5. การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย 1.ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่ บอกชื่อนามสกุลจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์บ้าน เพราะผู้ร้ายสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์บ้านเพื่อโทรสอบถามที่อยู่ของเจ้าของ บ้านได้จากบริการ 1133 ซึ่งเป็นบริการมาตรฐาน โจรผู้ร้ายและพวกจิตวิปริตอาจมาดักทำร้ายคุณได้ เวลาแช็ตก็ให้ใช้ชื่อเล่นหรือชื่อสมมุติแทน 2.ไม่ส่งหลักฐานส่วนตัวของตนเองและคนในครอบครัวให้ผู้อื่น เช่น สำเนาบัตรประชาชน เอกสารต่างๆ รวมถึงรหัสบัตรต่างๆ เช่น เอทีเอ็ม บัตรเครดิต ฯลฯ ให้กับผู้อื่น แม้แต่เพื่อน เพราะเพื่อนเองก็อาจถูกหลอกให้มาถามจากเราอีกต่อหนึ่ง 3. ไม่ควรโอนเงินให้ใครอย่างเด็ดขาด นอกจากจะเป็นญาติสนิทที่เชื่อใจได้จริงๆ 4. ไม่ออกไปพบเพื่อนที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ต เว้น เสียแต่ว่าได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และควรมีผู้ใหญ่หรือเพื่อนไปด้วยหลายๆ คน เพื่อป้องกันการลักพาตัว หรือการกระทำมิดีมิร้ายต่างๆ 5. ระมัดระวังการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต รวม ถึงคำโฆษณาชวนเชื่ออื่นๆ เด็กต้องปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยต้องใช้วิจารณญาณ พิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ขาย เช่นดูประวัติ ดูการให้คอมเมนท์ Comment จากผู้ซื้อรายก่อนๆ ที่เข้ามาเขียนไว้ พิจารณาวิธีการจ่ายเงิน ฯลฯ และต้องไม่บอกรหัสบัตรเครดิต และเลขท้าย3หลักที่อยู่ด้านหลังบัตรให้แก่ผู้ขาย หรือใครๆ โดยเด็ดขาด เพราะเป็นรหัสสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต คุณอาจถูกยักยอกเงินจากบัตรเครดิตจนเต็มวงเงินที่คุณมี แล้วมารู้ตัวอีกทีก็มีหนี้บานมหาศาล นอกจากนี้คุณผู้ปกครองก็ไม่ควรวางกระเป๋าเงินที่ใส่บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม ฯลฯ ให้เด็กหยิบง่ายๆ เพราะคำโฆษณาล่อหลอกทางเน็ต อาจทำให้เด็กอยากซื้อสินค้าที่ไม่เหมาะสมบางอย่าง แล้วอาจมาเปิดดูรหัสบัตร เพื่อไปซื้อสินค้าออนไลน์ได้ 6. สอนให้เด็กบอกพ่อแม่ผู้ปกครองหรือคุณครู ถ้าถูกกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต (Internet Bullying) 7. ไม่เผลอบันทึกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดขณะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ 8. การใช้โปรแกรม MSN อย่างปลอดภัย 9. ระวังการใช้กล้องเว็บแคม นอกจากนี้การติดกล้องเว็บแคมที่ต่อติดอยู่กับเครื่องคอมตลอดเวลา เพราะระหว่างที่คุณไม่ได้อยู่หน้าเครื่องคอมฯ แต่ต่ออินเทอร์เน็ตทิ้งไว้ นักแคร็กมืออาชีพ พวกมิจฉาชีพไฮเทค สามารถล็อคเข้ามาในเครื่องของคุณ และสั่งเปิดกล้องเว็บแคมของคุณ เพื่อแอบบันทึกภาพบ้านของคุณ ประตู หน้าต่าง ทางเข้าออก เพื่อเตรียมการโจรกรรม หรือแอบถ่ายอิริยาบถของคุณตอนที่ไม่รู้ตัว แล้วเอาไปขายเป็นวีซีดีประเภทแอบถ่ายทั้งหลาย เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นจริงในต่างประเทศ อาจเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย แต่คงยังไม่รู้ตัวกัน ดังนันให้ถอดกล้องเว็บแคมออกทุกครั้งที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ และถ้าไม่มีความจำเป็น ก็ไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ตทิ้งเอาไว้ถึงจะใช้บรอดแบรนด์(ไฮสปีด)อินเทอร์เน็ต ก็ตาม 10. ไม่ควรบันทึกภาพวิดีโอ หรือเสียงที่ไมเหมาะสมบนคอมพิวเตอร์ หรือบนมือถือ 11. จัดการกับ Junk Mail จังค์ เมล์ หรือ อีเมล์ขยะ
12.จัดการกับแอดแวร์ สปายแวร์ 13.จัดการกับไวรัสคอมพิวเตอร์ นอกจากโปรแกรมเหล่านี้จะช่วยดักจับไวรัสแล้ว ยังมีโปรแกรมเสริมที่เรียกว่า Firewall เช่น McAfree Personal Firewall Plus, Norton Personal Firewall หรือแม้แต่ในตัว WindowsXP Service Pack2 ขึ้นไป ก็จะมีโปรแกรมไฟร์วอล มาให้ด้วยซึ่ง ไฟร์วอลนี้ทำหน้าที่เหมือนตำรวจจราจรออนไลน์ คอยหยุดตรวจและดักจับสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามารุกรานเครื่องคุณซึ่งจะช่วย ป้องกันการถูกคนนอกเข้ามาแคร็กเอาข้อมูลจากเครื่องของคุณได้ นอกจากนี้ยังช่วยสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมที่อาจจะออกจากเครื่องของคุณ เช่นกรณีคอมของคุณติดไวรัส เป็นต้น โดยไฟร์วอลนี้ จะคอยตั้งคำถามคุณเสมอเวลาคุณเปิดเว็บไหน หรือใช้โปรแกรมอะไร เพื่อรอฟังคำอนุญาติของคุณ แล้วจดบันทึกเอาไว้ว่า เว็บลักษณะนี้ โปรแกรมประเภทนี้คุณอนุญาติหรือไม่อนุญาติให้ใช้ นอกจากจะช่วยกันพวกไวรัส สแปม สปายแล้วยังเป็นการสกรีนและป้องกันการเปิดเข้าไปในเว็บไม่เหมาะสมได้ทาง หนึ่ง สำหรับโปรแกรมไฟร์วอลนี้ ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า จำเป็นต้องใช้จริงหรือ สามารถช่วยกันเด็กจากเว็บไม่เหมาะ สมได้จริงหรือ คุณจะใช้หรือไม่คงต้องตัดสินใจกันเอาเอง แต่สำหรับโปรแกรมดักจับไวรัสคอมฯ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องแน่นอน 14. ใช้ Adult Content Filter ในโปรแกรม P2P 15. เซิร์ชข้อมูลอย่างปลอดภัย ด้วย Google
16. กรองเว็บไม่เหมาะสมด้วย Content Advisor ในอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ 17. POP-UP Blocker 18. ปลาวาฬ บราวเซอร์ (Plawan Browser ) 19. ปลาวาฬ ทูลบาร์ (Plawan Toolbar) นอกจากนี้ทางกระทรวงไอซีที ยังได้ออกโปรแกรมตัวใหม่ Housekeeper เฮ้าส์คีปเปอร์ เพื่อช่วยบล็อกเว็บไม่เหมาะสม ช่วยจำกัดเวลาการใช้เน็ตใช้คอม โดยผู้ปกครองเป็นคนตั้งค่าเอง ซึ่งสามารดาวน์โหลดได้ที่ www.icthousekeeper.com |