Zest - ความกระตือรือร้นคนที่มีอุปนิสัยที่เป็นจุดแข็งด้านความกระตือรือร้น คือคนที่สามารถเติมเต็มความรู้สึกมีชีวิตชีวา ทั้งกับตัวเองและคนรอบตัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรารู้สึกเพลิดเพลินในสิ่งที่ทำ (flow)มีความสนุกสนาน และเพลิดเพลิน ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งคุณลักษณะนี้ถ้าปรากฎอยู่ในตัวเรา ลูกของเรา นักเรียนของเรา เพื่อนของเรา และทีมของเรา จะช่วยให้การทำงานหรือกิจกรรมใดๆเกิดมีสีสัน มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เราสามารถฝึกฝนความกระตือรือร้นของเราเองผ่านประสบการณ์ได้ เช่นการเดินเล่นตามธรรมชาติ หรือการพักผ่อนในสปา การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอื่นๆ และผ่านการฝึกสมาธิเพื่อส่งเสริมการรับรู้ทางประสาทสัมผัสที่จะทำให้เกิดความกระตือรือร้น คนที่มีความกระตือรือร้นมากเกินไปอาจจะแสดงพฤติกรรมต่างๆที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกรำคาญได้ เช่น การถามที่บ่อยเกินไป การแสดงพฤติกรรมที่ดึงดูดหรือเป็นจุดเด่นมากเกินไปจนอาจจะทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจผิดและรู้สึกที่ไม่ดีได้ คนที่ขาดความกระตือรือร้นทำให้ถูกมองเป็นคนน่าเบื่อ เซื่องซึม และ ไร้ชีวิตชีวา ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ถ้าสะสมนานเข้าอาจจะทำให้คนนั้นรู้สึกซึมเศร้า อ่อนแอ จนทำให้รู้สึกล้มเหลวในชีวิตได้ ความกระตือรือร้น ความกระตือรือร้นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของความเพียร เป็นคุณสมบัติที่มาคู่กับความเพียร คนที่มีความกระตือรือร้น คือ คนที่มีความเพียรนั่นเอง เป็นคนที่มีความรักก้าวหน้า และรู้จักรับผิดชอบหน้าที่ได้ดีที่สุด คนกระตือรือร้นคือคนที่รักหน้าที่การงาน ตรงข้ามกับคนเฉื่อยชาซึ่งอาจเบื่อการทำงานหรือเกียจคร้านที่จะทำงาน วิธีที่จะสร้างความกระตือรือร้น ทางจิตวิทยาสอนว่าให้คนมีจุดหมายปลายทาง ให้ใฝ่สูงในการทำงานหรือให้ทำงานแข่งขันกับคนอื่นหรือแข่งกับเวลา การใฝ่สูงในการทำงาน เขาสอนว่าให้ดูคนที่เก่งกว่าเราหรือตำแหน่งสูงกว่าเราขั้นหนึ่ง พยายามไล่ให้ทันเขา การแข่งขันย่อมทำให้เรามีมานะมากกว่าปกติและพยายามทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น เป็นที่น่าแปลกอย่างหนึ่ง คือ คนทางเอเชียมักจะขาดความกระตือรือร้น ขวนขวาย ไม่เหมือนชาวยุโรปและอเมริกา อาจเป็นเพราะทวีปเอเชียมีสภาพสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารและมีอากาศอบอุ่นกว่า ที่ใดมีความสุขสบาย มีความสะดวก มีความอุดมสมบูรณ์ ประชากรย่อมขาดความกระตือรือร้น ที่ใดที่มีภูมิอากาศลำบากมากย่อมอดทนและขวนขวายมาก ชาวยุโรปส่วนมากถือว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง เขาจะเดินอย่างเร็วที่สุดเพื่อต่อสู้กับความหนาวอย่างหนึ่งซึ่งผิดกับชาวเอเชียโดยสิ้นเชิง สาเหตุที่ขาดความกระตือรือร้นมิใช่มีแต่จะเกิดจากลมฟ้าอากาศร้อนแบบเมืองไทยอย่างเดียว แต่เกิดจากสุขภาพไม่อำนวยก็มี คนบางคนทำงานมากหน่อยก็มึนศีรษะ เพลียการต้องพักผ่อน เป็นคนที่ไม่ทนทานต่องานฉะนั้นการที่เราจะเป็นคนกระตือรือร้นได้ ต้องมีสุขภาพที่ดีก่อน วิธีรักษาสุขภาพนั้น พวกเราก็รู้กันดีอยู่แล้ว ถ้าพวกเราทุกคนรู้จักปลูกฝังจิตสำนึกให้เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาก็จะทำให้เราเป็นคนที่มีความขยันและรู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ ความก้าวหน้าในชีวิตก็จะเกิดขึ้นและจะทำให้เราประสบความสำเร็จในการงานและทุก ๆ เรื่องที่เราต้องการ ถ้าคนเรามีความกระตือรือร้น มีความขยัน อดทน มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน มีความมุมานะ รักความก้าวหน้า และทำทุกๆอย่างด้วยความตั้งใจจริง ก็จะส่งผลให้ผู้นั้นประสบแต่ความสำเร็จในชีวิต โดย สมิต อาชวนิจกุล ปัจจุบันเรื่องที่น่าปวดหัวมากสำหรับผู้จัดการหรือหัวหน้างาน คือการจูงใจให้คนเกิดความกระตือรือร้นในการทำงานเพิ่มขึ้น เพราะความต้องการของผู้บริหารมีค่อนข้างสูง เนื่องจากการแข่งขันเพื่อให้ธุรกิจเติบโตและอยู่รอดนั้นทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ทีมงานก็รู้สึกว่างานเยอะ งานยาก ทำไม่ค่อยไหว เกิดอาการท้อถอยกันไปตามๆ กัน ผู้จัดการ /
หัวหน้างานก็พยายามหาแรงจูงใจมาเชิญชวนให้ทีมงานขยันและกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น ก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง วันนี้อยากเล่าเรื่องที่ใช้โค้ชชิ่งให้ผู้อื่นเกิดความกระตือรือร้นมากขึ้น ดังนี้ครับ สาเหตุคนขาดความกระตือรือร้นเพราะ... โค้ชเป็นเพียง กระจกเงาสะท้อนให้โค้ชชี่มองเห็นตัวเอง แล้วค้นหาวิธีการของตัวเองโดยการใช้คำถามให้โค้ช ชี่เป็นผู้คิดเห็น จนกระทั่งได้คำตอบของตัวเองกับหัวข้อ (Keywords) ที่เราคิดไว้คร่าวๆ ก็จะทำให้โค้ชชี่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ด้วยตัวเองครับ
ตัวอย่างคำถามต่างๆ เช่น งานนี้มีคุณค่าหรือประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าทำสำเร็จครับ? การคิดวิธีการต่างๆ เพื่อทำให้งานสำเร็จคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนครับ? คุณคิดว่าควรใช้วิธีการอย่างไรเพื่อทำให้งานสำเร็จครับ? ปัญหา / อุปสรรคที่เจออยู่คือเรื่องอะไรบ้างครับ? คุณพอจะสรุปแนวทางเพื่อเอาชนะปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่? คุณคิดว่าจะเริ่มลงมือทำหน้าที่ที่คิดไว้เมื่อไรครับ? โค้ชต้องเชื่อมั่นว่า โค้ชชี่มีความสามารถเพียงพอและ มีศักยภาพเหลืออยู่ เพียงแต่ยังมองเห็นตัวเองไม่ชัดเจน ดังนั้น ถ้าโค้ชพยายามถาม เพียงให้โค้ชชี่คิดแล้วแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของตัวเองจากคำถามต่างๆ ก็จะทำให้โค้ชชี่มีวิธีการของตัวเองแน่นอนครับ ผมจะใช้การพูดคุยในการใช้คำถามและรับฟังจนกระทั่งโค้ชชี่ อยากเริ่มลงมือทำ มีวิธีการของตัวเอง้ เข้าใจและแนวคิดของตัวเอง ผมก็จะหยุดการโค้ชชิ่งเพราะโค้ชชี่สามารถจูงใจตัวเองให้ กระตือรือร้นได้เรียบร้อยแล้วครับ |