การคุมกำเนิดในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ต้องอาศัยหัตถการทางการแพทย์ เช่น การทำหมัน ใส่ห่วงคุมกำเนิด แต่ในบางครั้งวิธีเหล่านี้ค่อนข้างยุ่งยาก และอาจทำให้ไม่สามารถกลับมามีลูกได้เมื่อถึงเวลาที่ต้องการ การใช้ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนและยาคุมฉุกเฉินจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ป้องกันการตั้งครรภ์มากขึ้น แต่บางคนอาจเคยได้ยินข้อมูลที่ว่า “กินยาคุมฉุกเฉินมากเกินไป อันตรายต่อร่างกาย” แล้วเกิดความกังวล ซึ่งความจริงแล้วการกินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ อันตรายจริงไหม ? อย่างไร ? หาคำตอบได้จากบทความนี้ Show
ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉิน“ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน” (Emergency Contraception Pill) สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 80 – 95% ซึ่งคำว่าฉุกเฉินในที่นี้อาจหมายถึง การมีเพศสัมพันธ์ทั้งยินยอมและไม่ยินยอมโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรือถุงยางอนามัยมีการฉีกขาด รั่วซึม รวมถึงกรณีที่ขาดการรับประทานยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนติดต่อกันเกินกว่า 3 วัน โดยประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์จะลดลงตามระยะเวลาการใช้ยา และไม่ได้มีผลทำให้แท้งในกรณีที่มีการตั้งครรภ์ไปแล้ว วิธีกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายเพียงชนิดเดียว มีทั้งรูปแบบรับประทาน 1 เม็ด ประกอบด้วย Levonorgestrel 1.50 มิลลิกรัม และรูปแบบรับประทาน 2 เม็ด Levonorgestrel 0.75 มิลลิกรัม ทางองค์การอนามัยโลกได้ให้ข้อมูลไว้ว่าสามารถทานได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปนานที่สุด 5 วัน แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ควรรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่เกิน 72 ชั่วโมงหรือ 3 วันหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งนั้น ๆ เพื่อให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มี 2 เม็ด ใน 1 กล่อง ให้รับประทานเม็ดที่ 2 ห่างจากรับประทานเม็ดแรกไป 12 ชั่วโมง ตัวยาจะเข้าไปป้องกันหรือยับยั้งการตกไข่ ทำให้ไม่เกิดการตั้งครรภ์ ซึ่งการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีเลือดออกกะปริดกะปรอย รอบประจำเดือนเปลี่ยน หรือบางคนอาจมีอาการคัดตึงเต้านมได้ ยาคุมฉุกเฉิน กินบ่อย ๆ ไม่ดีจริงหรือ ?หลายคนตั้งคำถามว่า “กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ ไม่ดีจริงหรือ” คำตอบคือ จริง แม้ว่ายาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินจะลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้ แต่หากการรับประทานบ่อยเกินความจำเป็น อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยามากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเกิน 2 กล่องต่อเดือน ควรใช้ยามจำเป็นเท่านั้น
นอกจากนี้ ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินยังไม่สามารถป้องกันการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ อีกทั้งยังป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย ข่าวบิดเบือน! กินยาคุมฉุกเฉิน 2 ครั้ง/เดือน มีผลข้างเคียงกระตุ้นเซลล์มะเร็ง และกระทบต่อรังไข่ มดลูกเผยแพร่: 22 ธ.ค. 2564 14:29 ปรับปรุง: 22 ธ.ค. 2564 14:29 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น ยาคุมฉุกเฉิน1เดือนกินได้กี่ครั้งการกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ควรเกิน 3 วันหรือ 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และไม่ควรกินมากกว่า 2 แผง (4 เม็ด) ภายในรอบเดือนเดียว เนื่องจากยาจะส่งผลให้ระบบสืบพันธุ์สร้างฮอร์โมนผิดปกติ
คนเรากินยาคุมฉุกเฉินได้กี่ครั้งดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉิน แม้จะเคยทานไปแล้ว 5 ครั้ง ก็สามารถที่จะทานได้อีกหากมีความจำเป็น เพียงแต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ดังกล่าวไป และหลังจากนี้ ควรเริ่มใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพดีกว่าดังที่กล่าวไปค่ะ
กินยาคุมฉุกเฉิน3ครั้งใน1เดือนเป็นไรไหมหลายคนตั้งคำถามว่า “กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ ไม่ดีจริงหรือ” คำตอบคือ จริง แม้ว่ายาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินจะลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้ แต่หากการรับประทานบ่อยเกินความจำเป็น อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยามากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเกิน 2 กล่องต่อเดือน ควรใช้ยามจำเป็นเท่านั้น
กินยาคุมฉุกเฉินมากจะเป็นอย่างไรข้อควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลข้างเคียงสูงมาก ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะออกฤทธิ์ต่อสภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก จึงมีผลต่อฮอร์โมนและทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวผู้ใช้ เช่น มีประจำเดือนผิดปกติ คลื่นไส้อาเจียน และหากกินบ่อยๆ อาจมีผลกับร่างกาย เช่น เสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูกได้
|