ใบงานที่ 2 เรื่องพัฒนาการทางด้านร่างกายช่วงอายุ 9-12 ปี

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย

แบบทดสอบหลังเรียน  (Post-Test)

ชื่อ ______________________ นามสกุล________________ เลขที่________ ชั้น ________

ให้ระบายคำตอบที่ถูกต้องลงในวงกลมตัวเลือกให้เต็มวง (ห้ามระบายนอกวง)

1. การกระทำในข้อใดทำให้มีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่ดี 

1    นั่งสมาธิเป็นประจำ

2    อ่านหนังสือทุกวัน

3    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

4    ไปเที่ยวกับครอบครัวเสมอ

2. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับพัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กวัย 9-12 ปี

1    ฟันแท้ขึ้นแทนที่ฟันน้ำนม

2    เด็กหญิงมีเสียงแหบห้าว 

3    เคลื่อนไหวทำกิจกรรมช้าลง

4    เด็กชายเจริญเติบโตเร็วกว่าเด็กหญิง

3. การมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่เหมาะสมตามวัยส่งผลอย่างไร

1    เรียนหนังสือเก่ง

2    เป็นที่รักของครอบครัว

3    ผิวพรรณและหน้าตาดี

4    ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย

4. อารมณ์ในข้อใดทำให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี

1    อิจฉาริษยา

2    กลัวหรือตื่นตระหนก

3    สดชื่น แจ่มใส

4    เศร้าโศก เสียใจ

5. เมื่อมีปัญหาทางด้านจิตใจควรปฏิบัติตนอย่างไร

1    เล่าให้พ่อแม่ฟัง

2    ปรึกษาเพื่อนสนิท

3    เก็บปัญหาไว้คนเดียว

4    แก้ปัญหาด้วยตนเอง

6. ข้อใดคือประโยชน์ของการมีพัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ที่เหมาะสม

1    สอบได้ที่หนึ่งของชั้นเรียน

2    คุณแม่ให้ค่าขนมเพิ่ม

3    มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

4    เข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดี

7. ข้อใดปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม 

1    ดีใจกับเพื่อนที่สอบได้ที่ 1

2    โกรธพ่อแม่ที่ทำโทษตนเอง

3    เยาะเย้ยเพื่อนที่เล่นเกมแพ้

4    ชกต่อยเพื่อนที่แกล้งตนเอง

8. ข้อใดแสดงถึงการมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่ดี

1    มีน้ำหนักตัวมาก

2    มีสิวขึ้นที่ใบหน้า

3    ฟันแท้ขึ้นก่อนฟันน้ำนม

4    มีน้ำหนักและส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์ปกติ

9. การมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจและอารมณ์ที่ดีจะส่งผลอย่างไร

1    อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข

2    ครอบครัวมีรายได้มากขึ้น

3    ไม่เจ็บป่วย

4    เพื่อน ๆ อิจฉา 

10. ข้อใดไม่ควรปฏิบัติ 

1    ล้างหน้าด้วยสบู่เด็ก

2    ดูโทรทัศน์จนดึก

3    อาบน้ำทุกเช้าและเย็น

4    รับประทานอาหารครบ 5 หมู่

ใบความรู้ที่ 1

ก้าวย่างสู่วัยรุ่น

     วัยเด็กตอนปลาย (Late child hood) หรือวัยก่อนวัยรุ่น

          เป็นวัยที่คาบเกี่ยวกับวัยรุ่นตอนต้น บางคนอาจจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นลักษณะของวัยแรกรุ่น (Puberty) ตั้งแต่อายุ 11 ปีในเด็กหญิง และ 12 ปีในเด็กชาย เป็นระยะที่มีการพัฒนาทางสังคม คือ เป็นช่วงเปลี่ยนจากสังคมแบบในบ้านไปสู่สังคมนอกบ้าน ศูนย์กลางของชีวิตทางสังคม คือ โรงเรียน กลุ่มเพื่อนที่จะเริ่มมีบทบาทต่อชีวิตของเด็กมากขึ้น พัฒนาการด้านต่างๆ ของวัยนี้ ประกอบด้วย

พัฒนาการทางกาย 

การเจริญเติบโตด้านร่างกายมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป มีการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ซึ่งทำงานประสานกันได้ดีขึ้น แต่อวัยวะภายในเกือบทุกระบบเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงด้านน้ำหนัก การเติบโตของกระดูกและฟัน และการขยายออกของร่างกายซึ่งเปลี่ยนไปในด้านส่วนสูงมากกว่าส่วนกว้าง โดยความสูงจะเพิ่มขึ้น 2-3 นิ้วต่อปี สัดส่วนร่างกายใกล้เคียงผู้ใหญ่มากขึ้น เด็กผู้หญิงจะมีการเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกายและวุฒิภาวะเร็วกว่าเด็กผู้ชายประมาณ 1-2 ปี

การเปลี่ยนแปลงทางเพศ คือ เด็กผู้หญิง ช่วงอายุ 8-12 ปีจะมีลักษณะเพศขั้นที่สองปรากฏขึ้น ได้แก่ สะโพกขยายออก ทรวงอกขยายโตขึ้น มีขนขึ้นที่บริเวณรักแร้ และอวัยวะเพศ และจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกซึ่งเกิดขึ้นในช่วงอายุ 11-12 ปี เด็กผู้ชาย จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย ได้แก่ ไหล่กว้างขึ้น มือและเท้าใหญ่ขึ้น มีขนขึ้นที่รักแร้และอวัยวะเพศ และมีการหลั่งอสุจิเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงอายุ 12-16 ปี

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจทำให้เด็กรู้สึกวิตกกังวลกับภาพลักษณ์ของตน ความคิดและความสนใจจะจดจ่อกับลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

พัฒนาการทางอารมณ์ 

พัฒนาการทางอารมณ์จะมีลักษณะเป็นกลาง ๆ คือ ไม่ดีหรือร้ายจนเกินไป ในวัยนี้มีความคิดที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น สามารถเข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น ควบคุมอารมณ์ของตนได้ เรียนรู้ที่จะแสดงอารมณ์ได้เหมาะสมในรูปแบบที่สังคมยอมรับได้ ดังนี้

1. อารมณ์โกรธ วัยนี้สามารถควบคุม และระงับความโกรธได้ดีขึ้น การแสดงออกจะเปลี่ยนไปจากเดิมที่แสดงออกด้วยการร้องไห้ หรือดิ้นกับพื้นเสียงดัง ก็จะเปลี่ยนการหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่ไม่พึงใจในทันที หรืออาจมีเก็บความรู้สึกไว้ภายในใจได้บ้าง

2. อารมณ์รัก วัยนี้จะแสดงออกในด้านความรักด้วยการมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น ร่าเริงแจ่มใส อารมณ์ดีจะระมัดระวังไม่ทำให้ผู้อื่นเสียใจหรือกระทบกระเทือนใจ โดยเฉพาะขณะอยู่ในกลุ่มเพื่อน สังคม ต้องการความรัก ความอบอุ่นมั่นคงในครอบครัวและหมู่คณะ

3. อารมณ์กลัว วัยนี้จะเริ่มเลิกกลัวสิ่งที่ไม่มีตัวตน พิสูจน์ไม่ได้ อารมณ์กลัวของเด็กวัยนี้เกิดจากประสบการณ์       การเรียนรู้ที่ได้รับมา สิ่งที่วัยนี้กลัวมากที่สุดคือ กลัวไม่เป็นที่ยอมรับของกลุ่ม กลัวไม่มีเพื่อน และไม่ชอบการเปรียบเทียบ

พัฒนาการทางสังคม 

พัฒนาการทางสังคมในวัยนี้จะให้ความสำคัญต่อสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ต้องการเพื่อน แสวงหาเพื่อนที่มีความคล้ายคลึงกันในด้านของบุคลิกลักษณะ ความชอบ และเป็นเพื่อนที่สามารถไว้วางใจได้ เข้าใจกัน มักยึดมั่นกับกลุ่มเพื่อน มีพฤติกรรมการแสดงออกทางกาย วาจา และการแต่งกายที่เหมือนกลุ่ม สังคมของเพื่อนในเด็กวัยนี้มักเป็นสังคมเฉพาะของเพื่อนเพศเดียวกัน ถ้าได้ฝึกฝนทักษะการมีสัมพันธภาพที่ดีกับกลุ่มเพื่อนจะช่วยให้เกิดการพัฒนาด้านสังคมที่เหมาะสม

พัฒนาการทางสติปัญญา 

สามารถคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้ชัดเจนมากขึ้น รู้จักการใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา รับผิดชอบและตัดสินใจได้ด้วยตนเอง รับฟังคนอื่นมากขึ้น กระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้จากแหล่งต่างๆ ตลอดจนสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น ความสนใจของวัยนี้ส่วนใหญ่จะสนใจในเรื่องของธรรมชาติ การท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ดูภาพยนตร์ เลี้ยงสัตว์ โดยทั่วไปเด็กผู้ชายจะสนใจเรื่องการพิสูจน์ ทดลอง ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ส่วนเพศหญิงจะสนใจเรื่องการครัว เย็บปักถักร้อย การอ่านหนังสือต่าง ๆ ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน เป็นต้น ถ้าฝึกฝนการคิดวิเคราะห์ในสิ่งที่ดีจะนำมาซึ่งความรู้สึกเชื่อมั่นและภาคภูมิใจในตนเอง

การปฏิบัติตนที่เหมาะสมทางเพศ

ในวัยนี้อาจเริ่มมีความสนใจในพัฒนาการทางเพศของตนและเริ่มสนใจเพศตรงข้าม ดังนั้นการมีพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสมตามวัฒนธรรมไทยจะช่วยให้นักเรียนก้าวผ่านช่วงวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่ได้อย่างปลอดภัย สามารถปฏิบัติ ดังนี้

      ๑. แสดงบทบาททางเพศของชายและหญิงที่เหมาะสม เช่น ผู้ชายต้องเป็นสุภาพบุรุษ ผู้หญิงต้องรู้จักรักนวล  สงวนตัว ไม่ควรแสดงความต้องการทางเพศอย่างเปิดเผย เป็นต้น

      ๒. วางตัวให้เหมาะสมทั้งต่อเพศเดียวกัน และเพศตรงข้าม เช่น มีความจริงใจต่อกัน มีความเอื้ออาทรต่อกัน หลีกเลี่ยงการถูกเนื้อต้องตัวกับเพศตรงข้าม ไม่ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น

      ๓. มีความเสมอภาคทางเพศ เช่น ให้เกียรติกันในการแสดงความคิดเห็นไม่ว่าจะเป็นเพศใด ล้วนแต่มีเกียรติในการแสดงออกถึง ความสามารถและรักษาสิทธิของตนเองได้อย่างเท่าเทียมกัน เป็นต้น

      ๔. แต่งกายให้ถูกต้องตามกาลเทศะ ควรแต่งกายโดยให้เกียรติตนเองและสถานที่ ไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยเนื้อตัวมากเกินไป

      ๕. ไม่มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน และถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ควรรอให้ถึงวัยที่สมควร คือ อยู่ในวัยผู้ใหญ่ มีงานทำสามารถหาเงินดูแลตนเองและคู่ครองได้ด้วยตนเอง หรือเมื่อแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามประเพณี หรือกฎหมายแล้ว

      ๖. เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรคเกี่ยวกับเรื่องเพศ ควรปรึกษาพ่อ แม่ หรือครู เพื่อจะได้มีแนวทางในแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดี

      ๗. รักษาสุขอนามัยของร่างกายเป็นประจำ

          นักเรียนที่ปฏิบัติตนได้เหมาะสม จะเป็นเกราะป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน ป้องกันการถูกล่อลวง การถูกลวนลาม ป้องกันการติดเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะ เอช ไอ วี ป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนก้าวผ่านช่วงวัยรุ่นได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย เป็นการให้โอกาสที่ดีแก่ตนเองในอนาคต

ใบงานที่ 1

คำชี้แจง  ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้

1. ประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการเรียนรู้พัฒนาการในด้านต่างๆ ของช่วงวัยตนเองมีอะไรบ้าง

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

 2. ให้นักเรียนทำแผนผังความคิด (mind map) เรื่องประโยชน์ที่เกิดจากการปฏิบัติตนที่เหมาะสม

ทางเพศ

ใบความรู้ที่ 2

การคบเพื่อน และการเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม

การคบเพื่อน

เพื่อนคือ ผู้ที่รักใครชอบพอกัน แล้วกระทำความดีต่อกัน ไม่เลือกเพศวัย ความรู้ ชาติ ศาสนา เพื่อนจะมีอิทธิพลต่อการคิด การกระทำของนักเรียน ในช่วงก้าวเข้าสู่วัยรุ่นนักเรียนอาจให้ความสำคัญกับเพื่อนมากเพราะเป็นวัยที่เรียนรู้ การมีสังคมของตนเอง ดังนั้น การเลือกคบเพื่อนจะส่งผลต่ออนาคตของนักเรียนโดยตรง การคบเพื่อนที่ดีจะเป็นผลดีต่อนักเรียนที่จะก้าวเข้าสู่วัยรุ่นได้อย่างปลอดภัย ลดความกังวลใจของพ่อ แม่ ลักษณะของเพื่อนที่ดี ประกอบด้วย

1. มีน้ำใจ รู้จักให้และรู้จักช่วยเหลือกันและกัน

2. เคารพสิทธิกันและกัน

3. ให้เกียรติกันและกัน

4. รู้จักให้อภัยกันและกัน

5. ชักชวนกันไปในทางที่ดี ไม่ใฝ่อบายมุข

6. มีความจริงใจให้กันและกัน

7. รู้จักตักเตือนกันและกัน

8. ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

9. ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน

          10. รู้จักเป็นผู้แพ้บ้าง รับฟังเหตุผลของกันและกัน

กิจกรรมที่เหมาะสมกับนักเรียน

ในช่วงวัยเด็กตอนปลายอายุ 10- 13 ปี เป็นวัยที่มีพละกำลังมาก ชอบกิจกรรมท้าทายและเล่นรวมกับกลุ่มเพื่อนโดยเฉพาะเพื่อนเพศเดียวกัน ดังนั้นนักเรียนควรเลือกกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงทางร่างกาย ความสามัคคี บริหารความคิด เสริมสร้างกำลังใจให้แก่ตนเองและเพื่อน กิจกรรมที่เหมาะสม ประกอบด้วย

          1. การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา เช่น เล่นฟุตบอล กระโดดเชือก ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เป็นต้น

          2. กิจกรรมสร้างสรรค์ หรือเกมนันทนาการ เช่น หมากล้อม การต่อตัวต่อ การประดิษฐ์ชิ้นงาน เป็นต้น

          3. กิจกรรมการการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เช่น ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน การเล่นดนตรี การแต่งเพลง       แต่งกลอน อ่านหนังสือ วาดภาพ และการปั้น เป็นต้น

กิจกรรมที่นักเรียนควรหลีกเลี่ยง

          ในวัยนี้นักเรียนมักจะมีความอยากรู้อยากเห็น ในสิ่งแปลกใหม่และมักทำตามคำชวนของเพื่อน กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงซึ่งจะก่อให้เกิดอันตราย ประกอบด้วย  1) การทดลองสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือเสพยาเสพติด  2) การดูสื่ออนาจารต่างๆ และการหมกมุ่นเรื่องเพศ  3) การเล่นพนัน  4) การหมกมุ่นกับเกมคอมพิวเตอร์จนเสียการเรียน 

5) การเล่นผาดโผนที่ขาดผู้ใหญ่ดูแล  6) การพกพาของมีคม หรืออาวุธ  7) การเล่นประทัด ดอกไม้เพลิง หรือวัตถุที่อาจระเบิดได้   8) การออกจากบ้านตามลำพังในช่วงกลางคืน และการกลับบ้านมืด

ใบงานที่ 2

 คำชี้แจง  ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้

1. การเป็นเพื่อนที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

..........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. นักเรียนคิดว่าผลเสียที่จะเกิดขึ้นจากการทำตามเพื่อนที่ชักชวนให้ทำสิ่งที่ไม่ดี เช่น สูบบุหรี่ เข้าร้านเล่นเกม หนีโรงเรียน ดูสื่ออนาจาร มีอะไรบ้าง

                 สูบบุหรี่ ผลเสียคือ .............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

                 เข้าร้านเล่นเกม ผลเสียคือ ..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

                 หนีโรงเรียน ผลเสียคือ..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

                 ดูสื่ออนาจาร ผลเสียคือ.............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

3. นักเรียนคิดว่ากิจกรรมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อะไรบ้างที่จะมีส่วนช่วยพัฒนานักเรียนให้ก้าวสู่วัยรุ่นได้อย่างปลอดภัย และกิจกรรมอะไรบ้างที่นักเรียนควรหลีกเลี่ยง

              กิจกรรมที่ช่วยพัฒนานักเรียน คือ

..........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

              กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง คือ   .........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

ใบความรู้ที่ 3

การบริโภคที่เหมาะสม

การบริโภคอาหาร

          ในช่วงวัยเด็กตอนปลายนี้ เป็นวัยที่มักใช้กำลังทำกิจกรรมหลายอย่าง ทำให้ต้องการพลังงานเป็นสองเท่า สำหรับการทำกิจกรรมตลอดวันประกอบกับเป็นวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต นักเรียนจึงควรกินอาหารอย่างน้อย    3 มื้อ และครบ 5 หมู่

          อาหารเช้า คืออาหารมื้อที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยเติมพลังงาน ให้วันใหม่สดใส แถมยังมีประโยชน์มากมายช่วยควบคุมโรคอ้วน และน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน ทำให้ระบบความจำ ทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้น

          การอดอาหารเช้าเป็นประจำ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง การเจริญ เติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์ และยังส่งผลต่อสติปัญญา ขาดสมาธิในการเรียน สมองมึน ง่วง ซึม

         อาหารกลางวัน มื้อกลางวัน ก็สำคัญไม่แพ้มื้อเช้าเช่นกัน เพราะเมื่อนักเรียนใช้พลังงานจากอาหารในมื้อเช้าหมดลงไปแล้วก็จำเป็นต้องเติมพลังงานในมื้อต่อไปเพื่อให้พร้อมสำหรับการเรียนและเล่นในช่วงบ่าย

         อาหารว่าง หลังอาหารกลางวัน 2-3 ชั่วโมง นักเรียนอาจเติมพลังด้วยอาหารว่างอีก 1 มื้อก็ได้เพื่อช่วยไม่ให้หิวก่อนถึงมือเย็น แต่ควรคำนึงถึงประโยชน์ด้วย

        อาหารเย็น อาหารมื้อเย็น เป็นมื้อที่เติมเต็มพลังงานและสารอาหารอื่นๆ ให้ครบตามที่ร่างกายต้องการตลอดทั้งวัน และอาหารมื้อเย็นจะไปช่วยรักษาสมดุลการเคลื่อนไหวของร่างกาย ช่วงเวลาจากเที่ยงไปจนถึงเวลาเข้านอน ร่างกายเรายังมีการเคลื่อนไหว และมีการทำงานอยู่ ถ้าไม่กินในช่วงเวลาที่เหลือพลังงานก็จะพร่องไปเรื่อยๆ

         อาหารที่นักเรียนควรหลีกเลี่ยง

             สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า มีอาหารโปรดของเด็กหลายคนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประกอบด้วย 10 ชนิด ดังนี้

             1. แฮมเบอร์เกอร์ เป็นอาหารประเภทที่ มีความเสี่ยงสูงเพราะมีการใช้สารเคมีมาช่วยกำจัดเนื้อที่กำลังจะเน่าเสียนอกจากนี้ยังใส่สารปรุงรส ซึ่งเป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ทำให้สัตว์อ้วนขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคอ้วนขึ้นด้วย  
             2. ฮอทด็อก มีกระบวนการผลิตคล้ายแฮมเบอร์เกอร์ และ ฮอทด็อก ยังใส่สารไนไตรท์ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือด เนื้องอกในสมอง และมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ ถุงหลอด       ที่ใช้บรรจุฮอทด็อกก็เป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน

             3. เฟร้นช์ฟราย มันฝรั่งทอด มีความเป็นพิษสูง โดยการทอดเฟร้นช์ฟรายใช้อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอยู่มากสามารถเปลี่ยนมันฝรั่งซึ่งมีคุณสมบัติเป็นเป็นแป้งให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก
             4. คุกกี้  มีสัดส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัม ซึ่งอาหารในประเภทที่มีน้ำตาลปริมาณสูงจะสะสมในร่างกายเกินความจำเป็นจนกลายเป็นบ่อเกิดของโรคหลายชนิดตั้งแต่วัยเด็ก

             5. พิซซ่า ประกอบด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งพันธุกรรม เช่น เนย แป้ง ซอสมะเขือเทศ แป้งสาลี ที่ผ่านการสังเคราะห์ตัดแต่งผิดไปจากธรรมชาติ และน้ำมันฝ้าย ที่เป็นแหล่งของสารพิษฆ่าแมลงซึ่งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงสาธารณสุข ไม่รับรองว่าปลอดภัยต่อการบริโภคหรือไม่
             6. น้ำอัดลม มีกรดกำมะถันซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน และ น้ำโซดาที่เป็นตัว ชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูก จนทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน ในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง จะมีน้ำตาลที่ไม่ให้พลังงานอยู่ 12 ช้อนชา ในน้ำอัดลมที่ใช้น้ำตาลเทียมสังเคราะห์ จะทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น ขณะที่สีที่ใช้ในน้ำอัดลมยังเป็นสารก่อมะเร็ง
             7. ชิ้นไก่ทอด  เนื้อนุ่มไร้กระดูก ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว เป็นไขมัน มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส ‘MSG’ ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ยังมี สารอะลูมิเนียมซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเผาผลาญและดูดซึมของร่างกาย  
             8. ไอศกรีม มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงมาก จะเพิ่มโคเลสเตอรอลในร่างกาย ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน และการบริโภคไอศกรีมเป็นประจำทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง 
             9. โดนัท โดนัท 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ นอกจากนี้โดนัทยังทอดในน้ำมันที่มีอุณหภูมิสูง มีสารอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ทำให้เกิดสารพิษและทำให้ร่างกายเมตะโบลิสซึมช้าลง เป็นการคุกคามต่อสุขภาพ และเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น 
              10. อาหารขบเคี้ยวยามว่าง ปัจจุบันมีการบริโภคโปเตโต้ชิพกันมากโดยน้ำมันที่ใช้ในการทอดโปเตโต้ชิพในแต่ละครั้งจะมีสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท มีไขมันอิ่มตัว มีเกลือโซเดียม ทำให้ร่างกายขาดแคลนน้ำได้ และยังไปปิดกั้นการดูดซึมแร่ธาตุจากสารอาหาร ที่รับประทานเข้าไปได้น้อยลง

 “อาหารยังมีอันตรายต่อสุขภาพขนาดนี้ แล้วผู้ที่ใช้ยาและสารเสพติดจะได้รับอันตรายมากขนาดไหน”

 ใบงานที่ 3

 คำชี้แจง  ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้

1. ให้นักเรียนในกลุ่มบอกถึงอาหารเช้าที่นักเรียนได้รับประทาน มาคนละ 1 อย่าง พร้อมทั้งบอกถึงประโยชน์ที่นักเรียนได้รับ

              อาหารเช้าที่รับประทาน คือ ..............................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

              ประโยชน์ที่ได้รับ คือ .............................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ให้นักเรียนในกลุ่มบอกถึงอาหารที่นักเรียนชอบรับประทาน มาคนละ 1 อย่างพร้อมทั้งบอกข้อดีและข้อเสียของ    อาหารนั้น

            อาหารที่ชอบรับประทาน คือ .............................................................................................................................................................................

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

            ข้อดี คือ .............................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

            ข้อเสีย คือ.............................................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

3. ให้นักเรียนบอกถึงอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง มา 5 อย่าง

.......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบความรู้ที่ 4
การบริโภคข้อมูลข่าวสาร

การเลือกรับสื่อ

         ข้อมูล ข่าวสาร มีผลโดยตรงต่อความคิด อารมณ์และความรู้สึก ส่งผลถึงการตัดสินใจ การแสดงออกทางพฤติกรรม การเลือกบริโภคข้อมูลข่าวสารของนักเรียนจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต วิธีการบริโภคข้อมูลข่าวสารให้เกิดประโยชน์มีดังนี้

          1. เลือกรับสื่อที่เหมาะสมกับช่วงวัยของตนเอง ที่ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ ก่อความคิดสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงสื่อที่แสดงออกถึงพฤติกรรมความรุนแรง การสื่อสารที่ไม่สุภาพ และอนาจาร

          2. ปรึกษาผู้ปกครอง หรือครู เมื่อไม่แน่ใจในข้อมูลข่าวสารต่างๆ

          3. รู้จักเลือกสิ่งที่ดีนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตนเอง และไม่ทำตามสิ่งที่ไม่ดี

          4. รู้จักควบคุมตนเองในการรับสื่อ และใช้เวลากับสื่ออย่างเหมาะสม

          5. ระวังอย่าให้ตกเป็นเหยื่อหรือเป็นเครื่องมือการทำผิดกฎหมาย

ประเภทของข้อมูลข่าวสาร และสื่อที่เหมาะสมกับเด็ก

        ข้อมูล ข่าวสารที่ดีต้องสอดคล้องกับพัฒนาการของนักเรียน ช่วยส่งเสริมความรู้ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และความสามัคคีในหมู่คณะ ดังตัวอย่าง

1. การแข่งขันกีฬา                                               2. สารคดี                              

3. ความคิดสร้างสรรค์                                            ๔. ภาษาอังกฤษ                        

5. หนังสืออ่านนอกเวลา                                         6. รายการที่เหมาะสำหรับเด็ก

ข้อดี และประโยชน์จากการใช้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง  

      1. ช่วยเสริมสร้างความรู้

      2. พัฒนาความคิดสร้างสรรค์

      3. ก้าวทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสม

      4. พัฒนาคุณภาพความคิดและจิตใจ

      5. มีแบบอย่างและแนวทางการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง เหมาะสม

ผลกระทบจากการใช้ข้อมูลข่าวสารในทางที่ผิด

       1. หมกมุ่น ขาดความสนใจในการเรียน การเรียนตกต่ำ

       2. ติดอินเตอร์เน็ต ติดเกม ติดเพื่อน

       3. โดนล่อลวงจากคนแปลกหน้า

       4. ใช้จ่ายมากขึ้นกับการซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ

 5. เสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต จำนวนเพื่อนและกิจกรรมสังคมลดน้อยลง

ใบงานที่ 4.1

คำชี้แจง  ให้นักเรียนอ่านข่าวต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม

นศ.รามฯหัวใจวายตายคาร้านเกมส์

อดีตรองชนะเลิศการแข่งขันความจำชิงแชมป์ประเทศไทย ช๊อคตายในร้านเกมส์ ตร.คาดพักผ่อนน้อยหัวใจวาย

          เมื่อเวลา 01.45 น. วันที่ 18 มี.ค. 2557 ร.ต.ท.พิเชษฐ์ แสงหาชัย พงส.สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต    คาร้านเกมส์ ไม่มีชื่อ เลขที่ 30 ซ.รามคำแหง 24 แยก 14 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย มูลนิธิร่วมกตัญญู

          ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น บริเวณชั้นล่างเปิดเป็นร้านเกมส์คอมพิวเตอร์จำนวน 30 เครื่อง พบศพนายเอกรินทร์ มะลิวัลย์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ซ.เทศบาล ถ.สายไร่ทาม-สงเปือย ต.น้ำสวย อ.เมืองเลย จ.เลย นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง อดีตรองชนะเลศอันดับ 2 การแข่งขันความจำชิงแชมป์ประเทศไทย สภาพศพนอนหงายสวมเสื้อยืดฟุตบอลแขนสั้นสีดำ กางเกงขายาวผ้าร่มสีดำ นอนเสียชีวิตอยู่กลางร้าน จากการตรวจสอบไม่พบบาดแผลตามร่างกาย ส่วนบนโต๊ะของผู้ตายยังพบหนังเรียนภาษาอังกฤษ พร้อมแฟลชไดร์ฟและแผ่นซีดีจำนวน 1 แผ่นวางไว้อยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบ

          จากการสอบสวนพนักงานร้านเกมส์ดังกล่าวทราบว่า ผู้ตายได้เข้ามาที่ร้านเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ของ  วันที่ 17 มี.ค. จากนั้นก็ขอเปิดใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่องเพื่อทำรายงาน ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 24.40 น. วันที่ 18 มี.ค. ทางพนักงานของร้านสังเกตเห็นผู้ตายนั่งนิ่งคอตกอยู่บนเก้าอี้จึงเดินไปเรียก แต่ทันทีที่เดินเข้าไปสะกิดผู้ตายก็ได้ล้มลงกับพื้น เมื่อตรวจสอบดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

          เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอเลยทำให้เกิดหัวใจวายเฉียบพลัน หรืออาจจะเกิดจากโรคประจำตัว อย่างไรก็ตามจะได้นำศพส่งสถาบันนิติเวชรพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนเรียกญาติมาสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป

 คำถาม

1. เมื่ออ่านข่าวจบนักเรียนได้ข้อคิดและประโยชน์อะไรบ้าง

...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. นักเรียนคิดว่าจะมีวิธีการใดบ้างที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับที่เป็นข่าว

............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 4.2

คำชี้แจง  ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้

           1. นักเรียนมีวิธีการเลือกรับข้อมูลข่าวสารให้เกิดประโยชน์กันตนเองได้อย่างไร

.....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

2. ให้นักเรียนเขียนประโยชน์และผลเสียจากการรับข้อมูลข่าวสาร

    - ประโยชน์จากการรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ คือ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..................................................................................................................................

  -  ผลเสียจากการรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่เหมาะสม  คือ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...................................................................................................................................