พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติเป็นเวลา ๑๗ ปี ๖ เดือน เสด็จสวรรคต เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๑๑ พระชนมพรรษา ๖๕ พรรษา มีพระราชโอรส ๓๙ พระองค์ และพระราชธิดา ๔๓ พระองค์ วันที่ 28 กรกฎาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิรภักดิ์ ขึ้นเป็น เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ตามที่จารึกลงในสุพรรณบัฏ อ่านข่าว: พระบรมราชโองการ สถาปนาเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เพจเฟซบุ๊ก คำไทย อธิบายยศ “เจ้าคุณพระ” ว่า “เจ้าคุณพระ” หรือ “Royal Noble Consort” คือตำแหน่ง “ภรรยาของพระมหากษัตริย์ที่ไม่ใช่เจ้านาย” ตำแหน่งสูงกว่าตำแหน่งเจ้าคุณจอมมารดา และเจ้าจอมมารดา เป็นราชทินนามฝ่ายใน ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ สถาปนาครั้งแรกเมื่อปี 2464 เมื่อ 98 ปีก่อน ตำแหน่งเจ้าคุณพระ ในกรุงรัตนโกสินทร์มี 2 ท่าน คือ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา เจ้าคุณจอมมารดาแพ ขึ้นเป็น “เจ้าคุณพระประยุรวงศ์” ตามที่จารึกลงในสุพรรณบัฏ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงสินีนาฏ วงศ์วชิรภักดิ์ ขึ้นเป็น “เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี” ตามที่จารึกลงในสุพรรณบัฏ ลำดับพระภรรยาเจ้า 1. พระอัครมเหสี 2. พระมเหสี 3.พระราชเทวี 4.พระนางเธอ 5.พระอรรคชายาเธอ 6.พระราชชายา 7.พระสนมเอก 8.พระสนม การใช้คำต่อ เจ้าคุณพระ ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ การใช้คำพูดแทนเจ้าคุณพระว่า “ท่านเจ้าคุณ” บุรุษแทนตนเองว่า “กระผม” ลงท้าย “ครับผม” สตรีแทนตนเอง “ดิฉัน” ลงท้าย “ค่ะ” พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ พระราชประวัติ เมื่อนิวัติประเทศไทยทรงรับราชการทหารแล้วทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อ พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ. 2525 ทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) และ พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร เมื่อพระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา 20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการตั้งการพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ให้ทรงดำรงพระราชอิสริยยศขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2509 ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ทั้งทรงมีพระราชศรัทธาทรงผนวชในพระพุทธศาสนา โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีผนวช ณ พัทธสีมาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญสุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุศาสน์ ได้รับถวายพระสมณนามว่า “วชิราลงฺกรโณ” และได้ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ตลอดจนทรงลาสิกขาในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 บรมราชาภิเษก พระราชกรณียกิจ 1. ด้านการบิน- 20 ธันวาคม พ.ศ. 2522 พระองค์ทรงเริ่มฝึกบินเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1H และเฮลิคอปเตอร์แบบ UH-1N และหลักสูตรเฮลิคอปเตอร์โจมตีติดอาวุธ (Gunship) ของกองทัพบก- 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบินเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-5 อี/เอฟ - พ.ศ. 2552 ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 เครื่องบินโบอิ้ง 737–400 ในเที่ยวบินสายใยรักแห่งครอบครัว ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์ สำหรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, (เที่ยวบินที่ ทีจี 8870 (กรุงเทพมหานครถึงจังหวัดเชียงใหม่) และเที่ยวบินที่ ทีจี 8871 (จังหวัดเชียงใหม่ถึงกรุงเทพมหานคร) 2. ด้านการทหาร 3. ด้านการศึกษา 4. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข 5. โครงการจิตอาสา ขอเชิญชวนบุคลากร นักเรียน นักศึกษา ร่วมทำแบบทดสอบความรู้และช่องทางประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการนำเสนอและการประชาสัมพันธ์ครั้งต่อไป |