ระบบดังกล่าวเป็นระบบที่ให้บริการแก่คนหางานที่เป็นผู้ประกันตนกรณีว่างงาน ที่ถูกเลิกจ้างหรือลาออกจากงาน ซึ่งคนหางานที่จะได้รับสิทธิผู้ประกันตนกรณีว่างงาน จะต้องเป็นผู้ที่จ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน โดยระบบจะอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนและรายงานตัวของผู้ประกันตนกรณีว่างงาน ให้สามารถขึ้นทะเบียนและรายงานตัวผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งข้อมูลของผู้ประกันตนกรณีว่างงาน จะได้รับการตรวจสอบข้อมูลจากกรมการปกครอง เพื่อยืนยันตัวบุคคลในการใช้บริการในระบบดังกล่าวผ่านอินเตอร์เน็ต และยังสามารถออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงาน สำหรับใช้เป็นหลักฐานยืนยันในการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงาน ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตในการขอรับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 นายบุญสงค์ ทัพไชยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ได้มีการปรับเปลี่ยน Line Official Account โฉมใหม่ เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถใช้งานผ่าน แอพพลิเคชัน LINE ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อตรวจสอบสิทธิต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบสิทธิสถานพยาบาล ยอดเงินสมทบชราภาพ เงินสมทบของผู้ประกันตน การเบิกสิทธิประโยชน์ และรับการแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมถึงอัปเดตข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมดี ๆ ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจากสำนักงานประกันสังคม โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และ มาตรา 40 สามารถลงทะเบียนเข้าสู่ระบบสมาชิกของผู้ประกันตน หรือผู้ประกันตนที่เคยเป็นสมาชิก www.sso.go.th สามารถเข้าระบบโดยใช้ username และ password เดียวกัน และเมื่อเพิ่มเพื่อนกับสำนักงานประกันสังคม จะได้รับสติกเกอร์ไลน์ชุดใหม่ “ออมสุขและอุ่นใจห่วงใยคุณ (Aomsuk & Aunjai Always Care For You)” ให้ผู้ประกันตนได้สื่อสารและส่งต่อความห่วงใยให้แก่กันได้ ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถดาวน์โหลดสติกเกอร์ ได้ตั้งแต่วันนี้ - 28 ตุลาคม 2564 โดยพิมพ์คำค้นหาเพื่อน @ssothai จากนั้นกดเพิ่มเพื่อนหรือ add friend กับสำนักงานประกันสังคมได้ทันที สอบถามข้อมูลได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ / จังหวัด / สาขา ทั่วประเทศ นายบุญสงค์ ทัพไชยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ได้มีการปรับเปลี่ยน Line Official Account โฉมใหม่ @ssothai เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถใช้งานผ่าน แอพพลิเคชัน LINE ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อตรวจสอบสิทธิต่างๆ เช่น การตรวจสอบสิทธิสถานพยาบาล ยอดเงินสมทบชราภาพ เงินสมทบของผู้ประกันตน การเบิกสิทธิประโยชน์ และรับการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงอัปเดตข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ ลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษจากสำนักงานประกันสังคม
โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และ มาตรา 40 สามารถลงทะเบียนเข้าสู่ระบบสมาชิกของผู้ประกันตน หรือผู้ประกันตนที่เคยเป็นสมาชิก www.sso.go.th สามารถเข้าระบบโดยใช้ username และ password เดียวกัน และเมื่อเพิ่มเพื่อนกับสำนักงานประกันสังคม จะได้รับสติกเกอร์ไลน์ ชุดใหม่ “ออมสุขและอุ่นใจห่วงใยคุณ (Aomsuk & Aunjai Always Care For You)” ให้ผู้ประกันตนได้สื่อสารและส่งต่อความห่วงใยให้แก่กันได้
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถดาวน์โหลดสติกเกอร์ ได้ตั้งแต่วันนี้ - 28 ตุลาคม 2564 โดยพิมพ์คำค้นหาเพื่อน @ssothai จากนั้นกดเพิ่มเพื่อนหรือ add friend กับสำนักงานประกันสังคม ได้ทันที สอบถามข้อมูลได้ที่ www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ Onlinenewstime.com : ข้อมูลการส่งออก “ผลไม้ไทย” (ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และผลไม้แห้ง) ไปยังตลาดต่างประเทศ แสดงให้เห็นคู่ค้าที่สำคัญ 5 อันดับแรก คือ ประเทศจีน ที่ครองสัดส่วนถึง 83.61% ตามมาด้วย ฮ่องกง เวียดนาม สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้สร้างสถิติใหม่ มีอัตราการขยายตัวถึง 189% เรียกได้ว่าสูงสุดในรอบ 5 ปี ด้วยตัวเลขมูลค่าการส่งออก 195,637 ล้านบาท และปริมาณการส่งออกที่ 2.85 ล้านตัน “ลำไย- สัปปะรด -น้ำผลไม้” ติดท็อปทรีของการส่งออกในช่วง 4 ปีหลังขณะเดียวกัน “ทุเรียน” ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาผลไม้ ซึ่งติดอันดับ 2 ของยอดส่งออกสูงสุดในปี 2560 แต่หลังจากนั้นยอดการส่งออกลดลง ทว่าก็สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยราคาต่อกิโลกรัมที่เพิ่มขึ้น จากราคาเฉลี่ยต่อกิโลกรัมละ 49 บาทขยับเพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 198 บาท สำหรับประเภทของผลไม้ ติดอันดับส่งออก 10 อันดับแรก จากข้อมูลของ”สำนักงานสถิติการส่งออก” กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2560 ถึงข้อมูลล่าสุด ในเดือนพฤศจิกายน 2564 พบว่า มีอัตราการขยายตัว ทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่า ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ส่งออกผลไม้ไทยในเชิง “ปริมาณ” ย้อนหลัง 5 ปีเริ่มจากปี 2560 มีตัวเลขการส่งออก จำนวน 2.68 ล้านตัน โดยมี 10 อันดับ คือ ลำไย สัปปะรด ทุเรียน น้ำผลไม้ มังคุด ผลไม้ปรุงแต่ง มะพร้าว ผลไม้สด+แช่แข็ง มะม่วง และผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาลตามลำดับ ถัดมาในปี 2561 มีจำนวนลดลงมาอยู่ที่ 1.76 ล้านตัน โดย 10 อันดับแรก ได้แก่ ลำไย สัปปะรด น้ำผลไม้ ผลไม้ปรุงแต่ง มะม่วง ผลไม้สด+แช่แข็ง มะพร้าว ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล กล้วย และส้ม อย่างไรก็ตามในปี 2562 ปริมาณการส่งออก พลิกกลับมาเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2.76 ล้านตัน โดย 10 อันดับ คือ ลำไย สัปปะรด น้ำผลไม้ ผลไม้สด+แช่แข็ง ผลไม้ปรุงแต่ง มะม่วง มะพร้าว ผลิตภัณฑ์ลูกนัตอื่นๆ ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล และส้ม ต่อมาในปี 2563 ที่เริ่มมีผลกระทบของโควิด-19 เราก็ยังมีปริมาณการส่งออกผลไม้สูงถึง 2.41 ล้านตัน โดยมี 10 อันดับแรก คือ ลำไย น้ำผลไม้ สัปปะรด ผลไม้ปรุงแต่ง มะม่วง มะพร้าว ผลไม้สด+แช่แข็ง ส้ม ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล และผลิตภัณฑ์ลูกนัตอื่นๆ ที่สำคัญคือตัวเลขในปี 2564 ที่มีการระบาดเป็นวงกว้างไปทั่วโลก ข้อมูลถึงเดือน พ.ย. ก็แสดงให้เห็นถึงการเติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปีคือมีปริมาณส่งออกที่ 2.85 ล้านตัน 10 อันดับแรกประกอบด้วย คือ ลำไย สัปปะรด น้ำผลไม้ มะม่วง ผลไม้ปรุงแต่ง มะพร้าว ผลไม้สด+แช่แข็ง ทุเรียน ส้ม และผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล ส่งออกผลไม้ไทยในเชิง “มูลค่า” ย้อนหลัง 5 ปีสอดคล้องกับในเชิงมูลค่าการส่งออกที่มีนัยสำคัญคือ ในปี 2560 มูลค่าการส่งออกผลไม้รวมอยู่ที่ 1.03 แสนล้านบาท ประกอบด้วยผลไม้ที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก คือ ลำไย สับปะรด ทุเรียน น้ำผลไม้ ผลไม้ปรุงแต่ง มังคุด ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล ผลิตภัณฑ์ลูกนัตอื่น ๆ มะม่วง และมะพร้าว ในขณะที่ปี 2561 มูลค่าการส่งออกลดลงเหลือ 6.4 หมื่นล้านบาท กับ 10 อันดับ คือ ลำไย สับปะรด น้ำผลไม้ ผลไม้ปรุงแต่ง ทุเรียน ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล มะม่วง ผลิตภัณฑ์ลูกนัตอื่น ๆ ผลไม้สด+แช่แข็ง และมะพร้าว อย่างไรก็ตามในปี 2562 มูลค่าการส่งออกผลไม้ไทยขยับสูงขึ้นเป็น 1.25 แสนล้านบาท โดยมี 10 อันดับ ลำไย สับปะรด น้ำผลไม้ ผลไม้ปรุงแต่ง ทุเรียน ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล ผลิตภัณฑ์ลูกนัตอื่น ๆ มะม่วง ผลไม้สด+แช่แข็ง และมะพร้าว และในปี 2563 มูลค่าการส่งออกเพิ่มสูงถึง 1.41 แสนล้านบาท กับ 10 อันดับ ได้แก่ ลำไย สับปะรด น้ำผลไม้ ผลไม้ปรุงแต่ง ทุเรียน ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล มะม่วง ผลิตภัณฑ์ลูกนัตอื่น ๆ ผลไม้สด+แช่แข็ง และมะพร้าว และมูลค่าการส่งออกของปี 2564 ข้อมูลถึงเดือนพ.ย. ทะลุเป็น 1.95 แสนล้านบาท กับตัวเลข 10 อันดับแรก คือ ลำไย สับปะรด น้ำผลไม้ ผลไม้ปรุงแต่ง ทุเรียน มะม่วง ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล ผลไม้สด+แช่แข็ง มะพร้าว และผลิตภัณฑ์ลูกนัตอื่น ๆ “ผลไม้ยอดนิยม” ของตลาดส่งออกผลไม้ยอดนิยมที่ครองอันดับต้นๆตลอด 5 ปีที่ผ่านมาได้แก่ ลำไย สับปะรด ทุเรียน น้ำผลไม้ มังคุด ผลไม้ปรุงแต่ง มะพร้าว ผลไม้สด+แช่แข็ง มะม่วง ผลไม้แปรรูปด้วยน้ำตาล กล้วย ส้ม และผลิตภัณฑ์ลูกนัต เป็นที่น่าสังเกตว่า ลำไย และสับปะรด ครองแชมป์ 2 อันดับแรกในการส่งออกมาตลอดระยะเวลา 5 ปี ในขณะที่ผลไม้อื่นๆมีการสลับตำแหน่งกันไปบ้าง สำหรับ”ทุเรียน” ที่ขึ้นชื่อของไทย และเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในต่างประเทศนั้น มีปริมาณส่งออกสูงสุดในปี 2560 ที่ 5.05 แสนตัน แต่ต่อมาปริมาณการส่งออกกลับลดลง จนไม่ติดอันดับ 1 ใน 10 ตั้งแต่ปี 2561 – 2563 จนมามีสัญญาณของการตีตื้นในปี 2564 ที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขปริมาณการส่งออกถึงเดือน พ.ย. 2564 ติดอันดับที่ 8 ของผลไม้ส่งออกของไทย แต่ถ้ามามองในเชิงมูลค่า จะพบว่าทุเรียนมีมูลค่าการส่งออก ติดอันดับที่สูงต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี โดยมีมูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 / 5.9 พันล้านบาทในปี 2561 / 5.7 พันล้านบาท ปี 2562 / 6.9 พันล้านบาท ในปี 2563 และ 9.1 พันล้านบาทในปี 2564 (ข้อมูลถึงเดือน พ.ย.) เรียกได้ว่าติดอันดับผลไม้ที่สร้างรายได้กลับเข้าประเทศเพิ่มขึ้น โดยเมื่อนำข้อมูลมาตรวจสอบพบว่าราคาต่อกิโลกรัมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาเฉลี่ยต่อกิโลกรัมละ 49 บาทในปี 2560 ขยับราคาขึ้นมาถึงกิโลกรัมละ 198 บาทในปี 2564 เช่นเดียวกับภาพรวมการส่งออกผลไม้ไทย ที่มีแนวโน้มดี ทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย และนำเงินเข้าประเทศในแต่ละปีไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท |