เช็คระยะ 100000 กิโล โตโยต้า


การมีรถยนต์สักคันไม่ได้จบแค่ซื้อรถและนำมาใช้งานเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงเรายังต้องทำการเช็คระยะรถยนต์เป็นประจำเพื่อตรวจสภาพโดยรวมของรถ ซึ่งตามหลักมาตรฐานทั่วไปแล้วการตรวจสภาพรถหรือการเช็คระยะรถยนต์มักกำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องตรวจเช็คระบบอะไรที่ระยะเท่าไร ดังนั้นจึงไม่ควรมองว่าการนำรถไปเช็คระยะเป็นเรื่องยุ่งยาก เสียเวลา หรือสิ้นเปลืองแต่อย่างใด 


ข้อดีของการเช็คระยะรถยนต์
การนำรถเข้าเช็คระยะตามกำหนดที่เหมาะสมนั้นมีส่วนช่วยยืดอายุการทำงานของรถยนต์ เนื่องจากการใช้งานรถทุกวันทำให้เกิดการเสื่อมสภาพ อาจทำให้อะไหล่สึกหรอจนส่งผลต่อระบบอื่น ๆ ดังนั้นการตรวจเช็คจึงช่วยให้เรารู้ว่ามีระบบไหนที่เริ่มเสื่อม ต้องทำการเปลี่ยนอะไหล่ หรือทำการซ่อมบำรุง


นอกจากนี้การเช็คระยะรถยนต์ยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันและค่าซ่อมแซมที่อาจบานปลายหากตรวจพบอาการเสื่อมสภาพหรือสึกหรอช้าเกินไป และที่สำคัญยังทำให้ผู้ขับขี่อย่างเราสบายใจในสมรรถนะของรถที่เราต้องขับทุกวันอีกด้วย 


การเช็คระยะรถยนต์ มีระบบอะไรต้องตรวจเช็คบ้าง
1)    5,000 กิโลเมตร
•    ความสมบูรณ์ของยางรถยนต์
•    จานเบรกและผ้าเบรกหน้า
•    น้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราะห์และไส้กรอง
•    ระบบแบตเตอรี่ น้ำกลั่น และแรงดันไฟ

2)    10,000 กิโลเมตร
•    สลับยาง ถ่วงล้อ แรงตึงน็อตของล้อ
•    โช้คอัพหน้า–หลัง
•    จานเบรกและผ้าเบรกหลัง รวมถึงการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันเบรก
•    ระบบคลัทข์ การรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัทช์
•    อัดจารบีช่วงล่าง
•    ยางหุ้มเพลาขับ
•    ลูกปืนล้อหน้าและล้อหลัง
•    น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์และไส้กรอง
•    ที่ปัดน้ำฝนและที่ฉีดน้ำล้างกระจก


3)    15,000 กิโลเมตร
•    ระบบกรองเชื้อเพลิงแบบดีเซล


4)    20,000 กิโลเมตร
•    ตั้งศูนย์
•    ล้างห้องเครื่อง
•    สายพานพวงมาลัยเพาเวอร์
•    ระบบคันชักคันส่ง ลูกหมาก และยางกันฝุ่น
•    น้ำมันเกียร์ธรรมดาและเฟืองท้าย
•    สายพานขับและสายพานเครื่องยนต์
•    ระบบกรองอากาศแบบดีเซล


5)    40,000 กิโลเมตร
•    น้ำมันเบรกและน้ำมันคลัชท์
•    น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
•    น้ำมันเกียร์ออโต้
•    น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์
•    ระบบกรองอากาศแบบเบนซิน
•    ระบบหัวเทียนแบบทั่วไป


6)    80,000 กิโลเมตร
•    ระบบกรองเชื้อเพลิงแบบเบนซิน


7)    100,000 กิโลเมตร
•    ระบบหัวเทียนแบบอิริเดียม
การเช็คระยะทำให้เรามีความมั่นใจ อุ่นใจทุกครั้งที่ขับขี่ อีกทั้งยังช่วยให้รถมีสมรรถนะที่ดีอยู่เสมอ อย่าลืมว่าการดูแลรถคันโปรดไม่ใช่แค่การล้างรถ เติมน้ำมัน หรือการดูแลประจำวันเท่านั้น แต่การนำรถยนต์ไปเช็คระยะ เป็นประจำตามกำหนดยังช่วยยืดอายุการใช้งาน ทำให้เราขับขี่รถคันโปรดได้นานขึ้น และปลอดภัยขึ้นด้วย


หลังจากได้ทราบเหตุผลและข้อดีของการนำรถไปเช็คตามระยะที่กำหนดไปแล้ว เรื่องความปลอดภัยขณะขับขี่บนท้องถนนก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งการทำประกันภัยรถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝันใด ๆ ก็ยังสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ และหากกำลังมองหาประกันรถยนต์อย่างครบวงจร*  สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://toyotainsurancebroker.com/index.php


หมายเหตุ - *รายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้น เป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด บริษัท โตโยต้า อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ให้บริการด้านนายหน้าประกันภัยในเครือโตโยต้า ลีสซิ่ง


อ่านเกร็ดความรู้อื่น ๆ ได้ที่ https://www.tlt.co.th/news/knowledge

การตรวจเช็คระยะ รถยนต์ พูดง่ายๆก็คือ การบำรุงรักษารถยนต์อย่างนึง ซึ่งหากกล่าวถึงการบำรุงรักษารถยนต์อย่างกว้าง ก็สามารถแบ่งได้ 2 แบบด้วยกันครับ แบบแรก คือ เปลี่ยนเมื่อเสีย ซึ่งควรจะมีการตรวจสอบดูแลอยู่สม่ำเสมอ และแบบที่ 2 คือ เปลี่ยนตามระยะแบบที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้

เช็คระยะ 100000 กิโล โตโยต้า

ข้อดี ของการตรวจเช็คระยะ หรือเปลี่ยนตามระยะเวลา

  • ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ เนื่องจากอะไหล่บางตัวเมื่อมีการสึกหรอ ก็จะส่งผลให้ตัวอื่นสึกหรอตามไปด้วย
  • ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่อาจจะบานปลาย
  • ขับขี่ได้อย่างสบายใจ ปลอดภัย และไร้กังวล เนื่องจากรถยนต์ของเราจะมีสมรรถนะที่สมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา

การตรวจเช็คระยะ รถยนต์ อย่างถูกต้องเหมาะสมระบบรองรับ และยางรถยนต์

  • ยางรถยนต์ ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 5,000 กม.
  • สลับยาง ถ่วงล้อ แรงตึงน๊อตล้อ ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • โช๊คอัพ หน้า – หลัง ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ตั้งศูนย์ล้อ ควรตรวจเช็คในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 20,000 กม.

ตรวจสอบระบบเบรค

  • จานเบรกและผ้าเบรคหน้า ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 5,000 กม.
  • จานเบรกและผ้าเบรคหลัง ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • การรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันเบรก ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • น้ำมันเบรค ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 40,000 กม.

ระบบคลัช 

  • คลัช ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • การรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัช ควรตรวจเช็คในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • น้ำมันคลัช ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 40,000 กม.

ระบบบังคับเลี้ยว 

  • สายพานพวงมาลัยพาวเวอร์ ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 20,000 กม.
  • น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 40,000 กม.

ระบบช่วงล่าง และตัวถัง

  • อัดจารบีช่วงล่าง ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ยางหุ้มเพลาขับ ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ลูกปืนล้อหน้า – หลัง ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ระบบคันชักคันส่ง ลูกหมาก และยางกันฝุ่น ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 20,000 กม.

ระบบส่งกำลัง

  • น้ำมันเกียร์ธรรมดา , เฟืองท้าย ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 20,000 กม.
  • น้ำมันเกียร์ออโต้ ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 40,000 กม.

ระบบเครื่องยนต์

  • น้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราะห์และไส้กรอง ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 5,000 กม.
  • น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์และไส้กรอง ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 10,000 กม.
  • ล้างเครื่อง ควรทำ ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 20,000 กม.
  • สายพานขับ และ สายพานเครื่องยนต์ ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 20,000 กม.
  • น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 40,000 กม.

ระบบเชื้อเพลิง และระบบควบคุมไอเสีย

  • กรองเชื้อเพลิง ดีเซล ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 15,000 กม.
  • กรองเชื้อเพลิง เบนซิน ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 48 เดือน หรือ 80,000 กม.
  • กรองอากาศ ดีเซล ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 12 เดือน หรือ 20,000 กม.
  • กรองอากาศ เบนซิน ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 24 เดือน หรือ 40,000 กม.

ระบบจุดระเบิด

  • หัวเทียน ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 48 เดือน หรือ 40,000 กม.
  • หัวเทียน แบบอิริเดียม ควรเปลี่ยน ในระยะเวลา 48 เดือน หรือ 100,000 กม.
  • แบตเตอรี่ ควรตรวจระดับน้ำกลั่นและแรงดันไฟ ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 5,000 กม.

อื่นๆ  

  • ที่ปัดน้ำฝน และ ที่ฉีดน้ำล้างกระจก ควรตรวจเช็ค ในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 10,000 กม.

คำเตือน

กรณีเป็นรถยนต์ที่ใช้งานใน ภาวะพิเศษ อาทิเช่น ใช้งานกับถนนขรุขระ , ถนนโคลนเลน , ถนนมีฝุ่นมาก , ใช้เป็นรถลากจูง , เป็นรถที่เดินทางในรอบต่ำ แต่ใช้ระยะทางไกล , รถที่ขับด้วยความเร็วสูงเกินกว่า 2 ชั่วโมง เป็นประจำ และใช้งานในที่สูงเกินกว่า 700 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล จะต้องทำการตรวจเช็คที่ละเอียด และมีความถี่มากกว่า รถยนต์ที่ใช้งานแบบปกติ