เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ที่อยู่ๆวันดีคืนดีเปิดคอมพิวเตอร์มาแล้วไม่สามารถใช้งานได้ เครื่องเปิดติดแต่ไม่ขึ้นภาพความหมายก็คือ พัดลมที่ CPU ทำงาน อาจมีไฟที่เมนบอร์ดติด พัดลม Power supply ทำงานแต่ปัญหาคือเปิด Windows ไม่ติดหรือหน้าจอไม่ขึ้น ปัญหาดังกล่าวเกิดจากอะไรได้บ้างและมีแนวทางในการแก้ไขได้อย่างไร Show
การที่คอมพิวเตอร์ตัวเครื่องเปิดติดแต่ไม่ขึ้นภาพส่วนใหญ่มักเกิดจากอุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์ของเครื่อง ทีมีปัญหา ซึ่งการที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวไม่ได้เจาะจงเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง นั้นหมายความว่าปัญหาอาจเกิดจากหลายสาเหตุของอุปกรณ์ในชิ้นส่วนต่างๆได้ โดยสิ่งที่ตรวจเช็คจะมีดังต่อไปนี้ ตรวจสอบสายการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอรกับจอหากเปิดไม่ติดภาพดังกล่าวแม้คอพิวเตอร์จะเปิดติด ให้ลองตรวจสอบสายที่เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับจอ ว่าเสียบแน่นและเสียบถูกหรือไม่ กรณีที่ใช้งานครั้งแรก หมายถึงประกอบคอมพิวเตอร์ครั้งแรกให้ดูให้แน่ใจว่าได้เสียบช่องการแสดงผลถูกพอร์ตหรือไม่ ในกรณีที่เครื่องมีทั้งการ์ดจอและช่องเสียบออนบอร์ด ให้เสียบที่การ์ดจอแทน แต่ในกรณีที่ใช้มานานแล้ว ให้ตรวจสอบว่าได้เสียบแน่นหรือไม่ให้ลองถอดออกมาและเสียบเข้าไปใหม่ ในบางกรณีที่ขึ้นที่จอคำว่า “No signal” ข้อความดังกล่าวไม่ได้มาจากคอมพิวเตอร์แต่จะเป็นข้อความที่มาจากจอ (ถึงแม้ไม่ได้ต่อจอก็จะขึ้นข้อความดังกล่าว) ฉนั้นหากจอข้อความว่า No signal ไม่ก็จะไม่แตกต่างจากจอดำหรือไม่ขึ้นภาพแต่อย่างใด ตรวจสอบจอแสดงผลว่ามีปัญหาหรือตั้งค่าผิดไว้หรือเปล่าในบางกรณีอาจมีปัญหาที่จอแสดงผลเสียหรือเกิดปัญหาบางอย่าง ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจอแสดงผลสามารถใช้งานได้ และตรวจสอบเรื่องการปรับค่าการตั้งค่าจอให้รับภาพแบบ Digital และ Analog เพราะบางรุ่นจะมีให้กดปรับแต่งที่หน้าจอว่าจะต้องตั้งค่าแบบไหน ถ้าตั้งค่าผิดกับการ์ดจอก็อาจจะไม่ขึ้นภาพได้ ให้ลองปรับสลับระหว่าง Digital และ Analog ดู ปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ถ้าเช็คเบื้องต้นแล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงปัญหาน่าจะมาจากตัวคอมพิวเตอร์เอง ให้ลองถอดฝาเคสของคอมพิวเตอร์ออกแล้วลองตรวจสอบดังต่อไปนี้
นี้เป็นเพียงแนวทางการค้นหาปัญหาและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นหากใครที่พบกับปัญหาดังกล่าวให้ลองทดสอบและนำไปใช้กันดู ปัญหาที่ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ไม่สามารถเริ่มต้นระบบ (Startup) เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การเจอ BSOD ไปจนถึงข้อผิดพลาดในการปิดเครื่อง (Shutdown) แบบไม่ผิดปกติ เช่น ไฟตก, แมวแอบดึงปลั๊ก ฯลฯ ถ้าเกิดเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า ก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ มันมีวิธีที่พอจะช่วยคุณแก้ปัญหาได้อยู่ จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง มาลองอ่านกัน บทความเกี่ยวกับ Microsoft อื่นๆ ขั้นตอนแก้ไขปัญหาที่แนะนำในบทความนี้ สามารถใช้ได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows 10, Windows 8 และ Windows 8.1 ภาพจาก : https://www.drivereasy.com/knowledge/fix-windows-10-restart-loop-reboot-loop/ 1. วิธีเข้า Advanced Options ของ Windowsในการที่เราจะเข้าไปยังหน้าจอ Advanced Options ของ Windows ได้นั้น เราจำเป็นต้องมี Windows installation media เสียก่อน ซึ่งสามารถสร้างได้ง่ายๆ โดยไปที่เว็บไซต์ https://www.microsoft.com/en-in/software-download/windows10 แล้วคลิก "ปุ่ม Download Tool Now" เราจะได้ไฟล์ MediaCreationTool20H2.exe มา ให้ดับเบิลคลิกเปิดมันขึ้นมา เลือก "Create Installation Media" เสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับคอมพิวเตอร์ แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอได้เลย เนื่องจากมันง่ายมาก ขออนุญาตไม่อธิบายวิธีทำตรงส่วนนี้แล้วกัน หลังจากได้แฟลชไดร์ฟที่เราทำเป็นมีเดียที่ใช้ในการติดตั้ง (Installation Media) มาแล้ว ให้เราเชื่อมต่อแฟลชไดร์ฟเข้ากับคอมพิวเตอร์ จากนั้นให้เข้าไปยังหน้า BIOS (ใครเข้า BIOS ไม่เป็น คลิกอ่านวิธีที่นี่) จากนั้นไปที่เมนู Boot ตั้งค่าให้คอมพิวเตอร์บูทระบบโดยเริ่มจากแฟลชไดร์ฟก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นก็บันทึกการตั้งค่า แล้วออกมาจากหน้า BIOS ได้เลย หน้าตาของ BIOS จะมีความแตกต่าง ตามแต่ยี่ห้อที่เราใช้งาน ภาพจาก https://rog.asus.com/forum/showthread.php?101693-My-hard-disk-drives-not-showing-up-in-boot-priority เมื่อระบบเริ่มต้นอีกครั้ง หากทำตามขั้นตอนถูกต้อง เราจะเข้าสู่หน้าติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 โดยหลังจากเลือกภาษาที่ต้องการใช้งานเสร็จ ก็คลิกที่ "ปุ่ม Next" แล้วเลือกคลิกเลือกคำสั่ง Repair Computer ภาพจาก https://th.phhsnews.com/articles/howto/how-to-fix-startup-problems-with-the-windows-startup-repair-tool.html จากนั้นคลิก Troubleshoot → Advanced Options เท่านี้ เราก็จะเข้าสู่หน้า Advanced Options แล้ว ภาพจาก https://www.laptopmag.com/articles/windows-10-advanced-startup-Options-menu วิธีแก้ปัญหาแรกที่ควรลองทำ คือ การใช้เครื่องมือซ่อมแซม Startup Repair ซึ่งตัว Windows จะตรวจสอบ และพยายามแก้ไขปัญหาให้เราแบบอัตโนมัติ สามารถเรียกใช้งานได้ โดยไปที่หน้า Advanced Options แล้วคลิกเลือกเมนู Startup Repair แล้วคอมพิวเตอร์ของเราจะทำการรีสตาร์ท และเริ่มกระบวนการวินิจฉัยสาเหตุ โดยสิ่งที่มันจะตรวจสอบ และหาทางแก้ไขให้เราจะเป็นดังรายการด้านล่างนี้
ภาพจาก https://youtu.be/z-HKlr_3o0Q หลังจากที่กระบวนการตรวจสอบ และแก้ไขเสร็จสิ้นคอมพิวเตอร์จะทำการรีสตาร์ท และเริ่มระบบให้อัตโนมัติ แต่ถ้ามันแก้ไขปัญหาให้เราไม่ได้ มันจะแจ้งเตือนข้อความว่า "Startup repair couldn’t repair your PC" ก็ให้เราดำเนินการแก้ไขด้วยวิธีการอื่นแทน ภาพจาก https://answers.microsoft.com/en-us/windows/forum/windows_10-other_settings/startup-repair-windows-10/7caf953e-d25a-4814-973c-3029d661d11e 3. บูทเข้า Safe Modeหากเครื่องมือ Startup repair ไม่ได้ผล ให้เราลองเข้า Windows แบบ Safe Mode ดู มันเป็นโหมดการทำงานที่ Windows จะเริ่มระบบด้วยการเรียกใช้ไฟล์ระบบ, ไดร์เวอร์ (Driver) ฯลฯ เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งเราจะเข้ามาทำการแก้ไขปัญหาในโหมดนี้แทน วิธีเข้า Safe Modeให้เราคลิก Advanced Options → Troubleshoot → Advanced Options → Startup Settings → คลิก Restart ภาพจาก https://support.microsoft.com/en-us/windows/start-your-pc-in-safe-Mode-in-windows-10-92c27cff-db89-8644-1ce4-b3e5e56fe234 แล้วกด "ปุ่ม F4" เพื่อเข้า Safe Mode หรือกด "ปุ่ม F5" ถ้าต้องการเข้า Safe Mode แบบเชื่อมต่อกับเครือข่ายด้วย ลองดูภาพด้านล่างประกอบได้ครับ ภาพจาก https://youtu.be/TwIOazT1BxU หากเข้า Safe Mode ไม่ได้ จะทำอย่างไร ?หากไม่สามารถเข้า Safe Mode ได้ เราจะต้องทำการซ่อมแซม Boot Record Error เสียก่อน ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ ใน Advanced Options เลือกเมนู Command Prompt แล้วพิมพ์คำสั่งด้านล่างลงไปตามลำดับ Bootrec.exe \fixmbr Bootrec.exe \fixboot Bootrec \rebuildBcd Bootrec /ScanOs ภาพจาก https://howtofixwindows.com/fix-windows-10-startup-problems/ หลังทำตามขั้นตอนนี้เสร็จสิ้น ให้ลองเข้า Safe Mode ดูอีกครั้ง น่าจะเข้าได้แล้ว แก้ปัญหาด้วย CHKDSK, SFC และ DISMเมื่อเราเข้า Windows แบบ Safe Mode ได้แล้ว ก็จะสามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบไฟล์อย่าง CHKDSK, SFC และ DISM ในการแก้ไขปัญหาได้ครับ
ปิดคุณสมบัติ Fast Startupในระบบปฏิบัติการ Windows 10 ทาง Microsoft ได้เพิ่มคุณสมบัติ Fast Startup (Hybrid Shutdown) เข้ามา เพื่อลดระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเริ่มต้นระบบ ช่วยให้เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows จะพร้อมใช้งานได้รวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากผู้ใช้พบว่าคุณสมบัติ Fast Startup ทำให้มีปัญหาต่อการเริ่มระบบ Windows ซึ่งการปิดคุณสมบัติดังกล่าวก็ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ รวมไปถึงปัญหา จอฟ้าแห่งความตาย BSOD และจอดำไม่ปรากฏภาพตอนเริ่มระบบได้ด้วย วิธีการปิดคุณสมบัติ Fast Startup
ในหน้า Advanced Options ให้เราคลิกเลือกเมนู Command prompt ครับ เพื่อเปิดตัวซอฟต์แวร์ Command prompt ขึ้นมา ภาพจาก https://thegeekpage.com/fix-startup-problems/ เข้าไปในไดร์ฟที่ติดตั้ง Windows ส่วนใหญ่ก็จะติดตั้งกันไว้ที่ไดร์ฟ C ก็ใช้คำสั่ง C: แล้ว Enter จากนั้นให้พิมพ์คำสั่งไปตามลำดับดังนี้ครับ
หากมันเด้งข้อความ "Overwrite..\DEFAULT? (Yes/No/All):" ขึ้นมา ให้เรากด "ปุ่ม A" บนแป้นคีย์บอร์ด หลังมันทำงานเสร็จสิ้นแล้ว ก็คลิกปิดหน้าต่าง Command Prompt ได้เลยครับ จากนั้นก็คลิกเมนู Continue เพื่อเข้าใช้งาน Windows ตามปกติได้เลย ภาพจาก https://www.nextofwindows.com/windows-10-tip-how-to-get-access-to-the-advanced-boot-Options-menu 5. ล้างการตั้งค่า (Reset) หรือ Refresh คอมพิวเตอร์ใหม่มาถึงทางเลือกสุดท้าย นั่นก็คือ การ Reset และการ Refresh คอมพิวเตอร์ โดยในหน้า Advanced Options ให้เราเลือก Troubleshoot ตามด้วยเมนู Reset this PC ภาพจาก https://support.microsoft.com/en-us/windows/start-your-pc-in-safe-Mode-in-windows-10-92c27cff-db89-8644-1ce4-b3e5e56fe234 จะมีตัวเลือกให้เราสองอย่าง คือ
เราสามารถเลือกตัวเลือกไหนก็ได้ แต่ทางที่ดีควรเริ่มจาก Refresh ก่อน ถ้าหากไม่ได้ผลจริงๆ และวิธีการอื่นก็ยังแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้ ถึงค่อยเลือก Reset หวังว่าจะมีวิธีใด วิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์บูทเข้า Windows 10 ไม่ได้ ให้คุณผู้อ่านได้นะครับ |