เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับพิกัดศุลกากร
สิทธิ์เขตการค้าเสรีและ WTO
ความสำคัญและความเป็นมาของ FTAFTA ย่อมาจาก Free Trade Area หรือเขตการค้าเสรี เป็นการทำความตกลงทางการค้าของประเทศ อาจเป็น 2 ประเทศ (ทวิภาคี) หรือเป็นกลุ่มประเทศ (พหุภาคี) ที่จะร่วมมือขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งที่เป็นภาษีศุลกากรและไม่ใช่ภาษีศุลกากร
นโยบายการค้าเสรีมีดังนี้ ประโยชน์และผลกระทบของการทำ FTA ในภาพรวมแล้วการทำ FTA มีทั้งผลดีและผลกระทบ แต่คู่เจรจาได้พยายามศึกษารวบรวมข้อมูล และเจรจาเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างพอใจ ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด หรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมเฉพาะ และสภาพแวดล้อมทั่วไปของคู่เจรจาจะแตกต่างกันไปในแต่ละ FTA หากจะวิเคราะห์แต่ละด้านของแต่ละ FTA จะมีบางกลุ่มอุตสาหกรรม บางกลุ่มสินค้าได้ประโยชน์ บางกลุ่มสินค้าไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบ การเจรจาก็สามารถยืดเวลาในการลดหรือยกเว้นภาษีออกไปจนกว่าภาคการผลิตจะสามารถปรับตัวได้ หรือภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือ เยียวยา ชดเชยผลกระทบเหล่านั้นในภาพรวมการทำ FTA น่าจะมีประโยชน์ดังนี้
คะแนนเฉลี่ย คะแนนเฉลี่ย 5 stars 4 stars 3 stars 2 stars 1 star
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2549 มุ่งเน้นใช้การส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจัยภายในประเทศไม่สามารถผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในขณะนี้ ทั้งการลงทุนและ การบริโภคภายในที่ชะลอตัว
รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้การส่งออกของไทยในปี 2549 ขยายตัว 17.5% ขณะที่ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-พฤษภาคม) การส่งออกขยายตัว 16.5% อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยในปีนี้ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งการแข็งค่าของค่าเงินบาท
ราคาน้ำมันในระดับสูงทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ย ขาขึ้น และที่สำคัญ คือ อุปสรรคจากมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers : NTBs) ที่สินค้าส่งออกของไทยประสบมาอย่างต่อเนื่องปัจจุบันแม้ว่าภาษีศุลกากรของสินค้าในการค้าโลกลดลงเป็นลำดับ
ซึ่งเป็นผลมาจากพันธกรณีการเปิดเสรีการค้าพหุภาคีขององค์การการค้าโลก (WTO) แต่การใช้มาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers : NTBs) กลับเพิ่มขึ้นเป็นลำดับและมีรูปแบบใหม่ๆ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และเป็นที่น่าสังเกตว่า
วัตถุประสงค์ของการใช้มาตรการ NTBs ได้เปลี่ยนจากการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping : AD) และมาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty : CVD) เพื่อคุ้มครองผู้ผลิตภายในประเทศ มาเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศ
โดยใช้มาตรการด้านสุขอนามัยพืชและสัตว์ (Sanitary and Phyto-Sanitary Measures: SPS) และมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้าด้านเทคนิค (Technical Barriers to Trade: TBT) มากขึ้นเป็นลำดับ โดยคำนึงถึงสุขภาพอนามัย ความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก
รวมทั้งการรักษาและปกป้องสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการของแรงงาน
|