บรรพบุรุษของเราแต่โบราณใช้ความเข้มแข็งต่อสู้เพื่อรักษา เพื่อขยายดินแดน สร้างบ้านแปลงเมืองมาได้ แต่กับภัยธรรมชาติ อย่างอุทกภัย แทนที่จะปะทะหักหาญ ท่านจัดการด้วยความโอนอ่อนผ่อนปรน ในหนังสืออยุธยามาจากไหน? (สำนักพิมพ์นาตาแฮก ส.ค.2561) สุจิตต์ วงษ์เทศ เขียนไว้ในหัวข้อที่ 3 สร้างบ้านแปลงเมือง...ว่า อยุธยาน้ำท่วม สุโขทัยน้ำแล้ง คนโบราณมีวิธีจัดการกับน้ำด้วยการวางผังเมืองต่างกัน อยุธยาเมืองลุ่ม น้ำท่วมหนักจึงต้องขุดคลองไล่น้ำไหลให้ลดเร็วที่สุด บนเกาะเมืองอยุธยาจึงต้องมีคลองจำนวนมาก สุโขทัยเมืองดอน น้ำแล้ง ต้องขุดสระ (เรียกตระพัง) เก็บกักน้ำใช้ยามแล้ง จึงพบสระจำนวนมากทั้งในเมืองและนอกเมือง เรื่องของคลองในอยุธยา สุจิตต์ วงษ์เทศ บอกว่า คลองในเกาะเมืองมีตามธรรมชาติเดิมอยู่แล้วแต่ไม่มากนัก และไม่ตัดตรงเป็นระเบียบ เมื่อชุมชนบนเกาะเมืองขยายกว้างออกไป ทางราชการจึงขุดแปลงคลองในเมืองทั้งแนวนอนด้านตะวันตก ด้านตะวันออก และคลองแนวตั้งทั้งด้านเหนือด้านใต้เป็นเส้นตรงตัดกันไปมาราวกับใยแมงมุม คลองเหล่านี้ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง หนึ่งใช้เป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำ สองชักน้ำเข้าใช้ในเมือง สามระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก ผมอ่านถึงตรงนี้ก็เห็นว่าน้ำมีคุณอเนกอนันต์ ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา ย้อนไปเรื่อง สุโขทัยเมืองดอน หนึ่งในเกียรติประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่สร้างไว้ในสุโขทัยก็คือ นโยบายขุดสระหรือตระพังเอาไว้ใช้ในยามแล้ง บางประโยคในศิลาจารึก...น้ำในตระพังสีใสกินดี ดั่งน้ำโขงเมื่อแล้ง...แสดงว่าเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพิ่งมานึกถึงกันในวันนี้ เล่าขานยกย่องกันมาตั้งแต่สมัยนั้น ภูมิปัญญาสมัยสุโขทัยขุดสระเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง...ผู้รู้มากมายในสมัยใหม่คงบอกได้ว่า ก็ทำเขื่อน ทำฝาย ฯลฯ กักเก็บน้ำ ขุดคลอง ฯลฯ กันไว้มากต่อมากนักต่อนักแล้ว ปัญหาของเขื่อนของฝาย เมื่อน้ำน้อยก็ไม่พอใช้ เหมือนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...เกิดแล้งกลางฤดูฝน...และตอนนี้พายุใหญ่มาก น้ำมากก็ต้องหาทางระบายจนบ่าท่วมบ้านเมือง ไม่ว่าปัญหาน้ำแล้งหรือปัญหาน้ำท่วม นายกฯประยุทธ์แวะเวียนไปเยี่ยมเยียนแล้ว ทั้งอีสานเหนือ ปัญหาเฉพาะหน้ามีอะไรช่วยได้ก็ช่วยกันไป เป็นภาพที่คุ้นเคยชินตา แต่คำเดียว...ที่ผมอยากได้ยินจากปากทุกฝ่าย ผู้นำ ผู้รู้เรื่องน้ำ ชาวบ้าน ฯลฯ ก็คือ เมื่อน้ำมามากๆ น้ำที่เราขาดแคลนกันนักเมื่อแล้ง...บ่าท่วมมาถึงตรงหน้า ทำไมเราไม่หาวิธีกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ เมื่อยังสร้างเขื่อน สร้างฝายไม่ได้ หรือสร้างไว้ไม่พอ สิ่งที่ทำได้ง่ายก็คือ การขุดสระแบบตระพังเหมือนสมัยพ่อขุนรามคำแหง แทนที่จะปล่อยให้น้ำท่วมไหลผ่านไปต่อหน้าต่อตา หนึ่งในเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร... ทรงย้ำแล้วย้ำอีกก็คือ ทุกสวนทุกไร่ต้องขุดบ่อน้ำไว้สำรองใช้ ตอนแล้งในฤดูฝนที่ตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ผมดูข่าวชาวบ้านขุดหลุมเล็กๆ เป็นช่องทางให้น้ำฝนหรือน้ำท่วมซึมลงไปเก็บไว้ใต้ดิน เมื่อแล้งน้ำก็สูบขึ้นมาใช้แบบน้ำบาดาล นี่คือความพยายามหนึ่ง ประสิทธิผลของการฝากน้ำไว้ใต้ดินมีมากน้อยแค่ไหน ผมยังไม่เคยได้ยินผลงานวิจัย ถ้าใช้ได้ผลจริง...เราก็จะมีน้ำสำรองไว้อีกแห่ง...ดีกว่ารอฟ้าฝนประทานเหมือนอย่างที่เคยรอๆกันมา. กิเลน ประลองเชิง �Ѩ��·���ռŵ���ѡɳзҧ���ɰ�Ԩ�ͧ�ҳҨѡ���⢷�� ��þԨ�óҶ֧��Ҿ���ɰ�Ԩ�ͧ�ҳҨѡ���⢷�¹�� ���繨е�ͧ�Ԩ�óҶ֧��Ҿ�Ǵ�����ͧ��⢷������ռŵ������зҧ���ɰ�Ԩ�ͧ��⢷�����ҧ�ú�ҧ ��駹�����ͨ������㨶֧�ŷҧ���ɰ�Ԩ�����Դ����� �Ѩ��·������͵���ѡɳ����ɰ�Ԩ�ͧ�ҳҨѡ���⢷�� �մѧ��� ��Ҿ��鹴Թ������觹�� ����駢ͧ��⢷��
��º�¢ͧ��黡��ͧ�ҳҨѡ���⢷�� Ref : http://www.geocities.com/m6_7_mp/new_page_11.htm 19/02/2008 รายละเอียด ผู้ดูแลระบบ หมวดหลัก: ข่าวความเคลื่อนไหวงานพัฒนา สร้างเมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2554 ฮิต: 15881 ตัวอย่างการจัดการน้ำของคนสุโขทัย เป็นตัวอย่างของภูมิปัญญาไทยในการควบคุมสภาวะธรรมชาติให้เหมาะสมต่อการตั้งถิ่นฐานการดำรงชีวิต ระบบการจัดการน้ำเป็นภูมิปัญญาที่เกิดในประเทศไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยการตั้งบ้านแปลงเมือง ดังหลักฐานทางด้านโบราณคดีตามชุมชนโบราณขนาดใหญ่หลายแห่ง มีการขุดคูน้ำและแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค นอกจากเหตุผลการป้องกันข้าศึกศัตรูแล้วยังเป็นแหล่งอาหารให้กับประชาชนอีกด้วย ในสมัยสุโขทัย บริเวณที่ตั้งเมืองสุโขทัยมักประสบปัญหาความขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง อันเป็นปัญหาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของสุโขทัยที่ปราศจากแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง เพราะฉะนั้น คนไทยสมัยสุโขทัย จึงได้ดัดแปลงสภาพธรรมชาติในรูปแบบการจัดระบบชลประทาน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทยในการจัดระบบน้ำที่สลับซับซ้อน ตั้งแต่การนำน้ำหรือส่งน้ำไปยังพื้นที่ที่ต้องการน้ำ การเก็บกักน้ำไว้ใช้และแจกจ่ายเพื่ออุปโภค บริโภค คนสุโขทัยบังคับน้ำที่ไหลจากที่สูงลงมายังพื้นที่ราบให้ไหลไปตามแนวดินและท่อส่งน้ำ ไปยังแหล่งเก็บกักน้ำต่างๆ นอกจากนี้ระบบการควบคุมน้ำดังกล่าว ยังลดสภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย
นายสมศักดิ์ คำทองคง ประธานองค์กรชุมชนลูกพ่อขุนราม กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง อาจมองเป็นคนละเรื่อง แต่เรื่องการจัดการน้ำ ถือว่าเป็นเรื่องเดียวกัน ปัญหาส่วนใหญ่ของการจัดการน้ำจะเป็นเรื่องของการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ แต่ก็มีการแก้ไขปัญหาคือการตั้งเครือข่ายมาร่วมกันบริหารจัดการน้ำตั้งแต่การเปิดปิดประตูระบายน้ำ มีการตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำโดยขบวนชาวบ้าน และมีข้อเสนอต่อราชการซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการของชาวบ้าน ระบบผันน้ำปิงสู่น้ำยม ตามหลักศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ ที่ว่า “เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” การจัดการปัญหาน้ำเพื่อใช้ปลูกข้าวที่ก้าวหน้ายิ่ง คือการใช้แนวถนนพระร่วงเป็นคันกั้นน้ำเป็นช่วงๆ ทำให้สองข้างทางเป็นเสมือนคลองชลประทานผันน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้อนุรักษ์แนวคลองชลประทานโบราณนี้ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำทำนาตามที่ราษฎรกำแพงเพชรทูลเกล้าถวายฎีกา ชื่อว่า “โครงการพระราชดำริท่อทองแดง”
นอกจากนั้นทางเครือข่ายยังมีการพูดคุยกันถึงการปิด –เปิด ประตูน้ำในช่วงน้ำหลาก – น้ำน้อย การจัดสรรน้ำก่อน –หลัง ปริมาณน้ำที่กักเก็บได้จะเพียงพอทำการเกษตรจำนวนกี่ไร่ รวมถึงแต่ละหมู่บ้านมีผู้ใช้น้ำ จะทำหน้าที่ผลัดเวรกันดูแลฝายอย่างไร สำหรับแนวทาวการจัดการน้ำต้องอาศัยจารีต ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสาน และให้ประชาชนมีส่วนร่วมกันจริงๆ ภาครัฐช่วยประสาน คอยเป็นพี่เลี้ยงให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญจริงๆในการแก้ปัญหาทรัพยากรน้ำ ชาวบ้านต้องมีการใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ และดูแลรักษาแหล่งน้ำให้สะอาด หากช่วยกันดูแลรักษา ชุมชนท้องถิ่นก็จะสามารถใช้ประโยชน์ได้ยาวนาน
|