Show
ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกองค์กรธุรกิจ เป็นโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด ความเสียหาย การรั่วไหล ความสูญเปล่าหรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต และมีผลกระทบ ที่จะทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ที่กำหนดไว้ งานบัญชีเป็นงานที่มีความสำคัญมากของทุกองค์กร มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลบัญชีและ การเงิน ซึ่งต้องมีความถูกต้องสำหรับผู้ประกอบการนำไปใช้ในการตัดสินใจ และมีความน่าเชื่อถือ สำหรับบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามงานบัญชีก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดซึ่งจะก่อ ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ผู้ประกอบการจะรับมือกับความเสี่ยงในงานบัญชีได้อย่างไร บทความนี้ มีคำตอบความเสี่ยงที่พบในงานบัญชีความเสี่ยงที่พบในงานบัญชี ประกอบด้วย 1.ความเสี่ยงจากลักษณะธุรกิจ
(Inherent Risk หรือ IR) หรือความเสี่ยงสืบเนื่อง เป็นความเสี่ยงที่มีอยู่โดยธรรมชาติในธุรกิจหรือกิจกรรมแต่ละอย่าง เกิดขึ้นจากลักษณะของธุรกิจ ความ เสี่ยงนี้จะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อมีการตัดสินใจทำธุรกิจหรือดำเนินกิจกรรมนั้น 1.1 ความเสี่ยงสืบเนื่องในระดับงบการเงินเป็นการพิจารณาความเสี่ยงจากงบการเงินโดยรวม ว่างบการเงินมีโอกาสแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริง ที่เป็นสาระสำคัญได้อย่างไร โดยปัจจัยที่ใช้ประเมินความเสี่ยงสืบเนื่องในระดับของงบการเงิน ได้แก่ – ลักษณะธุรกิจของกิจการ – ความซื่อสัตย์และประสบการณ์ของผู้บริหาร – แรงกดดันที่ผิดปกติต่อผู้บริหาร – ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่กิจการดำเนินอยู่ 1.2 ความเสี่ยงสืบเนื่องในระดับของยอดคงเหลือในบัญชีและประเภทของรายการ เป็นการพิจารณาในรายละเอียดของรายการมากกว่าในระดับของงบการเงิน ได้แก่ 2. ความเสี่ยงจากการควบคุม (Control Risk หรือ CR)เป็นความเสี่ยงที่ระบบบัญชีของกิจการไม่สามารถป้องกันหรือตรวจพบและแก้ไข การแสดงข้อมูล ที่ขัดต่อข้อเท็จจริงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันเวลา หรือเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากระบบการควบคุม
ภายในที่ไม่มีประสิทธิภาพ – กิจการไม่มีการอนุมัติรายการก่อนการจ่ายเงิน ทำให้มีการจ่ายเงินซ้ำซ้อน หรือมีรายจ่ายที่ไม่ใช่รายจ่ายของกิจการ แนวทางในการจัดการความเสี่ยงในการจัดการความเสี่ยง ในที่นี้ขอนำแนวคิดของ COSO (The Committee of Sponsoring Organizations of the Tread Way Commission) 1. การวางระบบควบคุมภายในการควบคุมภายในเป็นเครื่องมือในการจัดการที่เป็นกลไกพื้นฐานของกระบวนการกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรให้ดำเนินงานไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์ของการควบคุมภายใน 1. ความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน (Effective and Efficiency of Operation หรือ O)
เป็นวัตถุประสงค์ที่มุ่งเน้นให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ขององค์กร ประเภทของการควบคุมภายในการควบคุมภายในแบ่งออกเป็น 5 ประเภทดังนี้ 1.การควบคุมแบบป้องกัน (Preventive Control) 2. การควบคุมแบบค้นพบ (Detective Control) 3. การควบคุมแบบแก้ไข (Corrective Control) 4. การควบคุมแบบส่งเสริม (Directive Control) 5. การควบคุมแบบชดเชย (Compensating Control) แนวทางการวางระบบการควบคุมภายในมีแนวทางดังต่อไปนี้ 1. การกำหนดวัตถุประสงค์ของกิจกรรมการควบคุมภายใน 2. แนวทางการกำหนดหรือออกแบบระบบการควบคุมภายใน 3 .การติดตามประเมินผล 2.การบริหารความเสี่ยง (Enterprise Risk Management)ตามแนวทางกรอบจัดการความเสี่ยงของ COSO (COSO ERM : Enterprise Risk Management) การบริหารความเสี่ยงเป็นกระบวนการที่เป็นผลมาจากผู้บริหารและบุคลากรขององค์กรร่วมกัน วัตถุประสงค์ของการบริหารความเสี่ยง 1. วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ (Strategic :S); 2. วัตถุประสงค์การดำเนินงาน (Operations :O) 3. วัตถุประสงค์การรายงาน (Reporting: R) 4. วัตถุประสงค์การปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ (Compliance :C) แนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยง ในการบริหารจัดการความความเสี่ยง เริ่มจากการระบุเหตุการณ์ (Event Identification) โดยแยก เหตุการณ์ที่เป็นโอกาสออกจากความเสี่ยง ทำการระบุความเสี่ยง จากนั้นก็ประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) 1. การยอมรับความเสี่ยง (Accept Risk) 2. การลดหรือควบคุมความเสี่ยง (Control/Treat/Mitigate Risk) 3. การกระจายความเสี่ยงหรือการโอนความเสี่ยง (Transfer/Share Risk) 4. การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Avoid/Terminate Risk)
ผู้ประกอบการจึงควรเลือกแนวทางการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่ทำให้ความน่าจะเป็นและผลกระทบ จากความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ จากนั้นจึงควรกำหนดนโยบายและวิธีปฏิบัติซึ่งจะช่วย ให้เกิด การจัดวางระบบการควบคุมภายในและการบริหารจัดการความเสี่ยงดังที่กล่าวมา เป็นแนวทางที่จะช่วย ผู้ประกอบการรับมือความเสี่ยงในงานบัญชีได้ นักบัญชีขององค์กรสามารถมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!Credit : https://peakaccount.com/blog วิธีการจัดการความเสี่ยง มีกี่วิธี อะไรบ้าง กำหนดความชัดเจนในจุดประสงค์ของธุรกิจ ... . คาดการณ์ความเสี่ยง ... . ประเมินความเสี่ยงที่จะทำให้คุณไม่บรรลุจุดประสงค์ ... . จัดการกับความเสี่ยง ... . ควบคุมความเสี่ยง ... . ติดตามผล. การจัดการความเสี่ยง มี4 วิธี อะไรบ้าง1. การลดความเสี่ยง (Risk Reduction) ... . 2. การโอนความเสี่ยง (Risk Transfer) ... . 3. การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Risk Avoidance) ... . 4. การรับความเสี่ยงไว้เอง (Risk Acceptance/Retention). กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงคือข้อใด5. การจัดการความเสี่ยง (Risk Responses) การพิจารณากำหนดกลยุทธ์ในการจัดการความเสี่ยงโดยจะเลือกใช้กลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่งหรือหลายกลยุทธ์รวมกันก็ได้ เพื่อให้ระดับความเสี่ยงลดลงมาอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งกลยุทธ์ในการจัดการความเสี่ยงประกอบด้วย 4 กลยุทธ์ (4T) ได้แก่ การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Terminate), การถ่ายโอนความเสี่ยง ...
การบริหารความเสี่ยงในองค์การประกอบไปด้วยอะไรบ้างขั้นตอนการบริหารความเสี่ยง แบ่งออกได้ 8 องค์ประกอบคือ สภาพแวดล้อมภายในองค์กร การกำหนดวัตถุปะสงค์ การบ่งชี้เหตุการณ์ การประเมินความเสี่ยง การตอบสนองความเสี่ยง กิจกรรมการควบคุม ข้อมูลและการติดต่อสื่อสาร และการติดตาม
|