มท 0816.2 ว 2022 ลง วัน ที่ 30 มิถุนายน 2565

UPDATE: รมว.คลัง ตั้งเป้าทำงบประมาณ ‘สมดุล’ ภายใน 10 ปี โดยเตรียมลดการขาดดุลงบประมาณตั้งแต่ปีหน้า เพื่อสร้างความมั่งคงทางการคลัง
.
รัฐมนตรีคลังตั้งเป้าจัดทำงบประมาณสมดุลให้ได้ภายใน 10 ปี โดยจะลดการขาดดุลงบประมาณลงตั้งแต่ปีหน้า เพื่อสร้างความมั่งคงทางการคลัง เผยแนวทางการจัดทำงบประมาณในอนาคตคือ การให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เทคโนโลยีดิจิทัล และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
.
วันนี้ (15 ธันวาคม) อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานการประชุมเชิงปฏิบัติการทางวิชาการด้านการงบประมาณ OECD Asian Senior Budget Officials Meeting ครั้งที่ 16 ว่ากระทรวงการคลังตั้งเป้าจัดทำงบประมาณสมดุลให้ได้ภายใน 10 ปี โดยขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ได้แก่ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และการจัดเก็บรายได้ ซึ่งรวมไปถึงการขยายฐานภาษี โดยการนำระบบดิจิทัลมาใช้ก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่ทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้ได้มากขึ้น
.
“ขนาดการขาดดุลงบประมาณควรต้องลดลง เพื่อสร้างความยั่งยืนและมั่นคงให้แก่ฐานะการคลัง ส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศและประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้าว่า ภายใน 10 ปี งบประมาณจะเข้าสู่ภาวะสมดุลได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสถานการณ์” อาคมกล่าว
.
ก่อนหน้านี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า การขาดดุลงบประมาณของไทยในปี 2022 น่าจะอยู่ที่ 5.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ก่อนจะขาดดุลลดลงเหลือ 3.2% ของ GDP ในปี 2023 ถือว่าน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่โดยเฉพาะการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ที่ขาดดุลถึง 7% ของ GDP
.
อย่างไรก็ตาม ในระยะปานกลาง (ระหว่างปี 2024-2027) การขาดดุลของประเทศไทยน่าจะอยู่ที่ 3.2-3.5% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนการระบาด (ปี 2013-2018) ซึ่งดุลงบประมาณอยู่ระหว่างขาดดุล 0.8% ถึงเกินดุล 0.5%
.
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 15-16 ธันวาคมนี้ สำนักงบประมาณร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการทางวิชาการด้านการงบประมาณ (OECD Asian Senior Budget Officials) ครั้งที่ 16 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ โดยประเด็นสำคัญในการประชุม ประกอบด้วย พัฒนาการด้านการงบประมาณและรายจ่ายภาครัฐในปัจจุบันและอนาคต การสร้างความยั่งยืนทางการคลังและการจัดลำดับความสำคัญใหม่ในประเด็นการคุ้มครองทางสังคมและโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล พัฒนาการด้านการพิจารณาทบทวนการใช้จ่ายภาครัฐ และบทบาทของสำนักงบประมาณของรัฐสภา เป็นต้น
.
อาคมกล่าวอีกว่า ประเทศไทยได้แบ่งปันประสบการณ์การดำเนินนโยบายการคลัง โดยเฉพาะด้านงบประมาณ ซึ่งมีความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ ตัวอย่างเช่น โครงการคนละครึ่ง และโครงการช่วยเหลือภาคธุรกิจท่องเที่ยว เราเที่ยวด้วยกัน
.
แนวทางการจัดทำงบประมาณของ ‘ไทย’ หลังโควิด
สำหรับแนวทางการจัดงบประมาณในอนาคตช่วงหลังโควิด อาคมระบุว่า ควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงรายจ่าย รวมไปถึงการหารายได้ให้แก่รัฐบาล เพื่อมาชำระหนี้ที่ได้ใช้จ่ายไปในช่วงโควิด
.
โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดทำงบประมาณสามารถทำได้โดยจัดอันดับว่าอะไรคือความสำคัญของประเทศ โดยประเทศไทยได้เสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญแก่ BCG
2. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นำมาใช้ในกระบวนการทำงานมากขึ้น ทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน
3. การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะกับโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
.
“เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่กระทรวงการคลังตั้งไว้ที่ 3-4% จำเป็นต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากช่วง 2 ปีที่แล้ว การจัดงบประมาณมุ่งไปกับการให้ความช่วยเหลือ” อาคมกล่าว
.
#TheStandardWealth
______________________________________

 

ลองสังเกตดู เวลาจ่ายเงินค่าอาหารแล้ว ทางร้านจะให้ “ใบกำกับภาษี” กลับมา (เรามักพูดติดปากกันว่าใบเสร็จ/บิล) เพื่อแสดงราคาสินค้าและบริการทั้งหมดที่เราจ่ายไป ซึ่งจะมีค่า #VAT 7% ในนั้นด้วย
มท 0816.2 ว 2022 ลง วัน ที่ 30 มิถุนายน 2565

แล้ว VAT 7% คืออะไร? ทำไมผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่มจากราคาสินค้า?
.
คำว่า VAT ย่อมาจาก Value Added Tax แปลว่า #ภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายถึง ภาษีประเภทหนึ่งที่เก็บจากการขายสินค้าหรือบริการที่เข้าเงื่อนไข โดยปัจจุบันประเทศไทยกำหนดให้เก็บในอัตรา 7% ของราคาขายสินค้าหรือบริการ
.
หมายเหตุ : ในบางกรณีจะพบว่า ยอดรวมค่าอาหาร/สินค้า จะเป็นตัวเลขที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มให้แล้ว อันนี้จะเรียกว่า “ใบกำกับภาษีอย่างย่อ”
.
ยกตัวอย่างเช่น ซื้อสินค้าในราคา 500 บาท หากดูรายละเอียดใน “ใบกำกับภาษี” เราจะเห็นตัวเลขค่าสินค้าราคา 500 บาท และ ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อีก 35 บาท รวมทั้งสิ้นที่ต้องจ่ายเป็น 535 บาทนั่นเอง
.
เนื่องจาก “ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)” เป็นภาษีทางอ้อม ที่ทางผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถเลือกที่จะผลักภาระให้กับผู้บริโภคอย่างเราได้ จึงทำให้ผู้บริโภคมีหน้าที่ที่ต้องจ่ายค่าสินค้าหรือบริการ รวมถึงจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
.
โดยผู้ขายหรือผู้ประกอบการมีหน้าที่เก็บในส่วนของภาษีดังกล่าว แล้วนำไปส่งให้กับกรมสรรพากร เพื่อเก็บเข้าสู่คลังของประเทศ (ภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้เข้าร้านแต่อย่างใด)
.
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ทางร้านค้าหรือผู้ประกอบการ (ที่จดทะเบียน VAT) เรียกเก็บภาษีได้ไม่ครบถ้วน หรือ มีข้อผิดพลาดในการจัดเก็บภาษีใดๆ ก็ตาม ร้านค้านั้นๆ ก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าว เพราะถือว่ามีหน้าที่เรียกเก็บแล้วแต่ไม่สามารถเก็บได้ครบถ้วน
.
สำหรับ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ประชาชนต้องจ่ายไปในทุกๆ การซื้อสินค้าและบริการนั้น จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนำไปเป็นงบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดิน, นำไปบริหารจัดการในรูปแบบสวัสดิการต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพลเมืองในประเทศ
.
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ปัจจุบันประเทศไทยเก็บภาษี VAT ในอัตรา 7% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียและยุโรปแล้ว พบว่ามีอัตราการเก็บ VAT ที่สูงกว่าไทย (อัปเดต ณ ปี 2565) ได้แก่
.
นอร์เวย์ VAT 25%
เดนมาร์ก VAT 25%
ฟินแลนด์ VAT 23%
สหราชอาณาจักร VAT 20%
ออสเตรีย VAT 20%
อิตาลี VAT 20%
เยอรมัน VAT 19%
ฝรั่งเศส VAT 19%
จีน VAT 6%-13%
นิวซีแลนด์ VAT 15%
เกาหลีใต้ VAT 10%
ออสเตรเลีย VAT 10%
ญี่ปุ่น VAT 10%
แคนาดา VAT(GST) 5%
.
.
อ่านต่อ : https://www.bangkokbiznews.com/business/997610?anm=
.
อ้างอิง :
Global VAT Compliance https://bit.ly/3PtHluQ
กรมประชาสัมพันธ์ https://bit.ly/3WmPxPB
Taxbugnom https://bit.ly/3VZcdpx
iTax https://bit.ly/3HFfaaq
.
กราฟิก : ณัชชา พ่วงพี
.
#ใบกำกับภาษี #VAT #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
-------------------------------
ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Line: https://line.me/R/ti/p/@rvb8351i
Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
Website: http://www.bangkokbiznews.com
Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
Soundcloud: https://soundcloud.com/bangkokbiznews
Spotify: https://qrgo.page.link/CHpWR

 

THE ATTENTION: เจ้าหญิงไอโกะแห่งญี่ปุ่น ถูกตั้งฉายาว่าเจ้าหญิงผู้โดดเดี่ยว (ที่สุดในโลก) เพราะอะไร?
.
[อยากรู้แต่ไม่มีเวลา อ่านแค่ตรงนี้พอ]
.
เจ้าหญิงไอโกะแห่งญี่ปุ่น พระธิดาพระองค์เดียวของจักรพรรดินารุฮิโตะและจักรพรรดินีมาซาโกะ ทรงเจริญพระชันษาครบ 21 ปี ไปเมื่อ 1 ธันวาคม 2022 และมีสื่อต่างประเทศรายงานว่านี่คือ ‘เจ้าหญิงผู้โดดเดี่ยวที่สุดในโลก’ โดยให้เหตุผลว่าธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านานในราชวงศ์เป็นอุปสรรคให้พระองค์ ‘ไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปได้’ และก็ไม่สามารถเป็นรัชทายาทได้เพราะเป็นผู้หญิง หรือถ้าหากแต่งงานก็ต้องสละฐานันดรศักดิ์ ซึ่งเปรียบเหมือนกับการทิ้งชีวิตแบบเดิมไปทั้งหมด
---------------------------------
.
ชื่อ ‘ไอโกะ’ (愛子) ในภาษาญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วสามารถแปลความหมายได้ว่า ‘บุคคลผู้เป็นที่รัก’ ซึ่งในข่าวคราวเกี่ยวกับพระประวัติของเจ้าหญิงไอโกะก็ระบุว่า พระนามของพระองค์ทรงมีความหมายเดียวกันนี้จริงๆ และทรงเป็นพระธิดาพระองค์เดียวในสมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ณ ปัจจุบัน
.
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของฉายา ‘เจ้าหญิงผู้โดดเดี่ยวที่สุดในโลก’ (The Loneliest Princess in the World) ที่สื่อต่างประเทศหลายสำนักเลือกใช้เมื่อกล่าวถึงเจ้าหญิงไอโกะ
.
โดยธรรมเนียมปฏิบัติของสื่อญี่ปุ่น (และคนทั่วๆ ไป) จะไม่ ‘ก้าวล่วง’ เรียกเชื้อพระวงศ์ด้วยฉายาแบบนี้ในพื้นที่สาธารณะแน่นอน เพราะเป็นที่รู้กันว่าสังคมญี่ปุ่นนั้นมีประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมอย่างมาก เพียงแต่เวลาที่สื่อต่างประเทศรายงานข่าวโดยตั้งฉายาเชื้อพระวงศ์ก็ไม่ได้มีใครไปแทรกแซงหรือฟ้องร้องว่าหมิ่นประมาทอะไร
.
ฉายานี้ถูกพูดถึงอย่างชัดเจนขึ้นหลังจากเจ้าหญิงไอโกะทรงบรรลุนิติภาวะเมื่อเดือนธันวาคม 2021 และพระองค์ทรงเผชิญกับ ‘ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่’ เพราะพระบิดาขึ้นครองราชย์และมีการเปลี่ยนลำดับการสืบสันตติวงศ์ แต่พระองค์ก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรัชทายาทได้ เนื่องจากราชวงศ์ญี่ปุ่นมีกฎเก่าแก่ห้าม ‘ผู้หญิง’ เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ซึ่งต่างจากบางราชวงศ์ในตะวันตกที่ยังสืบทอดมาถึงปัจจุบันและเปิดกว้างให้เจ้าหญิงเป็นรัชทายาทได้
.
ทางเลือกในชีวิตของเจ้าหญิงไอโกะต่อจากนี้จึงถูกสื่อต่างชาติประเมินว่าเป็นเรื่องที่ชวนให้ ‘หัวใจสลาย’ เพราะมีอยู่แค่ไม่กี่หนทาง คือ 1. แต่งงานกับสามัญชนและสละฐานันดรศักดิ์ เหมือนกับเจ้าหญิงมาโกะ พระญาติซึ่งเป็นพระธิดาของเจ้าชายฟุมิฮิโตะ พระอนุชา (น้องชาย) ของสมเด็จพระจักรพรรดิ ผู้ย้ายไปอยู่กับสามีซึ่งสอบเป็นนักกฎหมายในสหรัฐอเมริกา
.
2. ทรงครองตัวอยู่เพียงลำพัง ไม่เสกสมรสไปตลอดชีวิต เพื่อจะรับตำแหน่งมิโกะ (ผู้รับใช้เทพเจ้า) แห่งศาสนาชินโต ซึ่งพระองค์น่าจะดำรงฐานันดรศักดิ์และวิถีชีวิตดั้งเดิมในฐานะเชื้อพระวงศ์ต่อไปได้
.
นอกจากนี้ สื่อตะวันตกยังรายงานด้วยว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเจ้าหญิงไอโกะนั้นค่อนข้างจะแยกตัวจากสังคม เพราะเมื่อครั้งที่ยังทรงศึกษาในชั้นมัธยมก็มีข่าวว่าพระองค์ถูกเพื่อนร่วมโรงเรียนกลั่นแกล้งจนถึงกับหยุดเรียนไปหลายวัน ซึ่งสื่อญี่ปุ่นก็รายงานตรงกันว่าเจ้าหญิงไอโกะหยุดเรียนจริงๆ และหลังจากนั้นก็มีการประกาศว่าพระองค์จะทรงศึกษาแบบโฮมสคูลจนจบชั้นมัธยมปลาย
.
ยิ่งเมื่อพระองค์เข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการขณะทรงเจริญพระชันษาครบ 20 ปี พระญาติที่ใกล้ชิดอย่างเจ้าหญิงมาโกะก็ตัดสินใจสละฐานันดรศักดิ์ไปแต่งงานและย้ายไปต่างประเทศ เจ้าหญิงไอโกะให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2022 ว่าพระองค์ทรงอวยพรให้ ‘พี่สาว’ มีชีวิตที่มีความสุข
.
ด้วยทางเลือกที่ดูเหมือนจะมีไม่มากหากเปรียบเทียบกับ ‘กรณีศึกษา’ ในอดีต ทำให้สื่อหลายสำนักในฝั่งตะวันตกมองว่าราชวงศ์ญี่ปุ่นน่าจะมีการปรับเปลี่ยนขนบธรรมเนียมบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะการเปลี่ยนกฎให้เจ้าหญิงรับตำแหน่งผู้สืบทอดราชวงศ์ได้ หรือไม่ก็ปรับกฎเกณฑ์บางอย่างให้เจ้าหญิงได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่อย่างหลากหลายให้สมกับความสามารถของตนเองมากกว่าที่เป็นอยู่
.
ถึงจะฟังดูเป็นเรื่องยากที่จะต้องปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์และประเพณีที่สืบทอดกันมานับร้อยปี แต่ราชวงศ์ญี่ปุ่นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่มากขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสั่งยกเลิกธรรมเนียมฟุ่มเฟือยที่ไม่ตอบโจทย์สังคมยุคใหม่ หรือการที่เชื้อพระวงศ์เลือกจะสมรสกับสามัญชน และการที่เชื้อพระวงศ์ไม่ได้ทรงทำตัวเป็น ‘เจ้าเหนือหัว’ จนมีภาพลักษณ์ ‘ใกล้ชิดประชาชน’ มากขึ้น
.
แต่ที่ลือลั่นที่สุดก็คือ การที่สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ก่อนหน้านี้ประกาศสละราชบัลลังก์โดยไม่รอให้สวรรคตตามธรรมเนียมดั้งเดิม ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในรอบกว่าร้อยปี เพราะนี่คือหนึ่งในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า ‘ไม่ยึดติด’ ต่อตำแหน่งแห่งที่ใดๆ เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นหลังเตรียมตัวรับหน้าที่ต่อได้อย่างโปร่งใสและไม่ก่อให้เกิดความสับสนในสังคม
.
อ้างอิง: Japan News. Princess Aiko, daughter of Emperor and Empress, turns 21. https://bit.ly/3HDKaYy
Mirror. World's loneliest princess - bullied and banned from marrying or ever ruling her country. https://bit.ly/3WkMNSZ
People. Japan's Princess Aiko Praises Her Cousin Princess Mako Who Left Royal Life to Marry Commoner. https://bit.ly/3hsJOsR
Yahoo! Life. Meet World's "Loneliest Princess" Who is Facing a Heartbreaking Marriage Decision. https://yhoo.it/3V4wqca
BrandThink. ราชวงศ์ญี่ปุ่นเสี่ยงขาดแคลนรัชทายาท เพราะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงกฎเก่าแก่. https://bit.ly/3FwYKOM
.
#BrandThink
#CreateaBetterTomorrow

 

NEWS: ทำไมอุดหนุนอยู่เรื่องเดียว? ชาวเน็ตสงสัยมหาดไทย ‘ขอความร่วมมือ’ ให้ท้องถิ่นพาเด็กไปดูหนัง HANUMAN White Monkey พร้อมสั่งรายงานผล
.
ที่จริงแล้ว HANUMAN White Monkey ไม่ใช่ภาพยนตร์ธรรมดา เพราะเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลไทยระบุว่านี่คือ ‘โขนภาพยนตร์’ ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยเชิญชวนให้ ‘คนไทยทุกวัย’ ไปดูกัน หลังจากเปิดรอบฉายครั้งแรกเมื่อ 5 ธันวาคม 2565
.
จนกระทั่งวันที่ 14-15 ธันวาคม สื่อไทยหลายสำนักรายงานว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากภาครัฐ โดยเฉพาะ ‘กระทรวงมหาดไทย’ ที่มีการออกหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท 0816.3/ว 9178 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2565 ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ทราบเรื่องการเชิญชวนคนไปรับชมภาพยนตร์ HANUMAN White Monkey
.
เนื้อหาตอนหนึ่งของหนังสือกระทรวงมหาดไทยระบุว่า ‘ขอความร่วมมือ’ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้นำนักเรียนและนักศึกษาในสังกัดไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยสามารถใช้งบประมาณค่าจัดการเรียนการสอน หรือค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเพื่อพาเด็กๆ ไปเข้าชมได้
.
นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขด้วยว่าจะต้องเข้าชมแบบเป็นกลุ่ม อย่างน้อย 100 คนขึ้นไป ณ โรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ และเอสเอฟซีเนม่า ทุกแห่งทั่วประเทศ พร้อมทั้งให้ชื่อและเบอร์โทรติดต่อพนักงานทั้งสองค่ายที่ดูแลเรื่องการจองบัตรชมภาพยนตร์แบบกลุ่ม และระบุด้วยว่าถ้าดูแล้วต้องรายงานผลผ่านระบบ Google Form รวม 3 ครั้ง คือ 14, 26 ธันวาคม 2565 และ 16 มกราคม 2566 พร้อมบาร์โค้ดที่เชื่อมต่อไปยังระบบรายงานผลออนไลน์
.
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยหลายจังหวัด เช่น เพชรบุรี (https://bit.ly/3W41iuS) ศรีสะเกษ (https://bit.ly/3YtSdNA) นครปฐม (https://bit.ly/3PwdmSQ) ชลบุรี (https://bit.ly/3Hz1kq5) ก็พบว่ามีการเผยแพร่หนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุด ที่ มท 0816.3/ว 9178 เรื่อง ‘เชิญชวนชมภาพยนตร์’ เช่นเดียวกัน
.
ด้วยเหตุนี้จึงมีการถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะ ‘ทวิตเตอร์’ ที่สื่อไทยกระแสหลักกับผู้สื่อข่าวบางรายนำข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ และมีผู้ใช้ทวิตเตอร์มาแสดงความเห็น (รวมถึงตั้งคำถาม) กันอย่างหลากหลายนับร้อยข้อความ โดยทวีตที่แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ ก็เช่น
.
“หน้าที่อะไร มหาดไทยต้องเอางบประมาณภาษีไปประเคนให้โรงภาพยนตร์?”
.
“ทำไม มท. ใช้อำนาจแทรกแซงอุดหนุนหนังเรื่องเดียว”
.
“ใช้งบไม่ถูกวัตถุประสงค์ ไม่ตรงกับงบประมาณที่จัดสรร ผิด พ.ร.บ.งบประมาณนะครับ เรียนมาเพื่อทราบ”
.
“ถ้าอยากให้เด็กมันดูนัก มท. -ึงก็ซื้อลิขสิทธิ์หนังสิแล้วเผยแพร่ทางยูทูบ จะขนเงินไปประเคนให้โรงหนังมันทำไม เผลอๆ ถูกกว่าด้วย ไม่ต้องให้เด็กไปเสี่ยงสถานที่แออัด ทั้งเรื่องเดินทางอีก…”
.
“ควรฉายตามปกติให้เสร็จสิ้นก่อนนะ (หรือเสร็จแล้ว???) เพื่อประเมินเรตติ้ง แล้วหลังจากนั้นจะเกณฑ์ใครไปดูก็ว่ากันไป ไม่งั้นจะไม่มีวันรู้เลยว่า สิ่งที่ทำอยู่มันดี มันมีคนสนใจจริงหรือไม่”
.
“หนังของใคร ทำไมมหาดไทยถึงสั่งให้เอาเงินงบประมาณมาซื้อตั๋วได้ คนไทยได้ประโยชน์ตรงไหน”
.
อย่างไรก็ดี มีความเห็นจากผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน โดยระบุว่า “ใครไม่ดูเราจะดู รสนิยมไม่ควรบังคับกัน ถ้าลงโรงแล้วคนไม่ค่อยดูประสานงานลงสื่อสตรีมมิ่ง เพราะมีหลายที่อยากดูแต่ไม่สะดวกเดินทาง”
.
ขณะที่กรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า HANUMAN White Monkey อำนวยการสร้างโดย นฤมล ล้อมทอง ผู้กำกับภาพยนตร์ คือ สาโรจน์ สุวัณณาคาร, ผู้กำกับภาพยนตร์ด้านนาฏศิลป์ คือ ดร.ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ และอำนวยการผลิตโดยบริษัท สหศีนิมา จำกัด ร่วมกับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ความยาวภาพยนตร์ 85 นาที และประเภทภาพยนตร์ คือ ภาพยนตร์ศิลปะและวัฒนธรรม
.
อ้างอิง: Twitter. KhaosodOnline. https://bit.ly/3BCF2Qh
Twitter. Offchainon. https://bit.ly/3YsTN2b
PRD. โขนภาพยนตร์ HANUMAN White Monkey. https://bit.ly/3Pt642e
ThaiGov. ด้วยพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการส่งเสริมศิลปการแสดงของชาติ สู่การต่อยอดการแสดง “โขน” ในรูปแบบ “โขนภาพยนตร์” ปลัดมหาดไทย เชิญชวนคนไทยทุกวัยร่วมรับชม. https://bit.ly/3uQE3Iq
.
#BrandThink
#CreateaBetterTomorrow

 

นอกจากซีรีส์ยอดฮิตอย่าง ‘Wednesday’ ที่ครองใจแฟนคลับทั่วโลกแล้ว ช่วงนี้ Netflix ยังมีไม้เด็ดส่งท้ายปี กับสารคดีที่หลายคนตั้งตาคอย ‘HARRY & MEGHAN’ ที่เปิดใจดยุกแห่งซัซเซกส์และพระชายา ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ รวมถึงเรื่องราวร้าวฉานต่างๆ ในรั้วพระราชวังบักกิงแฮม ทุบสถิติสารคดีเปิดตัวสูงสุดของ Netflix โดยมีชั่วโมงการรับชม 81.55 ล้านชั่วโมง ภายใน 4 วันแรกของการออกฉาย

Netflix โปรโมตสารคดี HARRY & MEGHAN ว่าเป็นสารคดีที่ ‘เจาะลึก และไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน’ ติดโผ Top 10 ของ Netflix ใน 85 ประเทศ และครองอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ครองอันดับ 2 ซีรีส์ภาษาอังกฤษที่มีผู้ชมมากที่สุดในแพลตฟอร์มของ Netflix เป็นรองเพียงแค่น้อง Wednesday เท่านั้น แซงซีรีส์อีกเรื่องที่พูดถึงราชวงศ์วินด์เซอร์อย่าง ‘The Crown’ ซีซั่น 5 ที่ติดชาร์ตอยู่ในอันดับที่ 7

สารคดีเรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ‘Liz Garbus’ แบ่งออกเป็น 2 ครึ่ง ครึ่งแรกพูดถึงชีวิตรักของทั้งคู่ตั้งแต่ช่วงเริ่มรู้จักกัน สามารถรับชมได้แล้วทาง Netflix ส่วนครึ่งหลังโฟกัสไปที่การตัดสินใจถอนตัวจากราชวงศ์ในปี 2020 จะเริ่มปล่อยให้ได้รับชมกันวันนี้่
.

จากราชนิกูลวินด์เซอร์ สู่ เซเลบเชื้อเจ้าอังกฤษ

อย่างไรก็ดี ความนิยมของสารคดี HARRY & MEGHAN เรื่องนี้ จะส่งผลดีต่อชีวิตของทั้งคู่ที่ต้องการจะสร้างตัวตนใหม่ โดยไม่ต้องอาศัยร่มเงาของพระราชวังบักกิงแฮม The Guardian เผยว่า ดยุกและดัชเชสแห่งซัซเซกส์ ได้รับค่าตัวราว 100 - 150 ล้านดอลลาร์ (3.48 - 5.22 พันล้านบาท) ในการร่วมแสดงในซีรีส์ สารคดี และรายการเด็ก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการยอมเปิดเผยภาพและวิดีโอคลิปส่วนตัวของทั้งคู่ในสารคดีเรื่องนี้ เพราะหลายฝ่ายมองว่า การที่ทั้งคู่หันหลังให้พระราชวังบักกิงแฮม เพื่อต้องการความเป็นส่วนตัวเยี่ยงสามัญชน

ซึ่งโฆษกของทั้งคู่ก็ได้ออกมาคว่ำแนวคิดดังกล่าว ระบุว่า ดยุกและดัชเชสไม่เคยกล่าวว่าการถอนตัวออกจากราชวงศ์เป็นไปเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ความคิดอันบิดเบี้ยวนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อต้องการให้ทั้งคู่ตกหลุมพรางและอยู่อย่างเงียบๆ ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดด้วยความตั้งใจของทั้งคู่เอง แต่พวกข่าวเม้าท์ก็ยังสร้างความเข้าใจผิดๆ และถ่ายทอดไปยังสื่อและความเห็นของประชาชน
.

BBC ไทย พูดถึงแหล่งรายได้ของทั้งคู่ว่า Harry และ Meghan เป็นเจ้าของบริษัทผลิตสื่อชื่อซึ่งทำสัญญามูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อผลิตรายการต่าง ๆ ออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์, ผลิตรายการพอดแคสต์รวมถึงซีรีส์ชื่อ ‘Archetypes’ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสตรีผู้มีชื่อเสียง

ในด้านผลงานตีพิมพ์ Meghan มีผลงานหนังสือเด็กที่ชื่อ The Bench ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2021 ในขณะที่เจ้าชาย Harry เตรียมออกหนังสือชื่อ ‘Spare (ตัวสำรอง)’ บอกเล่าพระประวัติเจ้าชาย Harry จะตีพิมพ์วันที่ 10 ม.ค. 2023 ภายใต้ข้อตกลงที่ว่า ในการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ สำนักพิมพ์ Penguin Random House จะบริจาคเงิน 1.3 ล้านปอนด์ และ 300,000 ปอนด์ให้แก่องค์กรการกุศลสองแห่งคือ Sentebale และ WellChild ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในเดือน มี.ค. 2021 เจ้าชาย Harry ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในทีมงานบริษัทแนะแนวการใช้ชีวิต BetterUp ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ที่มา : Netflix, CNBC, The Guardian, BBC Thai

#Spotlight #HarryandMeghan #PrinceHarry #เจ้าชายแฮร์รี่ #ราชวงศ์อังกฤษ #ราชวงศ์วินด์เซอร์ #Business
----------------------------------------------------------------
ติดตามข้อมูล ด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจการเงิน ของ #Spotlight เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ https://www.amarintv.com/spotlight
ยูทูป : https://bit.ly/31rtDUM
อินสตาแกรม : https://www.instagram.com/spotlight_biz
TikTok : https://www.tiktok.com/@spotlightbiz
Blockdit : https://www.blockdit.com/spotlightbiz

 

UPDATE: ‘กัลฟ์ ไบแนนซ์’ เดินหน้ายื่นขอไลเซนส์ ก.ล.ต. ตั้งกระดานเทรดคริปโตแล้ว คาดได้ไฟเขียวภายใน 1Q66 ฟาก GULF เปิดแผนจับมือพาร์ตเนอร์ ‘เอไอเอส’ พร้อมลุยหาลูกค้า
.
บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ระบุว่า ได้ยื่นเรื่องขอใบอนุญาตประกอบศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) จากสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตภายในช่วงไตรมาส 1/66 พร้อมทั้งจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ทันที
.
ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ล่าสุดในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนปีนี้ บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งถือหุ้นสัดส่วน 51% ร่วมกับ Binance Capital Management ที่ถือหุ้นอีกสัดส่วน 49% ได้ยื่นเรื่องขอใบอนุญาตในการประกอบศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อย
.
ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอพิจารณาอนุมัติจาก ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่าบริษัท Gulf Binance จะได้รับใบอนุญาตภายในไตรมาส 1/66 พร้อมทั้งจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ทันที
.
โดยในปีหน้าประเมินว่าสถานการณ์ภาพรวมการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมีโอกาสจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากทิศทางดอกเบี้ยโลกในปี 2566 ที่เริ่มเห็นแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ช้าลง ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้มากขึ้น และยังเป็นธุรกิจที่ยังมีศักยภาพเติบโตได้ในระยะยาว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับ Web 3.0, เทคโนโลยี Blockchain, DeFi ที่กำลังเป็นเทรนด์ของโลกในอนาคต
.
“แผนการขอไลเซนส์ทำ Digital Exchange ถือว่าดีเลย์ไปเล็กน้อยจากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มธุรกิจได้ในสิ้นปีนี้ แต่ก็เป็นจังหวะที่ดีที่ยังไม่ได้เข้ามาเริ่มธุรกิจในช่วงนี้ที่เทรดดิ้งวอลุ่มหายไป ซึ่งการไปเริ่มปีหน้าแทนนั้น คาดว่าสถานการณ์ตลาดภาพรวมตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจะดีขึ้นจากปีนี้ อย่างไรก็ตาม เราไม่มีตั้งเป้าหมายว่าต้องมีลูกค้าจำนวนเท่าไร แต่จะค่อยๆ ทยอยทำตลาดในการหาลูกค้าเพราะธุรกิจนี้ถือว่ามีความผันผวนด้วย โดยในธุรกิจนี้ถือว่าใช้เงินลงทุนไม่มาก ส่วนเฉพาะของ GULF ลงทุนไป 100-200 ล้านบาท”
.
อย่างไรก็ดี บริษัทไม่ได้มีความกังวลในปัญหาที่ Binance กำลังประสบอยู่ในหลายๆ เรื่อง รวมถึงไม่กังวลประเด็นความไม่เชื่อมั่นใน Binance ของนักลงทุนที่ถอนเงินออกเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา โดยสถานะทางการเงินของ Binance ปัจจุบันยังมีความแข็งแรง ไม่ได้ถูกกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีความมั่นใจในระบบการซื้อขาย Operating System ของ Binance ที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัยที่สูง
.
สำหรับแผนในการทำตลาดในธุรกิจ Digital Asset Exchange ที่จะเริ่มในปีหน้า เบื้องต้นมีแผนจะร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจ คือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ ‘เอไอเอส’ ในการหาลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือจำนวน 46 ล้านราย เช่น การเปิดบัญชีระบบการยืนยันตัวตนของลูกค้า (KYC) หรือในรูปแบบการทำ Loyalty Program ต่างๆ
.
ก่อนหน้านี้ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2565 บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด หรือ Gulf Innova ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เข้าลงนามในสัญญาผู้ถือหุ้นกับ Binance Capital Management Co., Ltd. (Binance Capital Management) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการดำเนินธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย จากนั้นในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งว่า ได้มีการจัดตั้งบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ Gulf Innova และ Binance Capital Management ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ โดยมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท
.
#TheStandardWealth


______________________________________