“สถาบันพระมหากษัตริย์” หนึ่งในสามเสาหลักสำคัญของประเทศไทยที่ยืนหยัดมานับพันปีจนถึงปัจจุบัน โดยมีบทบาทมีคุณูปการนำพาคนไทยสร้างชาติ รักษาเอกราช วัฒนธรรม ความเป็นไทยให้คงอยู่รอด ท่ามกลางการรุกคืบขยายอิทธิพลทางความคิดของชาติตะวันตก ทั้งด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ได้นำพาประเทศให้พัฒนาเติบโตก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตกแทรกซึมไปทั่วซึ่งไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และรักษาเอกลักษณ์ความเป็นชาติไว้ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ “พระมหากษัตริย์กับความเป็นไทย” ผลงานเขียนที่ออกมาไม่นานมานี้ของ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของโลกและของไทยจนตกผลึกทางความคิดในเรื่องพระมหากษัตริย์กับความเป็นไทย จึงต้องการถ่ายทอดให้คนไทยตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสถาบันนี้ แม้บริบทโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป แต่สถาบันกษัตริย์ยังคงเป็นจิตวิญญาณนำพาคนไทย ประเทศชาติก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง มีประสิทธิภาพ เช่นที่เป็นมาในอดีต ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก ตั้งใจชี้ให้เห็นด้วยว่า สถาบันกษัตริย์ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของความเปลี่ยนแปลง แต่เป็นหัวขบวนที่นำพาการเปลี่ยนแปลงประเทศ และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะพัฒนาได้ดี ต้องนำพลังของสถาบันที่เรามีมาดั้งเดิมใช้เป็นแรงหนุนในการพัฒนาประเทศต่อไป อีกทั้งต้องการย้ำเตือนคนยุคใหม่อย่าดูแคลนสิ่งที่มีมาแต่อดีต ของเก่าหรือสถาบันดั้งเดิมไม่ใช่ของล้าสมัย และของใหม่หรือสถาบันใหม่ ไม่ใช่เป็นสิ่งนำสมัยและใช้ได้ดีเสมอไป สำหรับเนื้อหาในหนังสือเล่มดังกล่าว นำเสนอเป็นสองส่วน เริ่มจากการอธิบายความชอบธรรมของพระมหากษัตริย์ไทย พระมหากษัตริย์ไทยกับความเป็นไทย 7 ประการ ส่วนที่ 2 จะพูดถึงความพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยยุคราชวงศ์จักรี ที่ได้มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยมาตลอด พาให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า รับสิ่งใหม่ โดยที่ยังรักษาของดีของเดิมไว้ได้ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พิเศษที่ถึงแม้จะพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังสามารถรักษาจิตวิญญาณแห่งอดีตไว้ได้อย่างสมดุล ดังจะเห็นได้ในตลอดระยะเวลา 70 ปีแห่งครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงเป็น “กษัตริย์นักพัฒนา” ที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก “พระมหากษัตริย์กับความเป็นไทย” จัดพิมพ์โดยมูลนิธิสถาบันสร้างสรรค์ปัญญาสาธารณะ หนังสือดีมีคุณค่าอีกเล่มที่คนไทยควรได้อ่าน
แกนหลักแห่งความมั่นคงของชาติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์ความหมายของธงไตรรงค์ไว้ดังนี้ ความหมายของสถาบันพระมหากษัตริย์
ไม่ว่าจะเลือกใช้คำใด คำว่า “ราชา” “กษัตริย์” “จักรพรรดิ” โดยความหมายแล้วน่าจะใช้เหมือนๆกัน อย่างไรก็ดีในสังคมไทยเรียกพระมหากษัตริย์ว่า “ในหลวง” “พ่อหลวง” “พ่อของแผ่นดิน” ความหมายก็คือเป็นผู้ปกครองที่เปรียบเหมือนพ่ออยู่เหนือเกล้าเหนือชีวิตซึ่งชนชาวไทยมีความจงรักภักดีชั่วกาลนาน จากอดีตจนถึงปัจจุบัน คนไทยเราอยู่และคุ้นเคยกับสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอย่างมาก พระมหากษัตริย์ ไทยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อให้พสกนิกรอยู่เย็นเป็นสุข สถาบันพระมหากษัตริย์จึงหมายถึงสถาบันสูงสุด โดยทรงเป็นพระประมุขของชาติ ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความจงรักภักดี ทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมอันประเสริฐ และทรงเป็นที่เคารพรักเทิดทูนอย่างสูงยิ่งของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ แนวคิดสถาบันพระมหากษัตริย์
สำหรับประเทศไทยแนวคิดในเรื่องพระมหากษัตริย์เริ่มปรากฏชัดเจนในยุคกรุงสุโขทัยโดยใช้คำว่า “พ่อขุน” ราษฎรมีความใกล้ชิดกับองค์พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ในสมัยนั้นเรียกว่าพ่อขุนก็พร้อมที่จะช่วยประชาชน โดยประชาชนที่ร้อนอกร้อนใจก็สั่นกระดิ่งเพื่อร้องขอให้พิจารณาอรรถคดีต่างๆ ได้ ทุกวันพระก็ชักชวนข้าราชบริพารและหมู่เหล่าปวงชนพร้อมใจกันฟังเทศน์รับพร ประชาชนใกล้ชิดผู้ปกครองใช้หลักครอบครัวมาบริหารรัฐและใช้หลักศาสนาเข้าผูกใจคนให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข ดังนั้นพ่อขุนหรือพระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัยนั้นจึงเรียกว่า “อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ” หมาย ถึงพระมหากษัตริย์ที่ประชาชนและเหล่าอำมาตย์เลือกพระองค์ขึ้นปกครองประเทศ อย่างไรก็ดีในช่วงการเปลี่ยนแผ่นดินและศูนย์กลางความเจริญย้ายลงมาทางใต้ อาณาจักรกรุงศรีอยุธยาเริ่มเจริญขึ้นการแพร่ของแนวคิดต่างๆ ที่อยู่รอบๆ อาณาจักรใหม่ทั้งจากชาติตะวันตกที่เข้ามาค้าขายและชนชาติเขมรหรือขอมก็เข้าสู่แนวคิดเรื่องพระมหากษัตริย์ในช่วงนี้ แนวคิดเรื่องพระมหากษัตริย์จึงมีการผสมผสาน ดังนั้น พระมหากษัตริย์จึงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างพ่อขุนแต่เป็นบุคคลที่เป็นคนสร้างชาติ รวมแผ่นดิน แนวคิดทั้งฝรั่ง และเขมรจึงทำให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจใจการปกครองสูงสุดดุจได้รับเทวสิทธิ์ และขณะเดียวกันพระมหากษัตริย์ทรงใช้หลักการปกครองโดยมีหลักศาสนากำกับ เพราะพระมหากษัตริย์มีนิติราชประเพณี ทศพิธราชธรรม และทรงมีพระมโนธรรมกำกับ นอกจากนี้พระมหากษัตริย์ไทยยังทรงอยู่คู่กับราษฎรไทยเสมอมา ปัจจุบันรัฐธรรมนูญเกือบจะทุกฉบับรับรองฐานะของพระมหากษัตริย์ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทยองค์พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องในทางใด ๆ มิได้” ฐานะของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยก็คือ ทรงเป็นประมุขของประเทศและยังทรงใช้อำนาจอำนาจอธิปไตยทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์
ที่มาของภาพ : http://www.chaoprayanews.com/2013/04/12/ความสำคัญของสถาบันพระม/ |