีอะไรบ้าง 5 ข้อหลักฐานชั้นต้นหรือหลักฐานปฐมภูมิ (Primary sources) หมายถึง หลักฐานที่บันทึก สร้าง หรือจัดทำขึ้น โดยผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นโดยตรง หรือบ่งบอกให้รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นจริงๆ ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น สนธิสัญญา บันทึกคำให้การ จดหมายเหตุ กฎหมาย ประกาศของทางราชการ ศิลาจารึก จดหมายโต้ตอบ และที่ไม่เป็น ...
อะไรบ้างที่เป็นหลักฐานชั้นต้น๑. หลักฐานชั้นต้นหรือหลักฐานปฐมภูมิเป็นหลักฐานที่มาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นจริงๆ โดยมีการบันทึก ของผู้ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์โดยตรง หรือผู้ที่รู้เหตุการณ์นั้นด้วยตนเอง
|