รังสีอัลตราไวโอเลตมีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย

ปัจจุบันแสงแดดบ้านเราร้อนแรงอย่างมากทีเดียว และรังสี UV ที่มาพร้อมแสงแดดก็คือ ตัวการทำลายผิวพรรณของเราให้เสียได้อย่างง่ายดาย นอกจากการมีผิวเสียแล้ว สาวๆ รู้หรือไหม้ว่ามันยังทำลายสุขภาพดวงตาของเราได้ด้วย มาดูกันนะคะว่าผลเสียจากการตากแดดจัดเป็นเวลานานจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

รังสีอัลตราไวโอเลตมีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย

5 อันตรายจากรังสี UV เลี่ยงแดดให้ดีก่อนสุขภาพพัง!

1.กระจกตาอักเสบ

การที่ดวงตาเราปะทะกับแสงแดดจัดจ้าย่อมส่งผลเสียต่อกระจกตาโดยตรงแน่นอน เพราะอาการกระจกตาอักเสบนี้มักพบได้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการระยะแรกๆ คือแสบตา น้ำตาลไหล ตาแดง และแพ้แสงแดด จากนั้นอาการลามไปยังต้อเนื้อและต้อกระจกอีกด้วย

2.มะเร็งผิวหนัง

เพราะรังสี UV จะเข้าไปทำลาย DNA (genotoxic) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังขึ้นได้ อีกทั้งในแสงแดดก็ยังมีสารกระตุ้นเซลล์เนื้อร้ายอย่างเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว หากยังปล่อยให้ผิวหนังปะทะกับแสงแดดจัดจ้าโดยตรงเป็นเวลานานต่อไป ก็เท่ากับยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังได้มากยิ่งขึ้น เพราะมีผลวิจัยจากทางเว็บไซต์ Science Learning ที่เปิดเผยไว้ว่า กว่า 90% ของผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนัง ล้วนมีสาเหตุมาจากรังสี UV นั่นเอง

รังสีอัลตราไวโอเลตมีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย

5 อันตรายจากรังสี UV เลี่ยงแดดให้ดีก่อนสุขภาพพัง!

3.โรคต้อกระจก

รังสี UV จะทำให้เกิดโรคต้อกระจกได้อย่างง่ายดาย และยังทำให้จอตาเสื่อมสภาพลงได้โดยเร็ว ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ได้มีการสันนิษฐานว่า รังสี UV อาจมีกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนและยังทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อไขมันจนทำให้เกิดโรคมะเร็งได้

แม้ต้อกระจกจะเกิดขึ้นได้เมื่อคนเรามีอายุเพิ่มมากขึ้นก็ตาม ทว่าปัจจัยที่ถือเป็นตัวกระตุ้นก่อให้เกิดต้อกระจกได้อย่างรวดเร็วขึ้นนั้นก็คือ รังสี UV ด้วยเช่นเดียวกัน และนี่ก็คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ว่าทำไมนักกีฬาส่วนมากที่อยู่กลางแจ้งบ่อยๆ แม้ว่าอายุยังไม่มาก หากกลับเป็นต้อกระจกได้อย่างง่ายๆ สาเหตุก็เพราะได้รับรังสี UV ในปริมาณมากเกินไปนั่นเองค่ะ ซึ่งอาการในผู้ป่วยโรคต้อกระจกจะมีอาการเลนส์แก้วตาเริ่มขุนมัวทีละน้อยๆ ถ้าเป็นมาก ความขุ่มมัวยังสามารถลุกลามไปถึงส่วนกลางของกระจกตาจนทำให้การมองเห็นไม่เป็นไปอย่างชัดเจนปกติได้อีกด้วย

รังสีอัลตราไวโอเลตมีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย

5 อันตรายจากรังสี UV เลี่ยงแดดให้ดีก่อนสุขภาพพัง!

4.ผิวไหม้เสียจากแดด

เมื่อก่อนเราอาจจะนิยมไปเดินเล่น นอนเล่นอาบแดดกันเพื่อให้ได้ผิวสีแทนสวย แต่ตอนนี้อย่าได้คิดแบบนั้นเด็ดขาด เพราะแสงแดดในปัจจุบันสามารถทำลายผิวให้ไหม้ได้ภายในเวลารวดเร็วทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่แสงแดดแผ่รังสีในระดับเข้มข้นสูง มันสามารถเผาเซลล์ผิวหนังให้ได้รับความเสียหายได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก หากสาวๆ ตากแดดเป็นเวลานานผิวก็จะได้รับปริมาณรังสีมากเกินไป ส่งผลให้เส้นเลือดพยายามไหลเวียนมายังเซลล์ที่ถูกรังสี UV ทำลาย จนเป็นเหตุให้ผิวมีสีแดงจัดและแปรสภาพไหม้เกรียมภายในเวลาต่อมา และนี่ก็คือสาเหตุของการนำมาสู่โรคมะเร็งผิวหนัง ดังนั้น พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดในช่วงเวลาที่แดดจัดจะดีที่สุด

5.เซลล์เม็ดเลือดขาวได้รับความเสียหาย

ทางด้านนักวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานว่า อันตรายจากรังสี UV ที่ทำให้ผิวไหม้แดดนั้นอาจส่งผลกระทบต่อการกระจายตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์ที่จะช่วยป้องกันและต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายกับร่างกาย นอกจากนี้ ยังอาจมีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากถูกแสงแดดเผาได้อีกด้วย หากยิ่งตากแดดบ่อยๆ ภูมิคุ้มกันก็จะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง

จะเห็นได้ว่าอันตรายจากแสงแดดนั้นร้ายแรงมากเพียงใด ใครไม่อยากให้สุขภาพสายตาและผิวหนังเสียหาย จากนี้พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจะดีกว่า โดยเฉพาะช่วงเวลาประมาณ 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงที่แสงแดดร้อนแรงมากที่สุด

มีภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่างที่อาจเกิดจากการตากแดด ดังต่อไปนี้คำอธิบายสั้นๆ ของภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุด - จากการถูกแดดเผา คือ มะเร็งผิวหนัง

รังสีอัลตราไวโอเลตมีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย
อาการของ PLE จะเกิดขึ้น และปรากฏหนึ่งหรือสองวันหลังจากการสัมผัสกับรังสียูวี

รังสีอัลตราไวโอเลตมีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย
สิวผด(Mallorca acne) เกิดจากการรวมกันของแสงแดดและเครื่องสำอางค์

แพ้แสงอาทิตย์

โรคแพ้แดด หรือผื่นหลายรูปแบบจากแสงแดด (Polymorphus Light Eruption: PLE) เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดของการแพ้แสงแดด และถูกวินิจฉัยคิดเป็นประมาณ 90% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่มีอาการแพ้แสงแดด มีความชุกในยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกาประมาณ 20% การแพ้แดดถูกกระตุ้นจากภาวะความเครียดอ็อกซิเดชั่น (Oxidative stress)ที่เกิดโดยรังสี UVA และในระดับน้อย, UVB ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ

สิวผด หรือ Acne aestivalis (Mallorca acne) เกิดขึ้นเมื่อรังสียูวีรวมกับส่วนผสมบางอย่างในเครื่องสำอางหรือครีมกันแดด เช่น emulsifiers, ก่อให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบของไขมันบริเวณรูขุมขน สิวผด (Acne aestivalis) มีผลกระทบต่อประชากรประมาณ 1-2% โดยได้รับผลกระทบมากสุดในวัยรุ่นถึงวัยกลางคน (25-40 ปี) อาการจะคล้ายกันมากกับ PLE และมักจะเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างสองลักษณะนี้

มะเร็งผิวหนัง

โรคมะเร็งผิวหนังมีแนวโน้มที่จะเกิดกับผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับดวงอาทิตย์ ดังนั้นผิวหน้าเพื่อจึงเป็นบริเวณหนึ่งที่มีความเสี่ยง เกิดเป็นผื่นผิวหนังที่มีลักษณะหยาบเป็นขุย (Actinic keratosis) ซึ่งสามารถที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ 

ผื่นผิวหนังที่มีลักษณะหยาบเป็นขุย (Actinic keratoses) เป็นสะเก็ดแห้งของผิว เกิดความเสียหายหลังจากสัมผัสแสงแดด อาจเป็นสีชมพู, สีแดง หรือสีน้ำตาล มีความกว้าง 0.5 ถึง 3 ซม. พบมากที่สุดบนใบหน้า (โดยเฉพาะริมฝีปากจมูกและหน้าผาก), คอแขน และหลังของมือ และในผู้ชายบนขอบของหู และกระโหลกศีรษะล้าน และในผู้หญิงที่ขาใต้เข่า


รังสีอัลตราไวโอเลตมีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย
โรคมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากความเสียหายของการสัมผัสแสงแดด แนะนำวิธีการที่เหมาะสมในการป้องกันผิว

รังสีอัลตราไวโอเลตมีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย
การตรวจสอบผิวหนังเป็นประจำเป็นสิ่งจำเป็น - การเปลี่ยนแปลงของผิวควรมีการรายงานไปยังแพทย์ทันที

เซลล์มะเร็งผิวหนังแรกเริ่ม มีลักษณะขนาดเล็ก เติบโตช้า, มันวาว, เป็นก้อนสีชมพูหรือสีแดง หากปล่อยทิ้งไว้จะมีแนวโน้มที่กลายเป็นสะเก็ด, มีเลือดออก หรือพัฒนาเป็นแผลได้ สามารถพบบ่อยที่สุดบนใบหน้า หนังศีรษะ หู มือ ไหล่ และด้านหลัง Squamous cell skin cancers เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ผิวชั้นนอก มักจะมีก้อนสีชมพู, อาจมีลักษณะแข็ง หรือมีเกล็ดบนผิว และส่วนใหญ่มักพบบนใบหน้า, ลำคอ, ริมฝีปาก, หู, มือ, ไหล่, แขน และขา สามารถเกิดเลือดออกง่าย และอาจพัฒนาเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

มะเร็งไฝ หรือ Melanoma เป็นมะเร็งชนิดที่ร้ายแรงที่สุด สัญญาณแรกมักจะเป็นลักษณะของไฝที่เกิดขึ้นใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของไฝที่มีอยู่ melanomas มักจะมีรูปร่างที่ผิดปกติ และมักมีมากกว่าหนึ่งสี มีขนาดใหญ่กว่า 6mm สามารถพบได้ทุกที่บนร่างกาย แต่พบมากที่สุดที่ด้านหลังขาแขน และใบหน้า