รังสีอัลตราไวโอเลต ความถี่

รังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (อังกฤษ: ultraviolet) หรือในชื่อภาษาไทยว่ารังสีเหนือม่วง เป็นช่วงหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าแสงที่มองเห็น แต่ยาวกว่ารังสีเอกซ์อย่างอ่อนมีความยาวคลื่นในช่วง 100-400 นาโนเมตรและมีพลังงานในช่วง 3-124 eV

มันได้ชื่อดังกล่าวเนื่องจากสเปกตรัมของมันประกอบด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงกว่าคลื่นที่มนุษย์มองเห็นเป็นสีม่วง

แหล่งกำเนิดรังสีอัลตราไวโอเลต

1. การแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ (solar radiation) เป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของการแผ่รังสีที่ส่องมาถึงโลกโดยประกอบด้วยรังสี UVC UVB และUVA รวมถึงช่วงคลื่นที่มนุษย์มองเห็นและรังสีอินฟาเรดแต่รังสีบางส่วนจะถูกดูดซับไว้ในชั้นบรรยากาศส่วนที่เหลือสามารถส่องมาถึงผิวโลกในระดับไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

2. แหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น (artificial sources) ได้แก่วัตถุทุกชนิดที่ถูกทำให้ร้อนจนมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 2500 องศาเคลวินสามารถปล่อยรังสีอัลตราไวโอเลตได้ซึ่งเป็นวัตถุอุปกรณ์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นสำหรับการใช้ประโยชน์ในด้านต่างเช่นทางการแพทย์ทางการเกษตรเป็นต้น

พลังงานของช่วงคลื่นที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ ตั้งแต่ช่วงคลื่นสั้นต่างๆจนถึง 175 นาโนเมตรจะถูกดูดซับด้วยออกซิเจนในชั้นสตราโทสเฟียร์ที่ความสูงประมาณ 100 กิโลเมตรและพลังงานความยาวคลื่นตั้งแต่ 175 ถึง 280 นาโนเมตรหรืออยู่ในช่วงคลื่นอัลตร้าไวโอเลตซี (UVC) จะถูกดูดชั้นโอโซนทำลาย ซึ่งช่วงคลื่นเหล่านี้มีระดับพลังงานสูงหากผ่านมาถึงผิวโลกจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์มากแต่ปัจจุบันชั้นโอโซนถูกทำลายลงมากทำให้อัตราการแผ่รังสียูวีซี(UVC) ลงมาถึงผิวโลกมีเพิ่มมากขึ้น

สำหรับพลังงานในช่วงคลื่นตั้งแต่ 280-3000นาโนเมตรประกอบด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเลตบี (UVB) 280-315 นาโนเมตรรังสีอัลตร้าไวโอเลตเอ (UVA) 315-400 นาโนเมตรช่วงคลื่นที่ตามนุษย์มองเห็น 400-760 นาโนเมตรและรังสีอินฟาเรด 760-3000นาโนเมตร

ช่วงคลื่นที่ตามองเห็น และช่วงคลื่นรังสีอินฟาเรดจะสามารถเข้าสู่ผิวหนังของมนุษย์ได้แต่จะไม่ถูกดูดซับไว้จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์แต่รังสีอัลตร้าไวโอเลตเอและบี (UVA), (UVB) สามารถเข้าสู่ผิวหนังและถูกดูดซับไว้โดยรังสี UVA จะเข้าสู่ผิวหนังลึกสุดและดูดซับมากกว่ารังสี UVB

รังสี UVB มีค่าพลังงานมากกว่ารังสี UVA มีผลสามารรถทำลายดีเอ็นเอ (DNA) และเกิดมะเร็งส่วนผิวหนังได้รังสีUVA ถึงแม้จะมีระดับพลังงานที่ต่ำกว่าแต่ยังสามารถแทรกสู่ผิวได้ลึกกว่าหากสัมผัสในระยะเวลานานและต่อเนื่องจะทำให้เซลล์ผิวหนังอ่อนล้า เสื่อมเร็วแลดูเหี่ยวย่นจนถึงระดับรุนแรงที่อาจเกิดเป็นเซลล์มะเร็งขึ้นได้

รังสี UV หากได้รับในระดับต่ำจะมีประโยชน์ต่อการสร้างวิตามินดีและช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกายแต่หากได้รับในปริมาณมากเกินความเป็นประโยชน์จะมีผลต่อการทำลายระบบภูมิคุ้มกัน การทำลายเนื้อเยื่อเซลล์ทำให้ผิวหนังแลดูเหี่ยวหยุ่นจนถึงขั้นระดับรุนแรงกลายเป็นเซลล์มะเร็ง

ชนิดย่อย

สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าของแสงเหนือม่วงสามารถแบ่งย่อยได้หลายวิธีร่างมาตรฐาน ISO ที่กำหนดชนิดแสงเปล่งของดวงอาทิตย์ (ISO-DIS-21348) [1] อธิบายช่วงเหล่านี้:

ชื่อ

ตัวย่อ

ช่วงความยาวคลื่นเป็นนาโนเมตร

พลังงานต่อโฟตอน

อัลตราไวโอเลตเอ, คลื่นยาว, หรือ แบล็คไลท์

UVA

400 nm - 315 nm

3.10 - 3.94 eV

ใกล้

NUV

400 nm - 300 nm

3.10 - 4.13 eV

อัลตราไวโอเลตบีหรือคลื่นกลาง

UVB

315 nm - 280 nm

3.94 - 4.43 eV

กลาง

MUV

300 nm - 200 nm

4.13 - 6.20 eV

อัลตราไวโอเลตซี, คลื่นสั้น, หรือ germicidal

UVC

280 nm - 100 nm

4.43 - 12.4 eV

ไกล

FUV

200 nm - 122 nm

6.20 - 10.2 eV

สุญญากาศ

VUV

200 nm - 10 nm

6.20 - 124 eV

ไกลยิ่ง

EUV

121 nm - 10 nm

10.2 - 124 eV

ประโยชน์

ประโยชน์ของรังสีอัลตราไวโอเลตนั้นมีมากดังจะได้กล่าวคร่าวต่อไปนี้

แบล็กไลต์

แบล็กไลต์ (black light) เป็นหลอดที่เปล่งรังสียูวีคลื่นยาวมีสีม่วงดำใช้ตรวจเอกสารสำคัญเช่น ธนบัตร, หนังสือเดินทาง, บัตรเครดิตฯลฯว่าเป็นของจริงหรือปลอมหลายประเทศได้ผลิตลายน้ำที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในรังสีชนิดนี้นอกจากนี้ แบล็กไลต์ยังสามารถใช้ล่อแมลงให้มาติดกับเพื่อที่จะกำจัดภายหลังได้

หลอดฟลูออเรสเซนต์

หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดเรืองแสง ใช้หลักการผลิตรังสีอัลตราไวโอเลตโดยการทำให้ไอปรอทแตกตัวรังสีที่ได้จะไปกระทบสารเรืองแสงให้เปล่งแสงออกมา

ดาราศาสตร์

ในทางดาราศาสตร์โดยปกติแล้ววัตถุที่ร้อนมากจะเปล่งยูวีออกมาเราจึงสามารถศึกษาวัตถุท้องฟ้าได้โดยผ่านทางยูวีทว่าต้องไปปฏิบัติในอวกาศ เพราะยูวีส่วนมากถูกโอโซนดูดซับไว้หมด

การวิเคราะห์แร่

รังสีอัลตราไวโอเลตสามารถใช้ตรวจวิเคราะห์แร่ได้แม้ว่าจะดูเหมือนกันภายใต้แสงที่มองเห็นแต่เมื่อผ่านยูวีแล้วก็จะเห็นความแตกต่างได้

การฆ่าเชื้อโรค

รังสีอัลตราไวโอเลตสามารถใช้ฆ่าเชื้อโรคได้โดยเฉพาะในน้ำดื่มและยังสามารถนำไปฆ่าเชื้อในเครื่องมือหรืออาหารได้ด้วยซึ่งปัจจุบันได้นำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้กับเครื่องกรองน้ำอย่างแพร่หลาย

Credit: https://th.m.wikipedia.org/wiki/รังสีอัลตราไวโอเลต

รังสีอัลตราไวโอเลตมีความถี่เท่าไร

รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet Radiation : UV) หรือรังสีเหนือม่วง เป็นรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการแผ่ของดวงอาทิตย์ ซึ่งมีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 100~400 นาโนเมตรความถี่ 1015~1217Hz ซึ่งตาของมนุษย์ ไม่สามารถมองเห็นได้ มีคุณสมบัติไม่แตกตัว (non-ionizing)

รังสี Ultraviolet มีกี่ชนิด

แสงยูวีมีด้วยกันสามรูปแบบ คือ อัลตราไวโอเลตเอ(UVA), อัลตราไวโอเลตบี(UVB) และรังสีอัลตราไวโอเลตซี(UVC) UVB ให้พลังงานผิวจำเป็นต่อการผลิตวิตามินดี อย่างไรก็ตามมีผลเสียโดยตรงต่อการทำให้ผิวไหม้แดด และการเสียหายของดีเอ็นเอ UVA สามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อผิวได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งริ้วรอยก่อนวัย

รังสีอัลตราไวโอเลตประเภทใดอันตรายมากที่สุด

1. รังสียูวี ซี (UV C rays,100-280 nm) เป็นรังสียูวีที่มีพลังงานสูงที่สุดและสามารถก่อให้เกิดอันตรายกับผิวหนังและดวงตาได้มากที่สุด โอโซนในชั้นบรรยากาศสามารถกรองไว้ได้หมด แต่ปัจจุบันชั้นโอโซนในบรรยากาศกำลังถูกทำลายมากขึ้น จึงทำให้รังสีชนิดนี้อาจทะลุผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลกมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

รังสีอัลตราไวโอเลตส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างไร

อันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลต อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า รังสีอัลตราไวโอเลตอาจทำให้เกิดผลกระทบต่างๆขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น… เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ผิวหนังเหี่ยวย่น ผิวคล้ำแดด ผิวไหม้แดด หน้าหมองคล้ำ หน้าเป็นฝ้า เกิดจุดด่างดำ ฝ้าแดง ฝ้าแดด กระ