คุณสมบัติทางเทคนิค spec ของเครื่องมัลติมีเดียพีซี

ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�.����
�ͧ��з�ǧ�ԨԷ���������ɰ�Ԩ����ѧ��
http://www.mdes.go.th/view/1/�Ҥҡ�ҧ/ (Web ��з�ǧ�ԨԷ��) ���� (PDF File)
��С�� � �ѹ��� �� ����Ҥ� ����

���ҧ���º��ºࡳ���Ҥҡ�ҧ� ����ѳ�����������  ����-���� (PDF file)

�к������Թ�Ҥҧҹ�Ѳ�ҫͿ������
�� ��з�ǧ�ԨԷ���������ɰ�Ԩ����ѧ��
http://itestimate.onde.go.th/ictestimate01/ (Web ��з�ǧ�ԨԷ��)

ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ�ͧ�к����ͧ�÷�ȹ�ǧ�ûԴ (CCTV) ��Ш�һ� �.�. ����
�ͧ��з�ǧ�ԨԷ���������ɰ�Ԩ����ѧ��
http://www.mdes.go.th/view/1/CCTV/ (Web ��з�ǧ�ԨԷ��) ���� (PDF File)
��С�� � �ѹ��� �� ���Ҥ� ����

���ҧ���º��ºࡳ���Ҥҡ�ҧ� CCTV  ����-���� (PDF file)

 

���ҧ��ػ��С�Ȣͧ��з�ǧ�ԨԷ���������ɰ�Ԩ����ѧ��

��¡�� ��С�� � �ѹ��� ʶҹ�
����ѳ����������� ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ����� ��.�.�� �Ѩ�غѹ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ����� ����.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ����� ����.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ������� ��ԡ����� ���.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ����� ���.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ����� ��.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ������� ��ԡ����� ����.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ����� � ��.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ����� ��.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ����� ��.�.�� ¡��ԡ

ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��Шӻ� �.�. ���� ��ԡ�����

�� �.�.�� ¡��ԡ
CCTV ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ�ͧ�к����ͧ�÷�ȹ�ǧ�ûԴ (CCTV) ��Ш�һ� �.�. ���� ��ԡ����� ��.�.�� �Ѩ�غѹ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ�ͧ�к����ͧ�÷�ȹ�ǧ�ûԴ (CCTV) ��Ш�һ� �.�. ���� ��ԡ����� ���.�.�� ¡��ԡ
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ�ͧ�к����ͧ�÷�ȹ�ǧ�ûԴ (CCTV) ��Ш�һ� �.�. ���� ��ԡ����� ���.�.�� ¡��ԡ
�س�ѡɳо�鹰ҹ�ͧ���ͧ�÷�ȹ�ǧ�ûԴ ��ԡ����� ���.�.�� ¡��ԡ
GIS ��ЪҾԨ�ó�   ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��ЫͿ����������Ѻ�ҹ�к����ʹ��������ʵ�� (GIS) ��ԡ����� �� �.�.�� N/A
ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ����������� ��ЫͿ������ ����Ѻ�ҹ�к����ʹ��������ʵ�� (GIS) ��ԡ����� ��.�.�� ����ҡ�����䫵� www.mdes.go.th����

ࡳ���Ҥҡ�ҧ��Фس�ѡɳо�鹰ҹ����ѳ�����������
�ͧ��з�ǧ�ԨԷ���������ɰ�Ԩ����ѧ�� �� ����-����
��ԡ�����

1. CPU

 ตอบ

ซีพียู (CPU)

คุณสมบัติทางเทคนิค spec ของเครื่องมัลติมีเดียพีซี

ใครเคยเรียนคอมพิวเตอร์มาบ้างทราบกันดีว่าซีพียูคือหัวใจของคอมพิวเตอร์ที่มีความสำคัญที่สุด เนื่องจากการประมวลผลหลักจะเกิดขึ้นที่ส่วนนี้ ซีพียูมีหลากหลายความเร็วและหลากหลายราคา โดยซีพียูปัจจุบันมีสองเจ้าหลักที่ทำการแข่งขันมาโดยตลอดคือ Intel และ AMD

โดยปัจจุบัน AMD มีการแบ่งซีพียูของตัวเองออกดังนี้ (เอาเฉพาะรุ่นที่มีขายกันเยอะ ๆ ในไทย)

      Sempron – ตระกูลน้องเล็กที่สุด เน้นสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ราคาถูกและเมนบอร์ดขนาดเล็กอย่าง Socket AM1

      Athlon – ตระกูลระดับกลาง ใช้งานกับเมนบอร์ดขนาดเล็กอย่าง Socket AM1 เช่นเดียวกัน      FX – เป็นตระกูลหลักของซีพียูแบบคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของ AMD เน้นการทำงานหรือเล่นเกมที่ต้องใช้ประสิทธิภาพสูง

      A6, A8, A10 – เป็น APU (Accelerated Processing Unit) ซึ่งถือว่าเป็นซีพียูอีกแบบที่มีการรวมหน่วยประมวลผลกราฟิก (การ์ดจอ) ไว้ในตัวชิปด้วยและเป็นสถาปัตย์แบบใหม่จากทาง AMD และระยะหลังทาง AMD เหมือนจะหันมาทำ APU มากขึ้น ในเรื่องประสิทธิภาพแล้วถือว่ายังเป็นรองตระกูล FX แต่ข้อดีคือประสิทธิภาพด้านการเล่นเกมและกราฟิกที่คุ้มค่าต่อราคา (APU ตระกูล A10 ซึ่งเป็นรุ่นระดับบนสุดถือว่าเล่นเกมได้ไม่เลวเลยทีเดียว) เหมาะกับคนที่อยากเล่นเกมได้สักระดับนึง แต่ไม่อยากลงทุนซื้อการ์ดจอแยก เพราะการ์ดจอออนบอร์ดที่ติดมากับ APU นั้นถือว่ามีความเร็วในระดับที่ไม่ขี้เหร่เลยละ

ส่วนฝั่ง Intel นั้นจะมีตระกูลหลักก็คือ Core i3, i5, i7 ซึ่งเป็นการเรียงประสิทธิภาพจากรุ่นระดับล่าง กลาง และสูงเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังมีซีพียูในชื่อ Pentium อยู่บ้างซึ่งถือว่าเป็นรุ่นเล็กที่สุด (เอาไว้พิมพ์งานว่างั้น)

คำถามสุดท้ายคือยี่ห้ออะไร รุ่นไหนดี ? มองการใช้งานและงบประมาณเป็นสำคัญ หากคุณใช้งานปกติ พิมพ์งานเอกสาร กราฟิกนิดหน่อยและงบไม่เยอะมากนัก การใช้ซีพียูตระกูลรุ่นเล็กอย่าง Sempron, Athlon จาก AMD หรือ Pentium, i3 จาก Intel ก็ดูจะเพียงพอแล้วซึ่งราคาไม่แพง

แต่หากอยากได้เพื่อเล่นเกมหรือทำงานที่หนักหน่วงกว่านั้น เช่น ตัดต่อกราฟิกภาพใหญ่ ๆ ทำงานด้านวิดีโอ การพิจารณาเลือกใช้ซีพียูระดับบนในตระกูล FX จาก AMD หรือ i5, i7 จาก Intel จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะ โดยเฉพาะหากมีการทำงานที่มีความซับซ้อนเช่นทำวิดีโอ หรือปั้นโมเดลสามมิติ การเลือกซีพียูระดับบนสุดจะเห็นผลชัดเจนมาก แต่หากนำมาเพื่อเล่นเกม อาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อซีพียูในราคาที่สูงระดับนั้นก็ได้ (AMD ใช้ตระกูล FX-8xxx หรือ Intel Core i5 ก็เพียงพอแล้ว)

หากดูสเปคสิ่งที่ควรทราบไว้บ้างก็ได้แก่ ประเภท Socket เช่น AM3+, LGA 1150 ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าซีพียูจะเสียบลงกับเมนบอร์ดแบบไหน (หากซื้อเมนบอร์ดไม่ตรงก็เสียบไม่ได้นะจ๊ะ) ความเร็วปกติ หน่วยเป็น GHz และความเร็วแบบ Turbo ที่หน่วยจะเป็น GHz เช่นกันโดยจะสูงกว่าแบบปกติและจะปรับขึ้นเมื่อใช้งานหนัก และแคช ซึ่งเป็นหน่วยความจำชั่วคราวบนซีพียู ตัวนี้มีหน่วยเป็น MB ว่ากันง่าย ๆ คือยิ่งมาก ก็จะช่วยให้ซีพียูทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น (และราคาก็สูงตามไปด้วย)

ที่มา http://tanwaruk.blogspot.com/2015/08/spec-pc-notebook-spec-1.html

2. Hard disk

ตอบ

ฮาร์ดดิสก์ (HARD DISK)

คุณสมบัติทางเทคนิค spec ของเครื่องมัลติมีเดียพีซี

สื่อเก็บข้อมูลหลักในคอมพิวเตอร์ของเรา ปัจจุบันมีสองแบบคือ HDD (Hard Disk Drive) ซึ่งเป็นแบบจานหมุนใช้หัวอ่าน แบบที่เรารู้จักกันดี และล่าสุดที่กำลังนิยมใช้กันคือ SSD (Solid State Drive) ที่เก็บข้อมูลลงชิปหน่วยความจำ

คุณสมบัติทางเทคนิค spec ของเครื่องมัลติมีเดียพีซี

HDD ปัจจุบันครองตลาดอยู่สองยี่ห้อคือ Seagate และ Western Digital (WD) ซึ่งยี่ห้อ Seagate ไม่ได้มีการซอยรุ่นสำหรับผู้ใช้งานตามบ้านมากมายนัก (ส่วนใหญ่เป็น Baracuda ทั้งสิ้น) แต่อีกยี่ห้อคือ Western Digital มีการแบ่งรุ่นออกเป็นสี ๆ ได้แก่รุ่น Green, Blue, Black และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีเพิ่มมาอีกให้ได้งงกันเพิ่มคือ Red, Purple เรียกได้ว่ามีห้าสีกันเข้าไปแล้ว

สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปแบบเรา ๆ จะใช้งานกันส่วนใหญ่แค่สามสีแรกคือ Green, Blue, Black ซึ่งเรียงตามประสิทธิภาพโดย Green เป็นฮาร์ดดิสก์ที่เหมาะแก่การเก็บข้อมูลสำรองไว้ (เช่นการใช้งานแบบ External) และไม่ได้เรียกใช้งานบ่อย ๆ เนื่องจากประสิทธิภาพนั้นไม่ได้รวดเร็วทันใจมากนัก ส่วน Blue เป็นรุ่นระหว่าง Green, Black ที่เน้นประสิทธิภาพขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังประหยัดไฟอยู่ ส่วน Black เป็นรุ่นบนสุดที่เน้นความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล และแน่นอนว่ากินไฟมากที่สุดในสามสีนี้และเหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลที่คุณคาดหวังเรื่องความเร็ว เช่นเก็บเกม หรือไฟล์วิดีโอสำหรับใช้ในงานตัดต่อ

ส่วนอีกสองสีคือ Red, Purple เป็นรุ่นสำหรับใช้งานบนเครื่องเก็บข้อมูลเช่น NAS หรือเครื่องบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดหรือทีวี เป็นต้น

คุณสมบัติทางเทคนิค spec ของเครื่องมัลติมีเดียพีซี

ส่วนฮาร์ดดิสก์อีกแบบคือ SSD (Solid State Drive) เป็นการเก็บข้อมูลในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งจะเก็บลงชิปหน่วยความจำแทนที่จะลงบนจานแผ่นแม่เหล็กแบบปกติ ข้อดีที่สุดของ SSD คือความเร็วที่สูงมากรวมถึงมี Access Time ที่ต่ำ ทำงานกับไฟล์จำนวนมากทั้งการเขียนและอ่านได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาต่อ GB ที่แพงกว่าฮาร์ดดิสก์แบบเดิม ๆ มาก

SSD ปัจจุบันราคาไม่ได้แพงมากแล้ว สามารถหาซื้อความจุขนาด 120 GB มาใช้งานกันได้ในราคาเพียงแค่ไม่ถึงสี่พันบาท เหมาะมากที่จะใช้งานกับเพื่อลงเป็นไดรฟ์เพื่อใช้งานหลักอย่างไดรฟ์ C: (ซึ่งมีระบบปฏิบัติการอยู่) SSD จะทำให้เครื่องคุณบูทเข้าสู่หน้าจอวินโดวส์เพื่อใช้งานได้อย่างรวดเร็วแบบชนิดที่ฮาร์ดดิสก์ปกติไม่สามารถทำได้

นอกจากสเปคเรื่องความจุแล้ว ยังมีอัตราการเขียนและอ่านที่ควรเลือกให้มากเข้าไว้จะเป็นเรื่องดี และอีกค่าหนึ่งคือ IOPS (Input/Output Operations Per Second) ที่ยิ่งเยอะก็ยิ่งดีเช่นเดียวกัน ส่วนยี่ห้อในตลาดนั้นก็มีหลากหลายยี่ห้อและหลายระดับให้เลือกใช้ โดยรุ่นบน ๆ จะมีความเร็วที่สูงกว่าด้วยการใช้ประเภทชิปหรือการเพิ่มแคช (Cache) ให้มากกว่ารุ่นล่าง ๆ ยี่ห้อที่นิยมกันมากสำหรับผู้ใช้งานระดับบน ๆ คือ Samsung, Intel ส่วนที่เหลือจะเป็นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปเช่น Plextor, Crucial, Lite-On เป็นต้น (ยี่ห้อเหล่านี้ก็มีรุ่นบน ๆ เช่นเดียวกันแต่ไม่ได้นิยมเท่ากับสองยี่ห้อข้างต้น)

ที่มา http://tanwaruk.blogspot.com/2015/08/spec-pc-notebook-spec-1.html


3. RAM

ตอบ

แรม (RAM)

คุณสมบัติทางเทคนิค spec ของเครื่องมัลติมีเดียพีซี

แม้ว่าตอนนี้แรมแบบ DDR4 จะเริ่มเข้ามามีบทบาทบ้างแล้วในวงการคอมพิวเตอร์ระดับบน ๆ แต่ปัจจุบันราคายังถือว่าแพงมากและหาคนที่จะซื้อมาใช้งานนั้นน้อยอยู่ในตอนนี้ ฉะนั้นตอนนี้แรมแบบ DDR3 ยังเป็นพระเอกไปได้อีกอย่างน้อยก็สักสองหรือสามปีจนกว่า DDR4 ราคาจะถูกลงจนคนทั่วไปสามารถซื้อกันได้ สำหรับการเลือกแรมนั้นจะมีสองส่วนที่ควรพิจารณา ได้แก่บัสหรือความเร็วของแรม จะมีตั้งแต่ 1600, 1866 หรือ 2400 MHz สำหรับ DDR3 ซึ่งบัสที่สูงขึ้นก็แลกมาด้วยราคาที่สูงตามไปด้วย ซึ่งแรมที่มีค่า MHz สูง ๆ ก็เหมาะกับการใช้งานงานที่ต้องการถ่ายโอนข้อมูลจำนวนมากระหว่างแรมเช่นงานตัดต่อวิดีโอ งานด้านกราฟิก แต่หากจะว่าจริง ๆ ในการใช้งานปกตินั้นไม่เห็นผลมากนัก ฉะนั้นเลือกเอาตามที่ชอบและเมนบอร์ดของตัวเองรองรับก็แล้วกัน

อีกค่าหนึ่งที่น่าสนใจคือ CAS Latency (CL) ที่หากเราดูสเปคแรมดี ๆ จะเห็นตัวเลขเป็นชุด ๆ เช่น 9-9-9-24 ชุดเลขนี้สรุปแบบกำปั้นทุบดินได้ว่า ยิ่งต่ำยิ่งดี แรมที่มีค่า MHz สูง ๆ มีแนวโน้มที่ค่า CL จะสูงตามไปด้วย เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันยังยากที่จะทำค่าแรม CL ต่ำให้ได้ในความเร็วที่สูง ๆ ฉะนั้นปกติคือควรเลือกแบบต่ำ ๆ เช่น 9 ขึ้นต้นไว้ก็จะดีกว่า 10 หรือ 11

ยี่ห้อของแรมนั้นจะว่ากันจริง ๆ ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก โดยปัจจุบันยี่ห้อที่เราพบเห็นกันเยอะที่สุดคงหนีไม่พ้น Kingston ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นซีรี่ส์ HyperX ทั้งหมดแล้ว และมีหลายความเร็วหลายขนาดให้เลือก ยี่ห้ออื่น ๆ ก็ได้แก่ G.Skill, Team Group, ADATA, Corsair เป็นต้น ยี่ห้อเหล่านี้ถือว่าไว้ใจได้และมีความแตกต่างกันไม่มากนักหากนำมาใช้งานปกติ เว้นแต่บางซีรี่ส์ที่เน้นออกแบบมาเพื่อการโอเวอร์คล็อค (overclock)

หากเป็นไปได้ควรซื้อแรมแบบขายมาเป็นคู่ เช่น 4 GB สองแท่งในกล่องเดียว (4 GB x 2 = 8 GB) หรือ 8 GB สองแท่งในกล่องเดียว (8 GB x 2 = 16 GB) เพราะแรมนั้นหากต้องการใช้งานแบบ Dual Channel แล้วต้องใส่เป็นคู่พร้อมกัน และแรมที่ขายคู่กันเช่นนี้มีการทดสอบมาแล้วว่าใช้งานร่วมกันจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน สำหรับมาตรฐานปัจจุบันการใช้งานต่ำ ๆ ควรอยู่ที่ 8 GB แล้ว (4 GB x 2) หากใช้งานหนักหน่วงกว่านั้นเช่นการตัดต่อวิดีโอหรือทำงานกราฟิก การใช้งานสัก 16 GB ก็เป็นตัวเลือกที่ดีหากงบคุณนั้นเอื้ออำนวย เพราะโปรแกรมเหล่านี้มักกินแรมสูงมากในขณะที่คุณทำการเรนเดอร์ไฟล์หรือวิดีโอหรือทำงานเป็นเวลานาน

ที่มา http://tanwaruk.blogspot.com/2015/08/spec-pc-notebook-spec-1.html


4. CD-ROM Drive

ตอบ

CD-Rom ซีดีรอม และดีวีดีไดรว์ อุปกรณ์อ่านแผ่นซีดี/ดีวีดี

ซีดีรอมไดรว์ นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่คอมพิวเตอร์ควรมีมีไว้ประจำเครื่อง เพื่อใช้อ่านแผ่นซีดีรอมซึ่งในปัจจุบันมีบทบาทอย่างมากในการใช้บันทึกทั้งโปรแกรม เพลง สื่อมัลติมีเดียทั้งหลาย เป็นต้น ส่วนดีวีดีไดรว์ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึันเรื่อยๆ เพราะเนื่องจากมีความจุมาก

ซีดีรอมไดรว์ (CD-ROM Drive ย่อมาจาก Computer Disk Read Only Memory Drive) เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีสักเท่าไร ผิดกับการพัฒนาทางด้านความเร็วที่มีการเพิ่มความสามารถในการอ่านแผ่นซีดีรอมให้รวดเร็วชึ้นตลอดเวลา ในปัจจุบันซีดีรอมไดรว์ได้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันไปแล้ว เนื่องจากแผ่นซีดีรอมนั้นสามารถบ้นทึกข้อมูลได้ปริมาณมากและมีราคาถูก ทำให้ได้รับความนิยมอย่างสูงไม่ว่าจะ้ป็นการบันทึกซอฟต์แวร์, เกมส์, เพลง, และข้อมูลมัลติมีเดีย เป็นต้น ซึ่งข้อมูลต่างๆเหล่านี้มักมีปริมาณมาก

ประเภทของซีดีรอมไดรว์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1.ซีดีรอมไดรว์ (CD-ROM Drive) เป็นไดรว์ซีดีรอมทั่วๆ ไปที่ใช้งานกัน สามารถอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีได้อย่างเดียว ไม่สามารถเขียนข้อมูลลงบนแผ่นซีดีได้ ซีดีรอมไดรว์จะมีการบอกสเปคเป็น “x” เดี่ยวๆเช่น 48x หรือ 56x ก็จะหมายถึงอ่านข้อมูลได้ที่ความเร็ว 48x และ 56x ตามลำดับ

2.ซีดีอาร์   (CD-R Drive) ย่อมาจาก  CD-Recordable Drive  ที่นอกจากจะสามารถอ่านแผ่นซีดีทั่วไปแล้วยังสามารถเขียนบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดีอาร์ได้อีกด้วย โดยซีดีอาร์ไดรว์จะมีการบอกสเปคเป็น 2 ตัว ซึ่งตัวแรกเป็นการบอกความเร็วในการบันทึกข้อมูลว่าได้ที่ความเร็วเท่าไร ส่วนตัวที่สองจะบอกถึงความเร็วในการอ่านข้อมูล เช่น 4x24x ก็คือเขียนข้อมูลได้ที่ 4x และอ่านข้อมูลได้ที่  24x เป็นต้น ส่วใหญ่ซีดีอาร์ไดรว์ในปปัจจุบันจะเป็นซีดีอาร์ดับบลิวไปหมดแล้ว เนื่องจากมีความสามรถมากกว่า ในราคาที่ไม่ต่างกันมากนัก

  

CD-R Drive และแผ่น  CD-R

3. ซีดีอาร์ดับบลิวไดรว์ (CD-RW Drive) ย่อมาจาก CD-ReWritable Drive ที่สามารถอ่านเขีแผ่นซีดี เขียนบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นซีดีอาร์ ( CD-R : CD-Recordable) อีกทั้งเขียนบันทึกข้อมูลและลบข้อมูลจากแผ่นซีดีอาร์ดับบลิว (CD-RW : CD-ReWritable) ที่สามารถเขียนและลบข้อมูลได้เหมือนฮาร์ดดิสก์อีกด้วย โดยซีดีอาร์ดับบลิวไดรว์จะมีการบอกสเปคแบบ 3 ตัว ซึ่งตัวแรกเป็นตัวบอกว่าสามารถเขียนข้อมูลแบบบันทึกอย่างเดียว (แบบCD-R) ได้ที่ความเร็วเท่าไร ตัวที่สองบอกถึงความเร็วในการเขียนบันทึกข้อมูลแบบสามารถเขียนใหม่ได้ (แบบCD-RW) และตัวสุดท้ายจะบอกถึงความเร็วในการอ่านข้อมูล เช่น  12x10x32x ก็คือ ไดรว์นี้เขียน CD-R ได้ที่ความเร็วสูงสุด 12x เขียน CD-RW ได้ที่ความเร็วสูงสุด 10x และอ่านช้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุด 32x เป็นต้น

ที่มา http://tanwaruk.blogspot.com/2015/08/spec-pc-notebook-spec-1.html


5. Monito

ตอบ

จอแสดงผล (MONITOR)

คุณสมบัติทางเทคนิค spec ของเครื่องมัลติมีเดียพีซี

จอนั้นปัจจุบันมีหลายแบบโดยแยกตามคุูณภาพของวัสดุภายนอก ภายใน และการเชื่อมต่อ โดยจอมอนิเตอร์นั้นปัจจุบันถ้าให้แนะนำคือควรจะใช้งานสัก 20 นิ้วเป็นอย่างต่ำ และความละเอียดระดับ Full HD (1920 x 1080) เพื่อที่จะรองรับการดูหนังฟังเพลงในยุคนี้แบบเต็มที่ โดยรายละเอียดเรื่องการเลือกซื้อจอนั้นสามารถเข้าไปดูได้อีกบทความซึ่งผมเขียนไว้นานแล้วพอสมควร (แต่ก็ยังถือว่าใช้งานได้อยู่นะ)

เคส (CASE)

คุณสมบัติทางเทคนิค spec ของเครื่องมัลติมีเดียพีซี

เคสคอมพิวเตอร์ก็คือตัวถังมีหน้าที่ทำให้อุปกรณ์ทุกอย่างอยู่กับเป็นกลุ่มเป็นก้อน รวมถึงจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ หลักการเลือกเคสคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนนัก นอกจากหน้าตาและจำนวนช่องที่มีให้แล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาคือ Form Factor ที่ควรเลือกให้เข้ากับเมนบอร์ด เช่นหากเมนบอร์ดของคุณเป็นแบบ ATX (ซึ่งเป็นเมนบอร์ดที่ใหญ่ที่สุด) ก็ควรเลือกเคสที่รองรับเมนบอร์ดชนิดนี้ด้วย โดยหากคุณเลือกเคสที่รองรับแบบ ATX แล้วจะสามารถใส่กับบอร์ดที่เล็กกว่านี้ได้เช่นเดียวกัน (mATX) แต่ข้อเสียของเคสที่รองรับ ATX คือจะมีรูปร่างที่ค่อนข้างใหญ่กว่าเคสที่รองรับสูงสุดแค่ mATX ซึ่งหลายคนจะชอบหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ละบุคคล

นอกจากนี้ยังมีแพลทฟอร์มที่มีขนาดเล็กจิ๋วคือ ITX ซึ่งเหมาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ เช่นเอาไว้ใช้งานเป็น Home Theater PC (HTPC) เป็นต้น ซึ่งต้องใช้เคสแบบ ITX และเมนบอร์ดแบบ ITX ด้วยเช่นเดียวกัน

กลับมาดูที่แพลทฟอร์ม ATX หากเรียงตามความสูงของเคสจะแบ่งได้เป็น Full Tower, Mid Tower, Mini Tower โดย Full Tower นั้นถือว่าเป็นเคสที่มีความสูงมากที่สุดโดยอาจสูงได้มากกว่า 60CM พร้อมมีช่องสำหรับใส่ไดรฟ์ด้านหน้ามากมาย เหมาะสำหรับการใช้งานเป็น Server เพื่อวางไว้บนพื้น เคสทั่วไปที่เราใช้กันตามบ้านส่วนใหญ่จะเป็น Mid Tower ที่มีช่องสำหรับใส่ไดรฟ์ประมาณสี่ถึงห้าช่อง หรือ Mini Tower ที่มีขนาดเล็กที่สุด

ส่วนของราคานั้นมีตั้งแต่ไม่ถึงหนึ่งพันบาท ยันไปถึงหลายหมื่นบาทก็มี โดยมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ได้แก่ ยี่ห้อ ความเนี๊ยบของงาน รุ่น ลูกเล่นพิเศษเช่น ฝาข้างใส โดยเคสที่เป็นเหล็กนั้นจะเป็นเคสที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากและไม่สะดวกแก่การเคลื่อนย้าย แต่ก็มีข้อดีตรงราคาไม่แพง ส่วนตัวถังแบบอลูมิเนียมนั้นจะมีราคาสูงกว่ามากในขนาดเดียวกัน แต่มีน้ำหนักเบาและไม่ขึ้นสนิม

โดยเคสนั้นถือว่าเป็นหน้าตาของคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานอยู่แทบทุกวัน ฉะนั้นหลายคนอาจเลือกด้วยเรื่องของหน้าตาและลูกเล่นเป็นหลัก ซึ่งหากคุณเน้นการแต่งคอมเพื่อความสวยงามแล้วละก็จะมีของแต่งจำนวนมากเข้ามาให้คุณได้เสียเงินกัน แต่หากใช้งานปกติแล้วเคสในราคาไม่เกิน 2,000 บาทก็ถือว่าเหมาะสม และสวยงามพอประมาณแล้ว ยี่ห้อชั้นนำในท้องตลาดก็ได้แก่ Corsair, Cooler Master, Thermaltake, NZXT, Silverstone, Zalman เป็นต้น

ที่มา http://tanwaruk.blogspot.com/2015/08/spec-pc-notebook-spec-1.html


6. Sound Card

ตอบ

         Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ถือเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่นับวันเริ่มมีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นทุกวัน เพราะสามารถที่จะสรรค์สร้างพลังเสียงออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทุกวันนี้การผลิต Sound Card ซาวนด์การ์ด ออกมาให้เราได้ใช้นั้น ล้วนแต่เป็น Sound Card ที่มีคุณภาพที่ดีทั้งสิ้น แต่ก็มีความแตกต่างทางด้านใช้งานพอสมควร ดังนั้นในการเลือกซื้อ ซาวนด์การ์ด นั้น ควรจะต้องดูที่ความต้องการของคุณเป็นหลักครับ

ถ้ามองย้อนหลังไปในอดีต ท่านคงจะทราบถึงการพัฒนาการของ Sound Card ซึ่งเมื่อก่อนในการผลิต Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ออกมาใช้งานซาวนด์การ์ด จะมีการผลิตที่ใช้กับสล็อตแบบ ISA ถ้าดูโดยรวมแล้วในการส่งข้อมูลของการ์ดแบบนี้มีการส่งข้อมูลค่อนข้างช้า และขนาดของการ์ดยังมีขนาดที่ใหญ่มาก ซึ่งออกจะใหญ่เทอะทะด้วยซ้ำไป อีกทั้งยังเป็น Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ที่ดึงความสามารถของคอมพิวเตอร์ของท่าน ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านมีการทำงานที่ช้าลง รวมทั้งเสียงที่ได้จากการ์ดแบบนี้ยังมีคุณภาพของเสียงต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผู้คิดค้นการ์ดแบบ ISA นี้

คงผลิตมาเพื่อใช้กับการใช้ร่วมกับคาราโอเกะ หรือการฟังเพลงเล็กๆน้อย แต่ก็นับเป็น Sound Card (ซาวนด์การ์ด) ที่ได้รับความนิยมมากในขณะนั้น

แต่มาถึงในปัจจุบัน เครื่องมือ เทคโนโลยีต่างๆ ต่างก็มีการพัฒนาขึ้นมาก รวมไปถึง ซาวนด์การ์ด ที่คนรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนารูปลักษณ์ของเจ้า Sound Card นั้นออกมาในลักษณะของการ์ดแบบ PCI ถ้าดูเรื่องขนาดแล้วมีขนาดที่เล็กกว่าการ์ดแบบ ISA มาก อีกทั้งในการส่งข้อมูลยังมีความเร็วที่สูงกว่าด้วย ดึงทรัพยากรภายในเครื่องน้อยลง อีกทั้งยังมีคุณภาพเสียงที่โดดเด่น มีการการกระจายของเสียงที่ดี ซึ่งมีหลายๆอย่างที่ดีกว่าการ์ดแบบ ISA มาก จึงทำให้ในการผลิตการ์ดแบบ ISA นี้ล้มเลิกลง เหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้การ์ดแบบนี้หยุดการผลิตลง เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้ที่ทำการผลิตออกมา และตัดสล็อตแบบ ISA นี้ทิ้งไปโดยสิ้นเชิง และมีการเพิ่มสล็อตแบบ PCI ขึ้นมาแทน ซึ่งไม่ว่าเป็นอุปกรณ์อย่างเช่น Card Lan , โมเด็มแบบ Internal หรือแม้กระทั่งการ์ดอื่นๆ ก็มีการผลิตขึ้นมาให้สนับสนุนการใช้งานร่วมกับสล็อตแบบ PCI ทั้งนั้น จึงทำให้การ์ดแบบ ISA นั้นได้หายไปจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน

นอกจากจะมีผลิต Sound Card แบบ PCI ออกมาใช้งานอย่างกว้างขวางในปัจจุบันแล้ว ซึ่งท่านคงจะเป็นหนึ่งในนั้นที่ใช้ ซาวนด์การ์ด แบบ PCI นี้ แต่ก็มีอีกจำพวกหนึ่งที่ไม่ใช้ Sound Card แบบ PCI เนื่องจากยังมีราคาที่สูงอยู่ ซึ่งคนพวกนี้จะหันไปใช้ซาวนด์แบบ Onboard แทน โดยซาวนด์แบบนี้ไม่ใช่เป็นซาวนด์แบบการ์ดที่เราเห็นกัน แต่เป็นเพียงชิปตัวหนึ่งซึ่งอยู่บนเมนบอร์ดของเราที่ทำหน้าที่สร้างเสียงออกมา แต่คุณภาพยังไม่สูงมากเท่ากับซาวนด์การ์ด แบบ PCI ชิปซาวนด์แบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินในกระเป๋าไม่มากนัก สามารถที่จะใช้เพื่อเล่นเกม ดูหนัง เล็กๆน้อยๆได้ดีเลยทีเดียว แต่สำหรับคนที่มีเงินในกระปุกเหลือใช้มาก การที่ซื้อ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) แบบ PCI มาใช้งาน ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านจะได้สัมผัสพลังเสียงที่สุดยอดของ ซาวนด์การ์ด (Sound Card) แบบนี้ ซึ่งเป็นเสียงที่ทุกคนอยากรับฟังแน่นอนครับ

เรามาดูการพัฒนาการของ Sound Card แบบ PCI กันบ้าง การผลิตและพัฒนาของ ซาวนด์การ์ด แบบนี้ จากแต่ก่อนได้มีการผลิตที่สามารถรองรับการทำงานได้ถึง 2 แชนแนล โดยในขณะนั้นถือว่าเรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมาก สามารถที่จะสร้างเสียงออกมาได้อย่างไพเราะ สามารถที่จะใช้ร่วมกับลำโพงจำนวน 2 ตัวได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง Sound Card Creative SB Vibra 128 ที่โด่งดังมากเมื่อก่อน ซึ่งมีราคาอยู่ประมาณ 1,000 บาท ถือว่ายังเป็นราคาที่แพงอยู่ในขณะนั้น จากนั้นมาก็ได้มีการพัฒนาประสิทธิการใช้ของ ซาวนด์การ์ด ขึ้นเรื่อยๆ จาก Sound Card ที่เป็นแบบ 2.1 แชนแนล พัฒนาเป็น ซาวนด์การ์ด ที่สนับสนุนการทำงานแบบ 4.1 แชนแนล, 5.1 แชนแนล และแบบ 6.1 แชนแนล โดยได้พัฒนาควบคู่กับการพัฒนาของลำโพงแบบต่างๆ ที่สนับสนุนการใช้งานร่วมกับ Sound Card นี้

จนมาถึงวันที่ทุกคนรอคอย ล่าสุดก็ได้มีการผลิต ซาวนด์การ์ด แบบ 7.1 แชนแนลออกมา ถือว่าเป็นสุดยอด Sound Card อยู่ในขณะนี้ นับว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในขณะนี้ก็ได้ โดยเฉพาะบุคคลที่ชอบเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ หรือแม้กระทั่งนักดนตรีต่างๆ ต่างก็คงรอคอยซาวนด์การ์ด แบบนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งสามารถให้เสียงที่สมบูรณ์แบบมากกว่าแบบต่างๆที่ได้กล่าวมา

ชนิดของ Sound Card (ซาวนด์การ์ด) 

ที่มา http://tanwaruk.blogspot.com/2015/08/spec-pc-notebook-spec-1.html

7.  ตัวกะจายสัญญาณไวไฟ คืออะไร 

ตอบ

อุปกรณ์ Wifi-Wireless Repeater ช่วยเพิ่มระยะของสัญญาณ Wireless โดยจะทำหน้าที่ขยายสัญญาณจากอุปกรณ์กระจาย สัญญาณต้นทาง โดยที่อุปกรณ์ Repeater จะแค่เสียบไฟเลี้ยงเท่านั้น อุปกรณ์ Repeater สามารถใช้งานใน Mode Bridge คือทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณที่ออกมาเป็นสาย Lan ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่มี Port Lan ต่างๆเช่น Internet TV, Harddisk Media Player, Game Console

ที่มา http://www.sysnetcenter.com/110-wireless-repeater-wifi