ยาคุมฉุกเฉิน1เม็ดควรกินตอนไหน

ยาคุมฉุกเฉินออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันโดยการช่วยชะลอหรือยับยั้งการตกไข่ ช่วยป้องกันไม่ใช่อสุจิเดินทางไปผสมกับไข่ได้ และช่วยขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากไข่ผสมกับอสุจิและปฏิสนธิ ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้

ลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel)

เป็นยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีฮอร์โมนโปรเจสตินสังเคราะห์ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 87% มีทั้งแบบ 1 เม็ด และแบบ 2 เม็ด หากเป็นแบบ 1 เม็ด ขนาดยา 1.5 มิลลิกรัม ให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหรือ 3 วันหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ส่วนแบบ 2 เม็ด ขนาดยา 0.75 มิลลิกรัม ให้รับประทานห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือรับประทานพร้อมกันทั้ง 2 เม็ด ภายใน 72 ชั่วโมงหรือ 3 วัน หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ลีโวนอร์เจสเตรลจะออกฤทธิ์ชะลอการตกไข่ และป้องกันไม่ให้ไข่ผสมกับอสุจิและเกิดการปฏิสนธิได้ แต่หากรับประทานหลังไข่ตกแล้วอาจป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ได้

ยูริพริสทอล อะซิเตท (Ulipristal Acetate)

เป็นยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่หยุดการทำงานของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ช่วยหยุดหรือชะลอการตกไข่ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 80-90% มีขนาดยา 30 มิลลิกรัม รับประทานเพียงเม็ดเดียวภายใน 120 ชั่วโมงหรือ 5 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ยาคุมฉุกเฉินชนิดนี้สามารถคุมกำเนิดได้ดีกว่าชนิดลีโวนอร์เจสเตรล เนื่องจากสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้แม้ว่าจะอยู่ในช่วงตกไข่ มีฤทธิ์ต้านการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้วด้วยการยับยั้งการทำงานของเยื่อบุโพรงมดลูก ทั้งนี้ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย

ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency contraception pill) ประกอบด้วยฮอร์โมนเพศโปรเจสตินชนิดเดียว (Progestin-only) และยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแบบฮอร์โมนคู่ ซึ่งสามารถป้องกันการตั้งท้องโดยไม่พร้อมได้ประมาณ 80-90 %  การป้องกันจะลดลงตามระยะเวลาที่รับประทาน

ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินควรใช้ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ หรือมีความผิดพลาดจากการคุมกำเนิด เช่น ถุงยางรั่วหรือแตกขณะมีเพศสัมพันธ์  มีการนับระยะปลอดภัยผิด หรือลืมกินยาคุมกำเนิดมากกว่า 3 วัน รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ยินยอม เช่น ถูกข่มขืน เป็นต้น

การกินยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพราะแม้จะสามารถควบคุมการตั้งครรภ์ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้กินจะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ 100%  รวมถึงยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น เอดส์ นอกจากนี้ยายังอาจส่งผลกระทบต่อรังไข่และมดลูก รวมถึงกระตุ้นเซลล์มะเร็งได้

หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือไม่ได้ตั้งใจแล้ว ผู้หญิงบางคนอาจไม่รู้ว่ายาคุมฉุกเฉินกินตอนไหนถึงจะปลอดภัยต่อร่างกาย แถมยาคุมฉุกเฉินก็มีหลายชนิดให้เลือกใช้จึงอาจทำให้หลายคนสับสนได้ บทความนี้จะช่วยคลายความสงสัยและความวิตกกังวลไปพร้อมกัน

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่ายาคุมฉุกเฉินชนิดเม็ดนั้นไม่ใช่ยาที่ทำให้แท้งบุตร แต่กลไกหลักจะช่วยชะลอหรือป้องกันไข่ตกในช่วงวันตกไข่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น หมายความว่าหากไข่ไม่ตกตามปกติ อสุจิก็ไม่อาจปฏิสนธิกับไข่ได้ จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์ตามมานั่นเอง นอกจากนี้ ยังอาจมีส่วนช่วยป้องกันการฝังตัวที่ผนังมดลูกอีกด้วย

ยาคุมฉุกเฉิน1เม็ดควรกินตอนไหน

ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน

ยาคุมฉุกเฉินกินตอนไหนเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย คำตอบคือควรกินในกรณีจำเป็นเท่านั้น เช่น หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือไม่ตั้งใจ เกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น หรือลืมกินยาคุมกำเนิดชนิด 21 หรือ 28 เม็ด 

โดยควรกินยาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะตัวยาจะมีประสิทธิภาพสูงสุดหากรับประทานภายในระยะเวลาประมาณ 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งปล่อยเวลาทิ้งไปมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินจะยิ่งลดต่ำลงเท่านั้น โดยเฉพาะหากหลุดกรอบเวลาที่กำหนดไว้บนฉลากไปแล้ว

นอกจากนี้ น้ำหนักตัวมากหรือโรคอ้วนอาจส่งผลให้ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพต่ำลงด้วย หากพบสัญญาณที่บ่งบอกยาคุมฉุกเฉินอาจใช้ไม่ได้ผล อย่างประจำเดือนไม่มาตามเวลาปกติเกิน 1 สัปดาห์ ควรตรวจการตั้งครรภ์โดยเร็ว ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรโดยเร็ว

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่ใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิด แต่ละชนิดจะมีปริมาณยา จำนวนเม็ดยา และระยะเวลาใช้ยาที่เหมาะสมต่างกันไป ดังนี้

1. ยาคุมฉุกเฉินที่มีตัวยาลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel)

ยาลีโวนอร์เจสเตรลเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ในกลุ่มโพรเจสติน (Progestins) ที่นิยมใช้กันในประเทศไทย โดยมีจำหน่ายใน 2 ปริมาณ ได้แก่

  • ยาปริมาณ 1.5 มิลลิกรัม กินเพียง 1 ครั้ง ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์
  • ยาปริมาณ 0.75 มิลลิกรัม กิน 2 ครั้ง โดยกินเม็ดที่ 1 ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นเว้นระยะห่าง 12 ชั่วโมง แล้วจึงกินเม็ดที่ 2      

ในกรณีที่อาเจียนยาออกมาใน 2 ชั่วโมง ควรขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพราะอาจจำเป็นต้องกินยาคุมฉุกเฉินซ้ำ 

2. ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive Pills: COCs

ยาคุมฉุกเฉินชนิดนี้มีส่วนผสมของยาลีโวนอร์เจสเตรล 0.5 มิลลิกรัม และยาเอทินิลเอสตราไดออล (Ethinylestradiol) อีก 100 มิลลิกรัม แนะนำให้กินทั้งหมด 2 เม็ด โดยกินเม็ดที่ 1 ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นเว้นระยะห่าง 12 ชั่วโมง แล้วจึงกินเม็ดที่ 2 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

การใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่มักปลอดภัยต่อร่างกาย แต่ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเป็นประจำ เพราะยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีปริมาณฮอร์โมนสูง หากใช้ในปริมาณที่กำหนดอาจพบผลข้างเคียงโดยเฉพาะในช่วง 2–3 วันหลังการใช้ยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ประจำเดือนคลาดเคลื่อน มีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย 

อีกทั้งคนที่รับประทานซ้ำหลายครั้งอาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น เกิดความผิดปกติที่รังไข่หรือเยื่อบุโพรงมดลูก และอาจมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกสูงขึ้นกว่าคนทั่วไป

นอกจากนี้ ยาคุมฉุกเฉินยังมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดต่ำกว่ายาคุมทั่วไปที่แผงละ 21 หรือ 28 เม็ด จึงไม่ควรใช้คุมกำเนิดในระยะยาว และแม้ว่าจะกินยาคุมถูกต้องถูกวิธีแล้ว ก็อาจจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นกัน

นอกจากทราบแล้วว่ายาคุมฉุกเฉินกินตอนไหน ยังมีข้อควรระวังอีกหลายประการที่ควรศึกษาก่อนใช้ยา หากมีข้อสงสัยในการใช้ยาคุมฉุกเฉินหรือ

ควรกินยาคุมฉุกเฉิน แบบ1เม็ด ภายในกี่ชั่วโมง

การรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้น จึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด

กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียวได้ไหม

วิธีกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง กินครั้งเดียวพร้อมกันทั้ง 2 เม็ด ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ กินยาเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ และเม็ดที่สองห่างไปอีก 12 ชั่วโมง แต่การกินยาครั้งละเม็ดห่างกันนานถึง 12 ชั่วโมงอาจทำให้หลายคนลืมกินยาเม็ดที่สอง หรือเข้าใจผิดว่ากินยาเพียงเม็ดเดียวก็เพียงพอแล้ว ทำให้การคุมกำเนิดไม่ได้ผล

กินยาคุมฉุกเฉินตอนไหนดีที่สุด

วิธีการรับประทานที่ถูกต้องคือ รับประทานเม็ดแรกให้เร็วที่สุด ภายหลังมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้ป้องกันภายใน 72 ชั่วโมง และรับประทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง และไม่แนะนำให้รับประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด พร้อมกันในครั้งเดียวได้ โดยที่ประสิทธิภาพและความปลอดภัย ...

กินยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว จะท้องไหม

ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว ถ้ารีบกินในทันทีหลังกิจกรรมเสร็จสิ้นก็จะเป็นวิธีที่ยิ่งคุมกำเนิดได้แน่นอนกว่า แต่ก็แน่นอนหละ มันคุมได้ประมาณไม่เกิน 95% (ข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก) ก็เสี่ยงอยู่นะ และนั่นก็หมายถึงต้องรีบกินให้เร็วที่สุด