ไม่ใช่ พนักงานประจำ ซื้อบ้าน

First Jobber เริ่มต้นกู้ซื้อบ้านหลังแรก ต้องรู้อะไรบ้าง

คำถามสำคัญของการกู้ซื้อบ้านหลังแรก

  • เงินเดือนเท่าไรถึงจะกู้ซื้อบ้านหลังแรกได้
  • ทำงานนานเท่าไรถึงจะกู้ซื้อบ้านได้
  • อายุเท่าไรถึงเหมาะจะกู้ซื้อบ้าน

คำตอบภาพรวมของคุณสมบัติผู้กู้นี้ คือ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ อายุ 20 ปีขึ้นไป ทำงานประจำอย่างน้อย 6 เดือน และผ่านการทดลองงานแล้ว ควรมีรายได้อย่างน้อย 10,000 - 15,000 บาท ต่อเดือน ไม่ควรมีภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายต่อเดือนเกิน 60% ของรายได้ หากกังวลว่าจะกู้ไม่ผ่าน ควรเตรียมหาผู้กู้ร่วมแต่เนิ่นๆ

บ้านหลังแรกกู้ได้เท่าไร? อยากรู้ต้องคำนวณเป็น

สูตรการคำนวณความสามารถในการกู้ซื้อบ้านหลังแรกนั้นง่ายมาก จากหลักการของธนาคารทั่วไปที่ปล่อยกู้เริ่มต้นที่ 40% ของเงินรายได้ ดังนั้นจึงคำนวณด้วยการนำเงินเดือนมาคูณด้วย 40% ถ้าอยากทราบว่า กู้บ้านหลังแรกได้เท่าไร ดูตัวอย่างการคำนวณที่คิดจาก เงินเดือน 30,000 บาท ดังนี้

ระยะเวลาผ่อนชำระ / วงเงินกู้บ้านหลังแรกสูงสุด

  • 15 ปี / 2,160,000 บาท
  • 20 ปี / 2,880,000 บาท
  • 25 ปี / 3,600,000 บาท
  • 30 ปี / 4,320,000 บาท
  • 35 ปี / 5,040,000 บาท

ไม่ใช่ พนักงานประจำ ซื้อบ้าน

5 เอกสารสำหรับกู้บ้านหลังแรกที่สำคัญ

ธนาคารส่วนใหญ่ต้องการเอกสารสำคัญ 5 หมวดหมู่นี้ สำหรับยื่นกู้บ้าน ได้แก่

1. เอกสารส่วนตัว

ธนาคารต้องการทราบข้อมูลเบื้องต้นของว่าที่ลูกหนี้ว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน มีประวัติพื้นฐานเป็นอย่างไร เพื่อยืนยันว่าลูกหนี้มีตัวตนจริง ได้แก่

- บัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรที่ทางราชการออกให้
- ใบเปลี่ยนชื่อ สกุล ถ้ามี
- หากสมรสแล้วจะขอดูเอกสารสำเนาทะเบียนสมรส พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของคู่สมรส

กรณีสมรสแล้ว ก็ต้องมีหนังสือยินยอมถามความสมัครใจจากคู่สมรสแนบอยู่ในสัญญาด้วย

2. เอกสารทางการเงิน

ธนาคารจะออกสินเชื่อกู้บ้านหลังแรกให้แก่ผู้ที่มีรายได้แน่นอนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ หรือเจ้าของกิจการ ก็จะกำหนดรายละเอียดไว้อย่างชัดเจน เอกสารการขอสินเชื่อกู้บ้านที่ใช้แสดงสถานภาพทางการเงิน ได้แก่

- กรณีเป็นพนักงานประจำ ใช้หนังสือรับรองเงินเดือน, สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน, สำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน

- กรณีเจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ใช้เอกสารสำเนาเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน และหลักฐานการเงินอื่นๆ ฉบับจริงเท่านั้น หากจดทะเบียนต้องใช้สำเนาทะเบียนการค้า (ทะเบียนบริษัท หรือ ทะเบียนห้างหุ้นส่วน), หลักฐานการเสียภาษีเงินได้, รูปถ่ายกิจการ กรณีเป็นวิชาชีพเฉพาะ ใช้สำเนาใบประกอบวิชาชีพด้วย

นอกจากเอกสารแสดงสถานะทางการเงินในที่กล่าวมานี้ หากคุณเพิ่งเริ่มต้นกู้บ้าน แต่เคยกู้ซื้อทรัพย์สินอื่นๆ แต่ปิดปัญชีหมดแล้ว หรือเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินอื่นๆ ก็สามารถยื่นเพิ่มเติมได้เพื่อเป็นหลักประกันว่ามีรายได้เพียงพอที่จะใช้หนี้ ส่วนใหญ่หากกู้ผ่านตัวแทน หรือโครงการบ้านเขาจะแนะนำให้แนบไปเพิ่มเติม

3. หนังสือให้ยินยอมตรวจสถานะประวัติค้างชำระหนี้ 

4. เอกสารหลักประกัน 

หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย เอกสารการวางมัดจำ เป็นสิ่งที่ธนาคารจะใช้พิจารณาเบื้องต้น เพื่อจะเดินทางไปตรวจสอบประเมินมูลค่าสินทรัพย์ เมื่อกู้ผ่านธนาคารจะนำโฉนดเข้าชื่อเป็นของธนาคารก่อน แล้วหากเราผ่อนชำระกับธนาคารหมด ก็จะทำเรื่องเปลี่ยนชื่อมาเป็นของเราภายหลัง

5. เอกสารของผู้กู้ร่วม (ถ้ามี)

การเป็นผู้กู้ร่วม ไม่เหมือนการเป็นผู้ค้ำประกันของสินเชื่ออื่นๆ การกู้ร่วมคือผู้กู้ร่วมต้องยื่นเอกสารแสดงตัวตนและรายได้ รวมถึงเอกสารยินยอมให้ตรวจประวัติค้างชำระหนี้กับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ด้วย ส่วนมากผู้กู้ร่วมจะเป็นญาติพี่น้อง คู่สมรส บิดามารดา

อย่าลืมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อซื้อบ้าน

เมื่อกู้ซื้อบ้านแล้ว เท่ากับว่าคุณก็จะมีภาระทางการเงินที่ต้องดูแลมากขึ้น จึงต้องนำรายจ่ายส่วนนี้มาประเมินกับยอดกู้ซื้อบ้านด้วย เช่น

  • ค่าใช้จ่ายวันโอน ได้แก่ ค่าจดจำนอง, อากรแสตมป์, ค่าประเมินพื้นที่ เป็นต้น
  • ค่าใช้จ่ายเมื่อเริ่มเข้าอยู่ ได้แก่ ค่าจดมิเตอร์น้ำประปาและไฟฟ้า, ค่าเฟอร์นิเจอร์, ค่าต่อเติมเพื่ออยู่อาศัย เป็นต้น
  • ค่าบำรุงรักษารายปี เช่น ค่าส่วนกลาง, ประกันอัคคีภัย, ค่าปรับปรุงบ้าน, ประกันชีวิต เป็นต้น

ไทยรัฐออนไลน์มีคำแนะนำเพิ่มเติมแก่ผู้ที่ต้องการกู้บ้านหลังแรก คือ อายุที่เหมาะสมกับการกู้อยู่ที่ 20 - 40 ปี เพราะธนาคารส่วนใหญ่ให้กู้กับบุคคลที่มีอายุ 20 - 70 ปี เมื่อรวมอายุกับระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 65 - 70 ปี เพราะฉะนั้น ในยามที่ยังมีความสามารถ คนที่เริ่มต้นเข้าสู่วัยทำงานก็ควรคิดเรื่องกู้บ้านไว้ เผื่ออนาคตจะได้กู้พร้อมกับคู่ชีวิต หรือยื่นกู้คนเดียวเพื่อเก็บเป็นทรัพย์สินยามเกษียณ

โลกการทำงานปัจจุบันที่เปิดกว้างมากกว่าสมัยก่อน และด้วยพลังของเทคโนโลยีทำให้เกิดอาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง ซึ่งการขายของออนไลน์ เป็นหนึ่งในอาชีพยอดนิยมของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจของตัวเองและชอบความเป็นอิสระ ทำให้มี “พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์” เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งแม้การขายของออนไลน์จะไม่ได้มีรายได้เป็นเงินเดือนอย่างพนักงานประจำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ในการขอสินเชื่อบ้าน เพียงเรารู้วิธีเตรียมตัวก็สามารถสมัครยื่นเรื่องขอสินเชื่อบ้านได้ไม่ยากเลย


ขายฟูลไทม์ ก็กู้ได้ไม่ต่างจากมนุษย์เงินเดือน


พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวน์โฮม หรือคอนโด ก็สามารถของสินเชื่อกู้ซื้อบ้านไม่ต่างจากมนุษย์เงินเดือน เพราะสถาบันการเงิน เช่น SCB เปิดกว้างให้คนที่มีอาชีพอิสระ รวมถึงอาชีพขายของออนไลน์ มายื่นเรื่องขอสินเชื่อโดยไม่ได้พิจารณาจากเอกสารสลิปเงินเดือนแบบชาวมนุษย์เงินเดือน แต่ใช้การพิจารณาหลักฐานอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าเราค้าขายออนไลน์จริงและมีรายได้ ได้แก่
 

  • ช่องทางขายออนไลน์: เราขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มไหนบ้าง มีร้านค้าบนมาร์เก็ตเพลส อย่าง Lazada, Shopee เว็บไซต์ของร้าน ถ้าขายทาง Social Media เรามียอดคนติดตามในเพจ Facebook, IG, Tiktok ฯลฯ เท่าไร เราลงโพสต์ ไลฟ์สดขายของอะไรอย่างไรบ้างซึ่งเป็นที่มาของรายได้ เตรียมข้อมูลตรงนี้ให้พร้อมทั้งลิงก์และแคปภาพหน้าจอแสดงให้ธนาคารเห็นว่าเราค้าขายออนไลน์จริง
  • ซื้อสินค้ามาจากไหน: หลักฐานที่เราซื้อของมาขาย ซื้อมาจากที่ไหน (จากแหล่งค้าส่ง/สั่งเข้ามาจากประเทศจีน) ราคาต้นทุนเท่าไร เช่นใบเสร็จรับเงิน ใบ invoice รับของ ฯลฯ
  •  เอกสารการส่งสินค้าผ่านขนส่งต่างๆ
  • สมุดบัญชี/ รายการเดินบัญชี (สเตทเมนท์) : แสดงรายการรับเงินว่าขายได้เท่าไร หักลบกับต้นทุน มาดูว่ามีกำไรเท่าไร ซึ่งการขายของออนไลน์ ให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีหรือจ่ายผ่าน QR code มีความได้เปรียบการขายออฟไลน์ที่รับเงินสด เพราะมีเอกสารเดินบัญชีแสดงยอดรับโอนเงินทางออนไลน์ชัดเจน ทำให้ธนาคารพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้คนค้าขายออนไลน์ได้ไม่ยาก

ขายของเป็นอาชีพเสริม ก็เอามายื่นกู้ได้


ส่วนคนที่ทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือน แล้วขายของออนไลน์เป็นอาชีพที่ 2 สร้างรายได้เสริม ถ้าเงินเดือนจากงานประจำไม่ถึงเกณฑ์ที่จะขอสินเชื่อวงเงินที่ต้องการ ในการขอสินเชื่อบ้านกับ SCB เราสามารถเอารายได้จากการขายของออนไลน์มาคิดรวมเพื่อยื่นขอสินเชื่อได้ ตัวอย่างเกณฑ์รายได้ที่จะยื่นกู้วงเงินซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาท แบบกู้เต็ม 100% อยู่ที่ 24,000 บาท  ถ้าเรามีรายได้เงินเดือนจากงานประจำ 20,000 บาท และมีรายได้เสริมจากขายของออนไลน์เดือนละประมาณ 4,000 บาท เราสามารถนำรายได้ที่ขายของออนไลน์มาบวกกับรายได้เงินเดือนประจำ เป็นรายได้รวมทั้งหมด 24,000 บาท เพื่อขอกู้ซื้อบ้านราคา 2 ล้านบาทได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องทำอาชีพเสริมติดต่อกันมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพื่อแสดงถึงความจริงจังในการหารายได้เสริม*


ต้องขอบคุณเทคโนโลยีออนไลน์ที่มาเปลี่ยนโลก สร้างช่องทางอาชีพใหม่ๆ และเปิดโอกาสให้เราสร้างรายได้ได้มากขึ้น ที่สำคัญ ข้อดีของออนไลน์คือข้อมูลทุกอย่างอยู่ในระบบ ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายกว่าเดิม ใครที่กำลังอยากเป็นเจ้าของบ้านในฝันสักหลัง ดูรายละเอียดและติดต่อขอสินเชื่อบ้าน SCB ได้ที่นี่ 

*ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด

ที่มา : สัมภาษณ์คุณกนกวรรณ ใจศรี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Alternative Channel SCB ใน Facebook Live “Home Financial Clinic เคลียร์ ชัด จบ ทุกปัญหาเรื่องบ้าน ตอน “เก็บเงินซื้อบ้านยังไง โดยไม่หวังพึ่งโชคชะตา” ออกอากาศทาง Facebook Sansiri PLC วันที่ 1 พฤษภาคม 2564