การวิจัยในชั้นเรียน Show การปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน (Classroom Action Research) ถือเป็นนวัตกรรมรูปแบบหนึ่งที่เอื้อต่อการพัฒนาการเรียนการสอนสำหรับครูยุคใหม่ ที่สอดคล้องกับแนวการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในมาตรา 24 ระบุว่า “การจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ…( 5 ) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัย เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียน อาจเรียนรู้ไปพร้อมกัน จากสื่อการเรียนการสอน และแหล่งวิทยากรประเภทต่าง ๆ ” • จากข้อความดังกล่าว จะเห็นได้ว่า แนวคิดตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 เน้น การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการเรียนการสอน คือ ไม่แยกส่วนจากการเรียนการสอน วิจัย และพัฒนาการเรียนการสอนไปพร้อม ๆ กัน • การวิจัย (Research) เป็นกระบวนการแสวงหาความรู้ การแก้ปัญหา หรือการพัฒนาเพื่อให้ได้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ การวิจัยในชั้นเรียนมีความสำคัญอย่างไร การทำวิจัยในชั้นเรียนนั้น จะช่วยให้ครูมีวิถีชีวิตของการทำงานครูอย่างเป็นระบบเห็นภาพของงานตลอดแนว มีการตัดสินใจที่มีคุณภาพเพราะจะมองเห็นทางเลือกต่าง ๆ ได้กว้างขวางและลึกซึ้งขึ้น แล้วจะตัดสินใจเลือกทางเลือกต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์ ครูนักวิจัยจะมีโอกาสมากขึ้นในการคิด ใคร่ครวญเกี่ยวกับเหตุผลของการปฏิบัติงาน และครูจะสามารถบอกได้ว่างานจัดการเรียนการสอนนี้ที่ปฏิบัติไปนั้นได้ผลหรือไม่ เพราะอะไร นอกจากนี้ครูที่ใช้กระบวนการวิจัยในการพัฒนาการเรียนการสอนนี้ จะสามารถควบคุม กำกับ และพัฒนาการปฏิบัติงานของตนเองได้อย่างดี เพราะการทำงาน และผลของการทำงานนั้น ล้วนมีความหมายและคุณค่าสำหรับครูในการพัฒนานักเรียน ผลจากการทำวิจัยในชั้นเรียน จะช่วยให้ครูได้ตัวบ่งชี้ที่เป็นรูปธรรมของผลสำเร็จในการปฏิบัติงานของครูอันจะนำมาซึ่งความรู้ และความปิติสุขในการปฏิบัติงานที่ถูกต้องของครู เป็นที่คาดหวังว่า เมื่อครูผู้สอนได้สอนได้ทำการวิจัยในชั้นเรียนควบคู่ไปกับการปฏิบัติการสอนอย่างเหมาะสมแล้ว จะก่อให้เกิดผลดีต่อการศึกษา และวิชาชีพครูอย่างน้อย 3 ประการ คือ 1.นักเรียนจะมีการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2.วงวิชาการศึกษาจะมีข้อความรู้และ/หรือ นวัตกรรมทางการจัดการเรียนการสอนที่เป็นจริงเกิดมากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อครูและเพื่อนครู ในการการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก และ 3.วิถีชีวิตของครู หรือวัฒนธรรมในการทำงานของครู จะพัฒนาไปสู่ความเป็นครูมืออาชีพ (Professional Teacher) มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพราะครูนักวิจัยจะมีคุณสมบัติของการเป็นผู้แสวงหาความรู้ หรือผู้เรียน (Learner) ในศาสตร์แห่งการสอนอย่างต่อเนื่อง และมีชีวิตชีวา จนในที่สุดก็จะเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจที่กว้างขวาง และลึกซึ้งในศาสตร์และศิลป์แห่งการสอนเป็นครูที่มีวิทยายุทธ์แกร่งกล้า ในการสอน สามารถที่จะสอนนักเรียนให้พัฒนาก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ในหลายบริบท หรือที่เรียกว่าเป็นครูผู้รอบรู้ หรือครูปรมาจารย์ (Master Teacher) ซึ่งถ้ามีปริมาณครูนักวิจัยดังกล่าวมากขึ้น จะช่วยให้การพัฒนาวิชาชีพครูเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมั่นคง ในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่า การวิจัยในชั้นเรียนจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาวิถีของครู เพื่อให้ครูพัฒนาไปสู่ความเป็นครูอาชีพในสังคมวิชาการของวิชาชีพครู ดังนั้น ลักษณะการวิจัยในชั้นเรียน ควรเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ซึ่งเป็นการวิจัยควบคู่ไปกับการปฏิบัติการเรียนการสอนจริง ประโยชน์ของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน มีดังนี้ 1.ช่วยแก้ปัญหาในห้องเรียน 2.ช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 3.เป็นการเปลี่ยนบทบาทของครูใหม่ 4.เสริมพลังอำนาจแก่ครูในการแก้ปัญหาในชั้นเรียน 5.ทำให้รู้ถึงวิธีการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ 6.เป็นการกระตุ้นการสอนแบบสะท้อนกลับ 7.ช่วยตรวจสอบวิธีการทำงานครูที่มีประสิทธิภาพ 8.ช่วยพัฒนาทักษะทางวิชาชีพครู 9.เป็นการเชื่อมโยงระหว่างวิธีสอนกับผลที่ได้รับ 10.ช่วยให้ครูนำผลการวิจัยไปใช้ในห้องเรียน 11.ทำให้ครูเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change agent) จากประโยชน์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าการวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีประโยชน์ต่อการพัฒนาการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก ครูควรศึกษาขั้นตอนการวิจัยแล้วนำไปพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รูปแบบของการวิจัยในชั้นเรียน การวิจัยในชั้นเรียนนั้น มีลักษณะเฉพาะที่เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนางานการจัดการเรียนการสอน รูปแบบของการวิจัยในชั้นเรียนนั้น เป็นโปรแกรมการวิจัยแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยเน้นสาระความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการเข้าใจสภาพปัญหา และวิธีการแก้ไขตลอดจนนวัตกรรมในการพัฒนางานตามสภาพที่เป็นจริง ในกระบวนการของการพัฒนางานนั้นมีขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 กำหนดปัญหา และความต้องการ ครูผู้วิจัยสามารถหาปัญหา และความต้องการได้จาก การสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนจากการสอบปลายภาค จากการประเมินผลตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง จากการประเมินผลการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ในแผนการเรียนรู้บันทึกผลการเรียนรู้และจากการตรวจผลงานของนักเรียน มาเป็นปัญหาและเทียบกับความต้องการตามนโยบายของโรงเรียน หน่วยงานต้นสังกัด ว่ามีความต้องการพัฒนาระดับใด โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียนในชั้นเรียนด้วย และเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังตามความต้องการจำเป็นปฏิบัติ ขั้นตอนที่ 2 แนวทางแก้ไขและพัฒนา จากขั้นตอนที่ 1 เมื่อครูผู้วิจัยได้กำหนดและเลือกทางเลือกในการแก้ไขหรือพัฒนาแล้ว ครูผู้วิจัยก็ดำเนินการสร้างนวัตกรรม เพื่อในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาขึ้น ซึ่งนวัตกรรมอาจเป็น (1) วิธีการ ได้แก่รูปแบบวิธีสอนใหม่ ๆ การสอนซ่อมเสริมและแนวปฏิบัติอื่น ๆ ที่ครูผู้วิจัยได้คิดค้นขึ้นเพื่อพัฒนาผู้เรียน (2) สื่อ และเอกสาร ซึ่งหมายถึง เครื่องมือที่จะช่วยในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานให้ดีขึ้น ได้แก่ บทเรียนสำเร็จรูป ชุดฝึก, V.D.O, CD-ROM, CAI, สไลด์, ชุดการสอนกิจกรรม เกม แผ่นภาพ คู่มือ หนังสืออ่านเพิ่มเติมเหล่านี้ เป็นต้น ขั้นตอนที่ 3 การดำเนินงานพัฒนา ครูผู้วิจัยต้องกำหนดว่า จะดำเนินการแก้ไข หรืพัฒนานักเรียนด้านใด ซึ่งอาจกำหนดเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่ม รายห้องเรียน ตามสภาพปัญหา และความต้องการที่กำหนดไว้ในขั้นที่ 1 หลังจากนั้น จึงนำวิธีการหรือนวัตกรรมที่สร้างขึ้นในขั้นที่ 2 มาจัดลำดับขั้นตอน (วางแผน) จะทำอย่างไร ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว เริ่มดำเนินการ (ปฏิบัติการ) แก้ไข พัฒนา ขั้นตอนที่ 4 สรุปรายงานผล เป็นขั้นตอนสรุปผลการดำเนินการตั้งแต่ต้น จนสิ้นสุดกระบวนการพัฒนาผลเป็นอย่างไร ได้ผล หรือไม่ได้ผล ถ้าได้ผลอาจนำผลไปเผยแพร่ ไม่ได้ผลควรหาแนวทางใหม่ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาและในการสรุปรายงานควรระบุด้วยว่า มีปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะอย่างไร ไว้ในการสรุปรายงานด้วย จากขึ้นตอนดังกล่าว สรุปเป็นแผนภูมิได้ดังนี้ ขั้นตอนการวิจัยในชั้นเรียน กำหนดได้ 4 ขั้นตอน คือ จากขั้นตอน การวิจัยในชั้นเรียน จะเห็นได้ว่า เป็นกระบวนการพัฒนาการเรียนการสอนที่เป็นระบบ ซึ่งเริ่มจากปัญหา ความต้องการ สาเหตุ คิดค้นนวัตกรรม วิธีการแก้ไข พัฒนาดำเนินการและสรุปผลเพื่อดูความก้าวหน้า และปรับปรุงการเรียนการสอน จากประสบการณ์นิเทศพบว่า ครูผู้สอนยังมีความสับสนเกี่ยวกับการวิจัยค่อนข้างมาก บางคนคิดว่าการวิจัยเป็นเรื่องยากต้องใช้สถิติที่ยุ่งยาก จึงไม่กล้าคิดที่จะทำวิจัยนั่น คือ การมองภาพการวิจัยทางวิชาทั่ว ๆ ไป ประโยชน์ในการทำวิจัย มีอะไรบ้าง1. เกิดวิทยาการใหม่ ๆ เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ 2. ใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องและยุติธรรม 3. ช่วยให้เข้าใจและทำนายปรากฏการณ์และพฤติกรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น 4. ช่วยในด้านการกำหนดนโยบาย การวางแผนงาน และตัดสินปัญหา
นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างไรการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ คือ การนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในโครงการ/โครงการวิจัย และรายงานการวิจัยอย่างถูกต้อง สามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนถึงการนำไปใช้ จนก่อให้เกิดประโยชน์ได้จริงตามวัตถุประสงค์ และได้การรับรองการใช้ประโยชน์จากหน่วยงานที่ ...
การทำวิจัยในชั้นเรียนมีประโยชน์อย่างไรบ้างครุรักษ์ ภิรมย์รักษ์(2544) กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนจะมีประโยชน์ดังนี้ 1. ช่วยให้ครูมีพลังอํานาจในการแก้ปัญหาในชั้นเรียนเพิ่มมากขึ้น สามารถแก้ปัญหาในชั้นเรียนได้ ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ 2. ช่วยให้ครูมีความมั่นใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมากขึ้น และจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนได้อย่างมี ...
|