[โบก-ขะ-ระ-พัด] (มค. โปกฺขร + สก. วรฺษ) น. น้ำฝนวิเศษไม่เปียกผู้ที่ไม่ต้องการให้เปียก (เหมือนน้ำที่ตกลงบนใบบัว) ตกลงแล้วไหลซึมซาบดินหายไปโดยเร็ว. Show ความหมายจาก พจนานุกรมแปล ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร โบกขรพรรษภาษาอังกฤษโบกขรพรรษภาษาไทย โบกขรพรรษความหมาย Dictionary โบกขรพรรษแปลว่า โบกขรพรรษคำแปลโบกขรพรรษคืออะไร(1) ปุสฺ (ธาตุ = เลี้ยง, เจริญ) + ขร ปัจจัย, แผลง อุ ที่ ปุ-(สฺ) เป็น โอ (ปุสฺ > โปส), แปลง สฺ เป็น กฺ : ปุสฺ + ขร = ปุสขร > โปสฺขร > โปกฺขร แปลตามศัพท์ว่า “พืชอันน้ำเลี้ยงไว้” (2) โปกฺขร (น้ำ) + ณ ปัจจัย (แทนศัพท์ “ชาต” = เกิด), ลบ ณ : โปกฺขร + ณ = โปกฺขรณ > โปกฺขร แปลตามศัพท์ว่า “พืชที่เกิดในน้ำ” “โปกฺขร” (นปุงสกลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ – (1) ต้นบัว, ใบบัว (a lotus plant, the lotus-leaf) (2) หนังกลอง (the skin of a drum) (เนื่องจากความคล้ายคลึงกับใบบัว from its resemblance to the lotus-leaf) (3) นกน้ำชนิดหนึ่ง, นกกระเรียน (a species of water-bird, crane) (๒) “พรรษ” บาลีเป็น “วสฺส” (วัด-สะ) รากศัพท์มาจาก วสฺสฺ (ธาตุ = ราด, รด) + อ ปัจจัย : วสฺสฺ + อ = วสฺส แปลตามศัพท์ว่า (1) “น้ำที่หลั่งรดลงมา” (2) “ฤดูเป็นที่ตกแห่งฝน” (3) “กาลอันกำหนดด้วยฤดูฝน” “วสฺส” (ปุงลิงค์, นปุงสกลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ – (1) ฝน, ห่าฝน (rain, shower) (2) ปี (a year) (3) ความเป็นลูกผู้ชาย, ความแข็งแรง (semen virile, virility) บาลี “วสฺส” สันสกฤตเป็น “วรฺษ” สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า – “วรฺษ : (คำนาม) ‘วรรษ,’ ฝน; การประพรม; ปี; พลาหก; ฝนหรือฤดูฝน; rain; sprinkling; a year; a cloud; the rain, or rainy season.” ภาษาไทยใช้อิงสันสกฤตเป็น “พรรษ” (พัด) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – “พรรษ, พรรษ– : (คำนาม) ฝน; ปี. (ส. วรฺษ; ป. วสฺส).” โปกฺขร + วสฺส = โปกฺขรวสฺส (โปก-ขะ-ระ-วัด-สะ) แปลตามศัพท์ว่า “ฝนตกดุจตกลงบนใบบัว” “โปกฺขรวสฺส” ในภาษาไทยใช้เป็น “โบกขรพรรษ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – “โบกขรพรรษ : (คำนาม) ฝนดุจนํ้าตกลงในใบบัว, ฝนชนิดนี้ กล่าวไว้ว่า ใครอยากจะให้เปียก ก็เปียก ถ้าไม่อยากให้เปียก ก็ไม่เปียก เหมือนนํ้าตกลงบนใบบัว. (ป. โปกฺขร ว่า ใบบัว + ส. วรฺษ ว่า ฝน).” พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายไว้ว่า – “โบกขรพรรษ : “ฝนดุจตกลงบนใบบัว หรือในกอบัว”, ฝนที่ตกลงมาในกาละพิเศษ มีสีแดง ผู้ใดต้องการให้เปียก ก็เปียก ผู้ใดไม่ต้องการให้เปียก ก็ไม่เปียก แต่เม็ดฝนจะกลิ้งหล่นจากกาย ดุจหยาดน้ำหล่นจากใบบัว เช่น ฝนที่ตกในพระญาติสมาคมคราวเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ครั้งแรก อันเหมือนกับที่ตกในพระญาติสมาคมของพระเวสสันดร.” ………….. ข้อควรสังเกตเกี่ยวกับฝนโบกขรพรรษ : ๑ ฝนโบกขรพรรษจะตกในคราวที่มีเหตุการณ์พิเศษเท่านั้น ไม่ตกพร่ำเพรื่อ ๒ คำว่า “ผู้ใดไม่ต้องการให้เปียก ก็ไม่เปียก” มีลักษณะเป็น 2 อย่างคือ (1) เม็ดฝนตกถูกตัว แต่น้ำจากเม็ดฝนจะไม่ซึมซับเข้าไปยังผิวหนังหรือส่วนใดๆ ของร่างกาย หากแต่จะหลุดออกไปเหมือนน้ำตกลงบนใบบัว ดังนั้นน้ำจึงไม่เปียก (2) เม็ดฝนตกไม่ถูกตัวของผู้นั้น จึงไม่เปียก ๓ ควรทราบว่าฝนโบกขรพรรษเป็นเหตุให้เกิดมหาเวสสันดรชาดก เรื่องก็คือเมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้แล้วเสด็จไปโปรดพระประยูรญาติที่เมืองกบิลพัสดุ์เป็นครั้งแรก พวกพระญาติยังมีทิฐิมานะไม่ยอมเคารพกราบไหว้ พระพุทธองค์จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์กำราบ สุดท้ายแห่งปาฏิหาริย์ฝนโบกขรพรรษก็ตกลงมา ภิกษุทั้งหลายยกเรื่องขึ้นสนทนากันว่าไม่เคยเห็นฝนชนิดนี้ พระพุทธองค์ตรัสว่าในอดีตชาติฝนโบกขรพรรษก็ได้เคยตกลงในสมาคมแห่งพระญาติเช่นเดียวกันนี้ แล้วจึงตรัสมหาเวสสันดรชาดก ฝนโบกขรพรรษที่ตกในเรื่องมหาเวสสันดรชาดกก็คือคราวเมื่อกษัตริย์ทั้ง 6 พระองค์หลังจากพลัดพรากจากกันได้กลับมาเห็นกันพร้อมหน้าก็ถึงแก่วิสัญญีภาพ ฝนโบกขรพรรษก็ตกลงมาทำให้ฟื้นคืนสมปฤดี เมื่อพระพุทธองค์เสด็จถึงพระนครกบิลพัสดุ์แล้ว ฝ่ายพระประยูรญาติ ลำดับนั้นหมู่พระประยูรญาติต่างพากันคลายทิฐิมานะประคองอัญชลีนมัสการชื่นชม ที่มาจากพระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง บทภาพยนตร์ พระสารีบุตร (เสียงก้องในความคิด) ดนตรีประกอบ พระเจ้าสุทโธทนะ(เสียงก้องในความคิด) เสียงและดนตรีประกอบ พระสารีบุตร พระพุทธเจ้า ท่านทั้งหลาย....ผู้รักษาศีลย่อมไปสู่สุคติ....ผู้รักษาศีล ย่อมเพรียบพร้อม ฝนโบกขรพรรษมีลักษณะพิเศษเป็นอย่างไร"ฝนโบกขรพรรษ" มีลักษณะพิเศษดังนี้ ๑. น้ำฝนนี้มีสีแดงดังเท้านกพิราบ หลั่งไหลเสียงสนั่นลั่นออกไปไกลเหมือนเสียงสายฝนธรรมดา ๒. ถ้าผู้ใดปรารถนาจะให้เปียกกายจึงจะเปียก หากมิได้ปรารถนาแม้แต่เม็ดหนึ่งก็มิได้เปียก ๓. เมื่อถูกกายแล้วจะหล่นสู่พื้นดินเสมือนหยาดน้ำที่ตกลงสู่ใบบัวแล้วกลิ้งตกลงไปฉะนั้น
ฝนโบกขรพรรษเป็นฝนที่มีสีอะไรSPONSORED. มีเหตุให้คิดถึง ฝนโบกขรพรรษ ฝนที่มีสีแดงตกลงเป็นฝอยๆเหมือนหิมะตก ผู้ถูกฝนต้องการจะให้เปียก ก็เปียก ไม่ต้องการให้เปียก ก็ไม่เปียก ตกถึงพื้นแล้วก็ละลายหายไป เหมือนน้ำฝนตกลงใบบัว ไม่เปียกใบบัว ครับ
ฝนโบกขรพรรษ คือใครโบกขรพรรษ. ฝนโบกขรพรรษ กี่ครั้งในพุทธประวัติ ปรากฏฝนโบกขรพรรษตก 3 ครั้ง คือ 1. เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จแสดงธรรมโปรดพระประยูรญาติ 2. เมื่อ พระเวสสันดร พระนางมัทรี พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี กัณหา และชาลี พบกัน 3. เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จแคว้นเวสาลีแสดงธรรมจักกัปปวัฒนสูตร
|