ในปัจจุบันเราน่าจะเคยได้ยินคำว่ารังสี UV มาบ้างแล้ว แต่คุณรู้ไหมว่าแท้จริงแล้วนั้นรังสี UV คืออะไร มาจากไหน แล้วมีประโยชน์หรือโทษอะไรบ้าง บทความนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับรังสี UV ได้ดีมากขึ้นอย่างแน่นอน รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือชื่อภาษาไทยเรียกว่า รังสีเหนือม่วง แต่เรามักเรียกกันอย่างสั้นๆ ว่า รังสี UV ที่จริงแล้วก็คือ “ช่วงหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีความยาวคลื่นในช่วง 100-400 นาโนเมตร และมีพลังงานในช่วง 3-124 eV” ที่มันได้ชื่อดังกล่าวก็เพราะว่าสเปกตรัมของมันประกอบด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงกว่าคลื่นที่มนุษย์มองเห็นเป็นสีม่วงนั้นเอง แหล่งกำเนิดรังสีอัลตราไวโอเลต
ชนิดของรังสี UV ประโยชน์ของรังสี UV 1. ใช้ตรวจเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น ธนบัตร หนังสือเดินทาง บัตรเครดิต โดยใช้หลอดไฟแบล็กไลต์ (Black light) นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตรวจหารอยนิ้วมือ หรือแม้กระทั่งล่อแมลงก็ตาม 2. ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ที่อยู่ในน้ำและในอากาศโดยใช้ หลอดไฟฆ่าเชื้อ หรือ หลอด UV ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้ปล่อยรังสี UV ออกมา ส่วนใหญ่จะใช้เป็น UV-C เนื่องจากมีความสามารถในการฆ่าทำลายเชื้อโรคได้มากที่สุด ซึ่งทางเราก็ได้นำมาจำหน่ายในราคาถูก สามารถนำไปติดตั้งในห้องทดลอง ห้องแล็บ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับอาหาร เป็นต้น 3.กระตุ้นการสร้างวิตามินดี รังสียูวีบีมีคุณสมบัติกระตุ้นให้ร่างกายสร้างวิตามินดี ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือด กระดูก และภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากอาหารที่บริโภค จากบทความข้างต้นเราจะสรุปได้ว่ารังสี UV นั้นแท้จริงแล้วมีทั้งคุณประโยชน์และโทษขึ้นอยู่กับการใช้งานของเรา หากเราเข้าใจว่ารังสี UV คืออะไรเราจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย หลายๆ คนคงทราบว่าแสงแดดประกอบด้วยแสงยูวี เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ทำให้ผิวคล้ำ ผิวหน้าตกกระ เหี่ยวย่น เป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง ต้องมีการใช้ครีมทาผิวกันแดดโดยเฉพาะในฤดูร้อน แล้วโทษของแสงนี้ต่อดวงตา คงจะให้ความสนใจกันไม่มากนักในความเป็นจริงแสงนี้ให้โทษต่อตาเหมือนกัน แสงอุลต้าไวโอเล็ต เรียกกันง่ายๆ ว่าแสงยูวี (ultraviolet) เป็นคลื่นแสงที่ต่ำกว่าแสงที่มองเห็นด้วยตา กล่าวคือ ที่เห็นด้วยตามีขนาด 400 – 700 นานอมิเตอร์ แสง UV มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 400 ลงมา คำว่า ultraviolet มาจากคำว่า beyondviolet แปลว่า เลยรังสีคลื่น violet หรือเรียกง่ายว่า รังสีเหนือม่วง สีม่วงเป็นคลื่นสั้นที่สุดที่เห็นด้วยตา UV แบ่งได้เป็น ยูวีเอ (ขนาด 400 – 320) ยูวีบี (ขนาด 320 – 290) และยูวีซีขนาด 290 ลงมา สำหรับแสงยูวีซี จากดวงอาทิตย์จะถูกกันจากชั้นโอโซนของบรรยากาศหมด จึงไม่ลงมาถึงโลกเรา รังสียูวีซีที่ทำอันตรายคนเราในปัจจุบันเป็นยูวีซีที่มนุษย์ทำขึ้น กล่าวกันว่า หากมนุษย์ยังทำลายสิ่งแวดล้อมเพิ่มมลพิษจนทำลายชั้นโอโซน ในภายภาคหน้าอาจมียูวีซีมาทำลายเราก็ได้ ในปัจจุบันรังสีจากดวงอาทิตย์ที่มาถึงพื้นโลกมีรังสียูวีประมาณ 5% โดยเป็นยูวีเอ 90% ยูวีบี 10% นอกจากนี้รังสีจากดวงอาทิตย์ถึงผิวโลกในฤดูต่างๆ จะมีจำนวนแตกต่างกัน ระดับความสูงพบว่าที่สูงจะมากกว่า เวลาเที่ยงจะสูงสุด อีกทั้งการสะท้อนต่อผิววัตถุก็มีส่วนเพิ่มปริมาณรังสีจากผิวที่ต่างกันในจำนวนที่ต่างกัน โดยพบว่าถ้าเป็นผิวหิมะสะท้อนได้ถึง 60 – 80% หาดทรายประมาณ 15% ผิวน้ำทะเลประมาณ 5% ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้รังสียูวีทำลายดวงตาได้ต่างกัน รังสียูวี ทำลายเนื้อเยื่อเรา 2 วิธี
ที่มาของรังสียูวี
|