สรุปเนื้อหา พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 ที่ปรับปรุงแก้ไข พ.ศ.2562 ผู้อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 1. ผู้ทำ: • ผู้ทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีกฎกระทรวงกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) ต้องขอรับใบอนุญาต จากเลขาธิการ สมอ. ก่อนทำผลิตภัณฑ์ (มาตรา 20) และต้องทำผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรา 29) เว้นแต่ กรณีที่เป็นการทำเพื่อการวิจัยและพัฒนา การทำเพื่อทดลองกระบวนการผลิต ไม่ต้องขอรับใบอนุญาต แต่ผู้ทำต้องแจ้งต่อ สมอ. ก่อนเริ่มทำผลิตภัณฑ์นั้น และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ละเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด • ผู้ทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีประกาศกำหนดมาตรฐาน (มาตรฐานทั่วไป) และประสงค์จะแสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์นั้น สามารถยื่นขอรับใบอนุญาตจากเลขาธิการ สมอ. เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้วจึงจะมีสิทธิแสดงเครื่องหมายมาตรฐานก่อนนำผลิตภัณฑ์นั้นออกจากสถานที่ผลิต (มาตรา 16) และต้องแสดงเครื่องหมายกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรา 35) 2. ผู้นำเข้า: • ผู้นำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีกฎกระทรวงกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) เข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร ต้องขอรับใบอนุญาตจากเลขาธิการ สมอ. ก่อน รับมอบผลิตภัณฑ์ไปจากเจ้าพนักงานศุลกากร (มาตรา 21) และต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรา 29) เว้นแต่ กรณีที่นำเข้ามาโดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร ไม่ต้องขอรับใบอนุญาต แต่ต้องแจ้ง สมอ. ก่อนรับมอบผลิตภัณฑ์ไปจากเจ้าพนักงานศุลกากร และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด (มาตรา 21วรรค 2) • กรณีนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีกฎกระทรวงกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน(มาตรฐานบังคับ) เข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือวิธีอื่นใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรทั้งหมด ไม่ต้องขอรับใบอนุญาต แต่ต้องแจ้ง สมอ. ก่อนเริ่มนำเข้าผลิตภัณฑ์ (มาตรา 21 ตรี) 3. ผู้จำหน่าย (มาตรา 36) • ผู้ใดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีกฎกระทรวงกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ)จะต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำหรือนำเข้าโดยผู้ได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. และต้องเป็นไปตามมาตรฐาน โดยบนตัวผลิตภัณฑ์ต้องมีการแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน พร้อมทั้งระบุเลข มอก. และชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตจาก สมอ. ย่อมเป็นการดีที่คุณพ่อคุณแม่จะจัดเตรียมเสื้อผ้าหรือของใช้จำเป็นสำหรับลูกน้อยก่อนคลอดเผื่อไว้หลาย ๆ วัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อให้ครบถ้วนในคราวเดียว เพราะอาจจะเป็นการเร่งตัวเองให้เครียดได้โดยไม่รู้ตัว หรือถ้าซื้อมาไว้มากจนใช้ไม่หมดก็จะเป็นการเปลืองเงินเปล่า ๆ อย่างเช่นเสื้อผ้าเด็กอ่อนจะใช้ได้ไม่นานเพราะลูกน้อยนั้นโตเร็วมาก ให้หาซื้อมาแค่พอใช้ก็พอแล้ว ส่วนเตียงหรือเปลก็ควรเลือกซื้อที่มีขนาดใหญ่หน่อยเพื่อจะใช้ได้หลายปี และทุกครั้งที่เลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ใด ๆ ก็ตาม คุณแม่จะต้องนึกถึงความปลอดภัยของลูกมาเป็นอันดับแรก และต้องแน่ใจว่าเหมาะสมและตอบสนองต่อความต้องการของลูก หากคุณแม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกมาก่อน การปรึกษากับผู้ที่มีลูกมาแล้วว่าควรซื้ออะไรหรือไม่ซื้ออะไร หรืออาจหยิบยืมจากญาติพี่น้องมาใช้ก็ยังได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินได้มากขึ้น “พ่อแม่บางคนเชื่อว่าการเตรียมของให้ลูกก่อนคลอดเป็นลางไม่ดี เพราะอาจทำให้เสียลูก แต่ถึงอย่างไรการเตรียมของล่วงหน้าก็มีข้อดีคือช่วยลดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหลังคลอดได้ ซึ่งคุณแม่อาจเหนื่อยเกินกว่าที่จะออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ด้วยตัวเอง” การเตรียมของใช้สําหรับทารกแรกเกิด
ของใช้เด็กแรกเกิด1.) หมวดห้องนอนสำหรับลูก คุณพ่อคุณแม่ควรคิดจัดเตรียมห้องลูกเอาไว้ให้เรียบร้อยก่อนคลอด เพราะช่วงหลังคลอดอาจไม่มีเวลาให้จัดเตรียม เพราะต้องมายุ่งอยู่กับการเลี้ยงดูลูกน้อย ถ้าเป็นไปได้ลูกน้อยควรมีห้องเป็นของตัวเองใกล้กับห้องของพ่อแม่ แต่ถ้าไม่มีห้องต่างหากก็ควรจัดเตรียมมุมหนึ่งให้เป็นที่ตั้งเตียง เก็บเสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยมุมนั้นไม่ควรจะอยู่ในที่อับทึบ ในห้องควรให้มีการระบายอากาศได้ดีและมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เพื่อลูกน้อยจะได้นอนหลับได้สนิทและนาน ซึ่งจะช่วยเป็นการฝึกนิสัยการนอนที่ดีต่อไป นอกจากนี้ควรจัดแต่งห้องนอนด้วยสีสันสดใส วัสดุอุปกรณ์มีลวดลายสวยงามน่ารัก และเครื่องใช้ของลูกควรจะเผื่อให้ใช้จนลูกไปโรงเรียน
2.) หมวดที่นอนของลูก ทารกในช่วง 2-3 เดือนแรกยังตัวเล็กอยู่มาก คุณแม่อาจให้ลูกนอนในเปลหรือตะกร้า หรือปูเบาะนอนบนพื้นสะอาด ๆ คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจให้ลูกน้อยไปนอนบนเตียงด้วย แต่ไม่ว่าจะให้ลูกนอนแบบไหน ที่นอนของลูกควรมีขนาดที่เหมาะสมพอดีกับเตียง ลูกนอนได้สบาย (แต่ไม่นิ่มจนเกินไป) และกันน้ำได้ คุณแม่ไม่ควรเลือกที่นอนเพราะความสวยงาม หรือที่นอนนุ่ม ๆ แต่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก อย่างเช่นที่นอนที่มีลูกไม้หรือริบบิ้นรุงรัง อาจทำให้เส้นด้ายพันนิ้วลูกได้ สำหรับหมอนนั้นทารกไม่จำเป็นต้องใช้เลยครับ รวมทั้งตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อยก็ไม่ควรนำมาใส่ไว้ในที่นอนหรือเตียง เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น ไปปิดกั้นการหายใจของลูกได้ และที่สำคัญที่นอนควรมีผ้านวมบุอยู่โดยรอบด้วยครับ เมื่อลูกพลิกคว่ำจะได้ไม่ชนกับลูกกรงของขอบเตียง
3.) หมวดอุปกรณ์อาบน้ำและการทำความสะอาด คุณแม่คนไทยมักถนัดอาบน้ำลูกในอ่างที่วางกับพื้น แต่คุณแม่ก็สามารถอาบน้ำให้ลูกในอ่างล้างหน้าหรืออ่างที่วางไว้บนโต๊ะก็ได้ ไม่ต้องลุกนั่งให้ปวดเมื่อย แต่ควรเลือกเครื่องใช้อาบน้ำที่แข็งแรง ใช้ได้สะดวก และอาจจะมีของเล่นลอยน้ำสีสันสดใสด้วยก็ได้ จะช่วยให้การอาบน้ำของลูกเป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น
4.) หมวดเสื้อผ้า เสื้อผ้าสำหรับเด็กอ่อนมีให้คุณแม่เลือกได้มากมาย ทั้งมีสีสันสดใส รูปแบบน่ารัก เหมาะสมกับลูกน้อยและสภาพอากาศ แต่สิ่งที่คุณแม่ควรคำนึงถึงก็คือ ราคาจะต้องไม่แพงจนเกินไป (เพราะเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 เดือน ลูกก็จะใส่เสื้อผ้าตอนแรกคลอดไม่ได้แล้ว) และลูกใส่แล้วสบายและปลอดภัย
คำแนะนำในการเลือกซื้อผ้าให้ลูกน้อย
5.) ผ้าอ้อม 2 โหล & ผ้าอ้อมสำเร็จรูปหรือแพมเพิร์ส 2 กล่อง ในช่วงเดือนแรกให้ใช้ผ้าอ้อมสาลูจะเหมาะที่สุดครับ เพราะน้องจะถ่ายบ่อยและผิวยังอ่อน (ผ้าสาลูกเมื่อยิ่งซักจะยิ่งนุ่ม คราบเปื้อนซักออกได้ง่าย และแห้งไว ส่วนผ้าฝ้ายและผ้าสำลีก็นุ่มเหมือนกันครับ แต่จะซักคราบออกได้ยากกว่า) ผ้าอ้อมแต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกันไม่มากครับ ขอให้นุ่มและโปร่งไม่อับชื้นก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนผ้าอ้อมสำเร็จรูปก็ควรซื้อไว้บ้างเพื่อความสะดวกในการผลัดเปลี่ยนหรือเวลามีธุระต้องออกไปนอนนอกบ้าน แต่คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะเริ่มใช้ตั้งแต่เมื่อลูกมีอายุได้สองเดือนครับ หรือถ้าเป็นเด็กแรกเกิดก็จะใช้เฉพาะตอนกลางคืน ส่วนจะใช้ยี่ห้อไหนนั้นก็ต้องลองใช้ดูก่อนครับ เพราะเด็กบางคนแพ้ไม่แพ้ไม่เหมือนกัน บางคนก็ใช้ได้ทุกยี่ห้อ แต่เด็กบางคนก็ใช้ได้เพียงไม่กี่ยี่ห้อ
6.) หมวดอุปกรณ์การกิน
7.) หมวดยาสามัญประจำบ้านสำหรับเด็ก
8.) หมวดของใช้สำหรับการเดินทาง เมื่อพาเจ้าตัวเล็กออกนอกบ้าน คุณพ่อคุณแม่คงต้องเตรียมอุปกรณ์ของใช้กันให้พร้อม เพื่อความสะดวกสบายของครอบครัว อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้สอยต่าง ๆ จะต้องคำนึงถึงการใช้งานว่าจำเป็นแค่ไหน ต้องใช้บ่อยเพียงไร และจะมีที่เก็บหรือไม่ และสิ่งที่คุณแม่ควรทราบอีกเรื่องก็คือ “การให้ลูกอยู่ในที่นั่งมากเกินไป อาจทำให้ลูกขาดโอกาสปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ได้ เวลาให้นมหรือป้อนอาหารคุณแม่ควรเปลี่ยนมาอุ้มบ้าง เพื่อให้ลูกรู้สึกอบอุ่น”
9.) หมวดของใช้สำหรับส่งเสริมพัฒนาการ
10.) หมวดของใช้จำเป็นอื่น ๆ & เบ็ดเตล็ดทั่วไป
หมายเหตุ : ของใช้จำเป็นหรือของใช้ที่ควรมีถ้าหากขาดตกตรงไหนรบกวนช่วยแจ้งมาทางข้อความด้วยนะครับ เอกสารอ้างอิง
ภาพประกอบ : yooleku.co, www.kidsologie.net, www.ikea.com, www.weloveshopping.com, tarad.com, www.designrulz.com, www.lazada.co.th, th.aliexpress.com, www.huffingtonpost.co.uk เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai) เมดไทย เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด |