สัญญาณชีพ หรือ ชีวสัญญาณ (Vital signs) เป็นอาการที่แสดงสัญญาณถึงการมีชีวิตของมนุษย์ เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปเพื่อให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความปกติของชีวิต Show สัญญาณชีพหลัก มี 4 อย่าง ได้แก่ 1. อุณหภูมิร่างกาย (Body Temperature ย่อว่า T) ในบางสถานการณ์อาจมีค่าอื่นๆ ที่นำมาประเมินร่วมกับสัญญาณชีพ แล้วเรียกว่าเป็น "สัญญาณชีพที่ 5" หรือ "สัญญาณชีพที่ 6" ได้ ค่าอื่นๆ เหล่านี้ เช่น ระดับความเจ็บปวด ระดับน้ำตาลในเลือด ความอิ่มตัวออกซิเจน เป็นต้น ค่าสัญญาณชีพพื้นฐานเหล่านี้ แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ขึ้นกับ อายุ เพศ สภาพร่างกาย สภาพแวดล้อม ห้วงเวลาขณะที่ตรวจ การตรวจวัดค่าเหล่านี้ ในเบื้องต้น ก็คือการตรวจสอบว่าร่างกายมีความผิดปกติไปหรือไม่ นั่นเอง ในภาวะปกติสัญญาณชีพอาจเปลี่ยนแปลงได้บ้าง แต่หากเมื่อใดพบความผิดปกติมากขึ้น นั่นหมายถึงร่างกายอาจมีปัญหาสุขภาพได้ ลักษณะเบื้องต้นที่สัญญาณชีพสื่อออกมาว่าร่างกายผิดปกติ เช่น ระดับออกซิเจนไม่เพียงพอ ระดับต่ำ ร่างกายเสียน้ำมาก ร่างกายมีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกิน การติดเชื้อโรค อัตราการเต้นหัวใจเร็วหรือช้าผิดปกติ เป็นต้น "เวลาไปโรงพยาบาล ที่คุณพยาบาล ให้ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน ก็คือการวัดสัญญาณชีพ นี่เอง" 4 สัญญาณชีพพื้นฐาน1. อุณหภูมิร่างกาย (Body Temperature ย่อว่า T) อุณหภูมิร่างกายเป็นตัววัดความสมดุลการสร้างความร้อนกับการสูญเสียความร้อน ของร่างกาย มี 2 ชนิดคือ อุณหภูมิในร่างกาย วัดได้จากทางปาก หรือ ทวารหนัก และ อุณภูมิผิว วัดทางรักแร้หรือหน้าผาก อุณหภูมิร่างกายมนุษย์ ปกติและคงที่อยู่ที่ 36-37 องศาเซลเซียส อาจแตกต่างกันได้ ตามสภาพร่างกาย วัย เพศ ระดับฮอรโมน การออกกำลังการ อาหารที่กิน สภาวะไม่ปกติ ถ้าอุณหภูมิสูงเกิน 37.5 คือ การมีไข้ (Fever, Hyperthermia) เป็นไข้ต่ำ หากสูงระดับ 39.5-40 เรียกไข้สูง เกิน 40.5 เรียกว่าไข้สูงมาก อันตรายมาก ในเด็กอาจชัก ในผู้ใหญ่ อาจเพ้อ หลอนได้ หากสูงถึง 43-45 องศา อาจเสียชีวิตได้ใน 2-3 ชั่วโมง อุณหภูมิต่ำ กว่า 34-35 องศาฯ ถือว่าผิดปกติ การไหลเวียนเลือดจะช้าลงหรือหยุดทำงาน เป็นภาวะอันตรายเช่นกัน 2. ความดันโลหิต (Blood pressure ย่อว่า BP) ความดันโลหิต คือแรงดันที่หัวใจต้องทำงานในการสูบฉีดโลหิต หน่วยเป็นมิลลิเมตรปรอท (มม.ปรอท หรือ mm.Hg) ค่าความดันมี 2 ค่า คือ 1) จังหวะที่หัวใจบีบตัว และ 2) จังหวะที่หัวใจคลายตัว ค่าความดันขณะหัวใจบีบตัวจะสูงกว่าขณะคลายตัว ค่าความดันโลหิตปกติ อยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท แต่ระดับที่แสดงว่าสุขภาพดี คือ 110/70 3. อัตราการหายใจ (Respiratory rate ย่อว่า RR หรือ R) คือกระบวนการแลกเปลี่ยน ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ ร่างกายหายใจนำออกซิเจนเข้าและขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป การหายใจมี 2 แบบคือ หายใจภายนอก คือระบบแลกเปลี่ยนอากาศระหว่างปอดกับอากาศภายนอก และ หายใจภายใน คือการแลกเปลี่ยนออก ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในระหว่างเซลล์ต่างๆในร่างกายกับเส้นเลือด อัตราการหายใจ ปกติในผู้ใหญ่ อยู่ที่ 20-26 ครั้ง/นาที เด็กวัยรุ่น16–25 ครั้งต่อนาที เด็กแรกเกิด 30-50 ครั้ง/นาที ผู้ใหญ่ขณะออกกำลังกาย 35–45 ครั้งต่อนาที 4. ชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Pulse หรือ Pulse rate ย่อว่า P) คืออัตราการเต้นของหัวใจ วัดจากการหดและขยายตัวของผนังเส้นเลือด ที่เกิดจากการบีบตัวของหัวใจ จังหวะการเต้นของเส้นเลือดก็คือจังหวะการเต้นของหัวใจ นั่นเอง การตรวจชีพจร ทั่วไปจะคลำที่ตำแหน่งเส้นเลือดแดง บริเวณข้อมือด้านนอก จะพบง่ายที่สุด ตำแหน่งอื่นๆ ก็คลำได้เช่นกัน อาทิ ที่คาง ขมับ ขาหนีบ อัตราปกติคือ 70-80 ครั้ง/นาที ในผู้ใหญ่ 90-130 ครั้ง/นาที ในเด็ก ผู้ใหญ่หากเกิน 100 ครั้ง/นาที หรือ ต่ำกว่า 60 ครั้ง/นาที ถือว่าผิดปกติ ชีพจรจะเพิ่มขึ้น 7-10 ครั้ง/นาที เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น 0.56 องศาฯ V i t a l S i g n s สัญญาณชีพ (V/S) หมายถึง อาการสำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิตที่ช่วยบอกถึงความปกติหรือความผิดปกติของร่างกาย ประกอบด้วย 4 อาการแสดง (Sign อาการที่แพทย์สามารถตรวจพบได้) คือ อุณหภูมิ ชีพจร การหายใจ และความดันโลหิต สัญญาณชีพเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงสภาวะสุขภาพของบุคคล การวัดสัญญาณชีพใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินสภาวะสุขภาพของ ผู้ป่วย การเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพสามารถบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในการทำหน้าที่ของร่างกายได้
สัญญาณชีพ เป็นอาการที่สามารถตรวจวัดได้ด้วยวิธีการง่ายๆ อาจด้วยตนเอง ยกเว้น ความดันโลหิตที่ต้องมีเครื่องวัด แต่ก็เป็นเครื่องที่ผู้ใหญ่ทุกคนสามารถใช้ได้ ใช้เป็น สัญญาณชีพ เป็นตัวบอกความมีชีวิต ใช้ประเมินการทำงานของทุกอวัยวะในร่างกายโดยเฉพาะ หัวใจปอด และสมอง นอกจากนั้น ยังมีประโยชน์ทั้งในการประเมิน วินิจฉัยสุขภาพเบื้อง ต้น อาจช่วยวินิจฉัยโรคได้ และยังใช้ในการตรวจติดตามและประเมินผลการรักษา ค่าของสัญญาณชีพของแต่ละบุคคล ปกติจะไม่เท่ากัน ขึ้นกับ อายุ เพศ และตรวจใน ขณะพัก หรือหลังการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะการออกแรง และเมื่อเกิดความผิดปกติหรือเกิดโรค ค่าของสัญญาณชีพก็จะเปลี่ยนแปลงผิดปกติ เช่น เมื่อมีไข้ ชีพจร อัตราการหายใจ จะสูง ขึ้น ความดันโลหิตอาจสูงหรือต่ำอุณหภูมิร่างกายอาจสูงหรือต่ำกว่าปกติ ขึ้นกับความรุนแรงของโรค เป็นต้น ค่าปกติในผู้ใหญ่
ข้อบ่งชี้ในการวัดสัญญาณชีพ
อุณหภูมิของร่างกาย (Temperature)อุณหภูมิของร่างกายเป็นความสมดุลระหว่างความร้อนที่ร่างกายผลิตขึ้นกับความร้อนที่สูญเสียไปจาก ร่างกาย (การควบคุมอุณหภูมิ - Thermoregulation) 1. อุณหภูมิภายใน (core body temperature)
Critical range or set point = 36.7 – 37 c (98 – 98.6 F ) 2. อุณหภูมิบริเวณผิว (Surface temperature)
การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
1. กลไกของร่างกาย (Physiological mechanisms) 1.2 BMR (Basal metabolic rate) อัตราการใช้พลังงานของร่างกายเพื่อดำรงกิจกรรมที่จำเป็น เช่น การหายใจ(breathing) Metabolic rate ลดลง สัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น 1.3 การทำงานของกล้ามเนื้อ (muscular activity) เช่น อาการหนาวสั่น (shivering) อาการสั่นเพิ่มการผลิตความร้อนได้4-5 เท่า มากกว่าปกติ 1.4 การเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนไทร็อกซิน (thyroxine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ การเพิ่มไทร็อกซิน ทำให้เพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในเซลล์มากขึ้น ซึ่งมีผลให้เพิ่มความร้อนมากขึ้น การเพิ่มของฮอร์โมนอิพิเนฟริน และนอร์อิพิเนฟริน (Nor-epinephrine, epinephrine) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไต ทำให้เพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในเซลล์ทำให้ความร้อนถูกผลิตมากขึ้น 1.5 ภาวะไข้ (Fever) ภาวะไข้ จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในเซลล์ ดังนั้นจะทำให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้น เมื่ออุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นก็จะผลิตความร้อนมากขึ้น 2. Voluntary mechanisms 2.3 สภาพแวดล้อม การอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่อบอุ่นเช่น การนั่งกลางแดด, การนั่งผิงไฟ การระบายความร้อน ร่างกายระบายความร้อนออกได้โดย การนำความร้อนมี 2 ชนิด 1.2.2 การนำความร้อนไปสู่อากาศ (Conduction to air) 15% ของความร้อนที่สูญเสียไปทั้งหมดจากร่างกายเปล่าที่นั่งอบู่บนเก้าอี้ที่อุณหภูมิห้องโดยการนำความร้อนจากร่างกายไปสู่อากาศรอบ ๆ ตัว 1.3 การพาความร้อน (Convection) หมายถึง การระบายความร้อนโดยมีกระแสลมพาไป เช่น 15% ของความร้อนที่สูญเสียไปทั้งหมดจากร่างกายเปล่า ที่อุณหภูมิห้อง เป็นผลมาจากการพาความร้อน ความร้อนจะเคลื่อนที่ออกจากร่างกายหลังจากที่มีการนำความร้อนออกมาแล้ว 1.4 การระเหยกลายเป็นไอ (Evaporation) หมายถึง การระบายความร้อนออกมาโดยการระเหยจากพื้นผิวของร่างกาย หรือ การระบายความร้อนออกมาโดยการระเหยของน้ำไปเป็นไอ เช่น 22% ของความร้อนที่สูญเสียไปทั้งหมดจากร่างกายเปล่า ที่อุณหภูมิห้อง คือ ผลของการระเหยของน้ำจากเยื่อบุผิว, ปาก (ลมหายใจ), หรือผิวหนัง (เหงื่อ) 2. Behavioral mechanisms
1. Thermal regulators Sensory receptors for cold and warmth มี 2 ชนิด
1.2 ตัวรับระดับอุณหภูมิ ที่อยู่ภายในร่างกาย (deep body tissue)
1.3 ทั้ง 2 ชนิดมีตัวความเย็นมากกว่า ความร้อน
2. Central integrator สรุปAnterior Hypothalamus ควบคุมการระบายความร้อน (Heat loss) อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า set point ร่างกายต้องปรับลดอุณหภูมิเกิด vasodilation อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า set pointร่างกายต้องปรับเพิ่มอุณหภูมิเกิด vasoconstriction (heat conservation สงวนความร้อน) ร่างกายต้องปรับลดอุณหภูมิเกิด sweating 3. Skeletal muscle อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า set pointร่างกายต้องปรับเพิ่มอุณหภูมิเกิด muscle shivering ปัจจัยที่มีผลต่ออุณหภูมิภายในร่างกาย 1. infant 36.1 –37.7 c (97- 100 F ) ภาวะผิดปกติของอุณหภูมิร่างกาย ระดับความรุนแรงของไข้
ชนิดของไข้
ระยะของไข้
2. ระยะดำเนินของไข้ (fever phase)
3. ระยะสิ้นสุดของไข้
การพยาบาลผู้ป่วยมีไข้
ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ (Hypothermia)
อาการแสดงของ Hypothermia
อาการของ Hypothermia
การพยาบาลภาวะ Hypothermia
ชนิดเครื่องมือที่ใช้วัดอุณหภูมิร่างกาย
ระยะเวลาในการวัดอุณหภูมิ
ปรอทปลายเล็กยาว ออกแบบเพื่อให้สัมผัสกับเส้นเลือดฝอยในปาก, รักแร้ ได้มากขึ้น ข้อดีของการใช้ปรอทวัดอุณหภูมิร่างกาย
ข้อเสียของการใช้ปรอทวัดอุณหภูมิร่างกาย
2. Digital electronic ข้อดีการใช้ Digital electronic
ข้อเสียการใช้ Digital electronic
3. Tympanic membrane
ข้อเสียของการใช้ Tympanic membrane
ตำแหน่งที่ใช้วัดอุณหภูมิร่างกาย
ข้อห้ามในการวัดผู้ป่วยต่อไปนี้
2. ทางทวารหนัก
3. การวัดทางรักแร้
4. การวัดทาง tympanic membrane
การเปลี่ยนหน่วยวัดอุณหภูมิ C = (F –32) x 5/9 สัญญาณชีพ มีประโยชน์อย่างไร *สัญญาณชีพ หรือ ชีวสัญญาณ เป็นกลุ่มของอาการแสดงสำคัญ 4-6 อย่าง ที่บ่งบอกถึงสถานะของกระบวนการสำคัญที่ทำให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ได้ ค่าเหล่านี้ใช้เพื่อช่วยในการประเมินสุขภาพกายโดยทั่วไปของบุคคล ช่วยในการวินิจฉัยโรค และช่วยบ่งบอกการฟื้นตัวจากโรค ค่าปกติของสัญญาณชีพของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันไปตามอายุ น้ำหนัก เพศ และสุขภาพโดยรวม
สัญญาณชีพมีอะไรบ้าง7. ก่อนและหลังการให้การพยาบาลที่มีผลต่อสัญญาณชีพ เช่น ก่อนให้ ผู้ป่วย ambulate / ออกก าลังกาย Page 4 ความหมาย สัญญาณชีพ (Vital Signs) เป็นสิ่งที่บ่งบอกการมีชีวิตของบุคคล ประกอบด้วย 1. อุณหภูมิ (Temperature) 2. ชีพจร (Pulse) 3. การหายใจ (Respiration) 4. ความดันโลหิต (Blood pressure)
ข้อบ่งชี้ในการวัดสัญญาณชีพมีอะไรบ้างสรุปความหมายของสัญญาณชีพ หมายถึง สัญญาณที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต ซึ่งจะสามารถวัดได้มี องค์ประกอบ 4 อย่าง ได้แก่อุณหภูมิ(Body temperature, T) ชีพจร (Pulse, P) การหายใจ (Respiration, R) และความดันโลหิต (Blood pressure, BP)
ใบบันทึกสัญญาณชีพ เรียกว่าอะไรเวลาคุณไปโรงพยาบาล คุณพยาบาลเค้าจะจับคุณชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิตใช่ไหมคะ คุณรู้ไหมว่าเค้าเรียกว่าอะไร ศัพท์ทางการแพทย์เขาเรียกว่า Vital Sign หรือสัญญาณชีพ เพื่อเป็นข้อมูลให้คุณหมอทราบข้อมูลทางสุขภาพของคุณเบื้องต้นก่อน Vital Sign หลักๆก็มี 4 อย่างค่ะ
|