SWOT Analysis Strength 1. Honda is the sixth largest automobile manufacturer in the world selling cars in over a 100 countries Weakness 1. Cost structure of Honda is high as compare to other automobile manufacturers Opportunity 1. Developing hybrid cars and fuel efficient cars for the future Threats 1. Government policies for the automobile sector across the world จากจุดเริ่มต้นที่ผลิต “รถจักรยาน ติดเครื่องยนต์” ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1948… “ฮอนด้า” เติบโตเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยนตรกรรมรายใหญ่ของโลก ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ ไปจนถึงธุรกิจ ฮอนด้าเจ็ท “วิสัยทัศน์” เปรียบเสมือนเข็มทิศในการดำเนินงานของ “ฮอนด้า” ในแต่ละยุคสมัย ล่าสุด ฮอนด้าได้ประกาศวิสัยทัศน์ 2030 เพื่อเร่งตอบสนองและรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ รวมถึงความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการสร้างสังคมปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมทั้งการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะอันโดดเด่น เพื่อตอบโจทย์โลกในอนาคตที่กำลังจะมาถึง อย่างระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเทคโนโลยี AI “จุดแข็งของฮอนด้า คือ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ เครื่องยนต์อเนกประสงค์ รวมถึงธุรกิจฮอนด้า เจ็ท และฮอนด้ายังมีลูกค้ากว่า 28 ล้านรายทั่วโลก ความแข็งแกร่งทั้งด้านการเป็นผู้ผลิตชั้นนำ และการมีฐานลูกค้าจากทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้า ในการส่งมอบความสุขให้กับผู้คนทั่วโลกเพื่อเพิ่มศักยภาพของการใช้ชีวิต นอกจากนี้ ฮอนด้ามุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์หลากหลายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยสร้างสังคมปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่สะอาดปราศจากมลพิษ โดยตั้งเป้าในการนำเสนอยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 2 ใน 3 ของยอดจำหน่ายรถฮอนด้าทั่วโลกภายในปี 2573” คุณทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ ประธานกรรมการบริหาร และผู้แทนกรรมการบริหาร ซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เล่าถึงวิสัยทัศน์ ก้าวไปข้างหน้าด้วยยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า นับวันพลังงานเชื้อเพลิง ประเภท Fossil Fuel ทั่วโลกมีแต่จะลดน้อยลง และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการเล็งเห็นถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ฮอนด้าได้เริ่มพัฒนารถยนต์รุ่นต่างๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นยานยนต์สะอาดและประหยัดน้ำมันมากขึ้น ออกจำหน่ายในช่วงปีทศวรรษ 1970 ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษ 1990 จึงได้เริ่มจำหน่าย “รถไฮบริด” จนถึงปัจจุบัน ฮอนด้ามียอดจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดสะสมทั่วโลก มากกว่า 2 ล้านคัน และยังคงมุ่งมั่นขยายการผลิตรถไฮบริดทั่วโลก จากเป้าหมายของวิสัยทัศน์ของฮอนด้าที่มุ่งนำเสนอยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ฮอนด้าจึงได้เดินหน้าพัฒนา และเปิดตัวยนตรกรรมไฮบริด และยนตรกรรมปลั๊ก-อิน ไฮบริดที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความสุขในการเดินทางให้กับผู้คน ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นในการพัฒนายนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ฮอนด้าเชื่อว่ายนตรกรรมปลั๊ก-อิน ไฮบริด (plug-in hybrid vehicles) จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ฮอนด้า คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด นับเป็นยนตรกรรมใหม่ของฮอนด้าที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมต่อไปในอนาคต คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด มีฟังก์ชั่นการใช้งานเทียบเท่ารถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง โดยสามารถวิ่งโดยใช้ EV Range ได้ระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร* พร้อมอัตราเร่งอันทรงพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และสมรรถนะการขับขี่ที่ราบรื่นและเงียบ อีกหนึ่งรุ่นในแพลตฟอร์มของคลาริตี้ ซีรี่ย์ ที่เป็นที่สุดแห่งเทคโนโลยียานยนต์ที่ไม่มีค่าไอเสีย ได้แก่ ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์ รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) ผู้นำเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งอนาคต โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 750 กิโลเมตร* *จากการทดสอบภายในของฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ในงานโตเกียว มอเตอร์ โชว์ 2017 “ฮอนด้า” ได้นำยนตรกรรมหลากหลายรุ่น ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและจำหน่ายในตลาด และผลิตภัณฑ์ต้นแบบ มาจัดแสดง โดยเป็นยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ผสานกับฟังก์ชั่นการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและมอบความสุขในการเดินทางให้กับผู้คน นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่นำมาจัดแสดง อาทิ – Honda Sports EV Concept เปิดตัวครั้งแรกของโลกในงานนี้ โดยเป็นยานยนต์ต้นแบบที่ผสมผสานระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมทั้งใช้หลักการออกแบบ Low & Wide สะท้อนความโดดเด่นในดีไซน์รถสปอร์ต ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนหลากหลายกลุ่มมายาวนาน พร้อมสร้างประสบการณ์การขับขี่แบบรถสปอร์ตที่สนุกเร้าใจ – Honda Urban EV Concept รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ใช้พลังงานไฟฟ้า เหมาะกับการขับขี่ในเมือง ที่ได้รับการพัฒนาจากแนวคิดมุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานมีอิสระ และเพลิดเพลินในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยมีฟังก์ชั่นการสื่อสารแบบ Interactive ที่เชื่อมโยงระหว่างรถ กับคนและสังคมได้มากขึ้น และได้รับการออกแบบแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมาใหม่สำหรับยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น นับเป็นแนวทางการออกแบบยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้ารุ่นที่จะผลิตและจำหน่ายในอนาคต – Honda NeuV เป็นรถยนต์ต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และผสานฟังก์ชั่นการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้สามารถตรวจจับสภาวะทางอารมณ์ของผู้ขับได้ โดยประมวลผลจากการแสดงออกทางสีหน้า และน้ำเสียง แล้วจึงเลือกฟังก์ชั่นที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังสามารถเรียนรู้ไลฟ์สไตล์ และความชอบของผู้ขับ – Honda RoboCas Concept ยนตรกรรมต้นแบบขนาดเล็ก ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า มีพื้นที่เก็บของภายใน และสามารถปรับฟังก์ชั่นการใช้งานให้เป็นพื้นที่โชว์สินค้าขนาดกะทัดรัด เพื่อค้าขายเชิงพาณิชย์ มาพร้อมกับร่มหลังคาที่ช่วยบังแดด นับเป็นยนตรกรรมขนาดคอมแพคที่มีฟังก์ชั่นการขับขี่ ที่สามารถควบคุมทิศทางได้อย่างอิสระ – Honda Riding Assist-e รถจักรยานยนต์ที่มีระบบช่วยการทรงตัว ที่ “ฮอนด้า” พัฒนาจากเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้าที่นำผลการวิจัยจากหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์มาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่ และทำให้ผู้ขับสนุกสนานในการใช้ชีวิตกับรถจักรยานยนต์มากยิ่งขึ้น “ฮอนด้ามุ่งเน้นดำเนินการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อันทันสมัย ด้วยความมุ่งมั่นในการมอบความสุขในการขับขี่ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าทั่วโลก และจะยังคงเดินหน้าพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการใช้ชีวิตให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มที่” คุณฮาจิโกะ กล่าวทิ้งท้ายถึงทิศทางการดำเนินงาน “ฮอนด้า” นับจากนี้ |