สารพันปัญหา.. กระดูกและข้อในผู้สูงอายุ" โรคส่วนใหญ่ที่พบในผู้สูงอายุนั้น อาจเกิดตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาวจากการ ไม่ดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เมื่ออายุมากขึ้น จะแสดงอาการชัดเจนหรือรุนแรง โดยเฉพาะ โรคที่เกี่ยวกับกระดูกและข้อเป็น ปัญหาใหญ่ของผู้สูงอายุ ไม่ว่าใคร ก็ต้องพบกับปัญหานี้ ขึ้นอยู่ว่า จะช้าหรือเร็ว "
อาการที่กล่าวถึงข้างต้นนอกจากอาการปวดแล้วยังมีผล กระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่อยู่ในภาวะกระดูกพรุนเมื่อกระดูกแตกหรือหัก จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากคนใกล้ชิด ทั้งกระดูกพรุนและข้อเสื่อมเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุต้องเจอ แต่ใช่ว่าจะไม่สามารถป้องกันได้ หากรู้จักและทำความเข้าใจก็จะช่วยให้โอกาสในการเกิดโรค หรือผลลัพธ์จากการเป็นโรคน้อยลง โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่ผู้สูงอายุหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการเสียสมดุลของฮอร์โมน ทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกายผิดปกติ การดูดซึมแคลเซียมเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผู้หญิงที่หมดประจำเดือนจะมีภาวะกระดูกพรุนตามธรรมชาติ เนื่องจากฮอร์โมนลดน้อยลง ส่วนปัญหาเรื่องกระดูกพรุนในผู้ชายจะไม่ค่อยพบ ผู้สูงอายุที่มีปัญหากระดูกพรุนหรือกระดูกบางจะกระดูกเปราะและหักได้ง่าย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ พบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปและผู้ชายอายุ 55 ปีขึ้นไป จะรู้ได้อย่างไร..ว่าเป็นโรคกระดูกพรุนภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุมักไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆยกเว้นเมื่อมีอาการหักของกระดูก จะมีอาการเจ็บปวดบริเวณที่มีกระดูกหัก แต่ผู้สูงอายุสามารถสังเกตุปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ว่าตัวเองมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนหรือไม่โดยพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้
หากทราบว่าตัวเองมีปัจจัยเสี่ยงตามที่กล่าวมา ควรรับการตรวจหาค่าความหนาแน่นของมวลกระดูก เพื่อที่จะได้รู้ว่าปัจจุบันความหนาแน่นของกระดูกเป็นอย่างไร หากพบว่าอยู่ในภาวะกระดูกพรุนจะได้เริ่มรับการรักษาและดูแลแต่เนิ่นๆ ป้องกัน...ดีที่สุด" การรักษาโรคกระดูกพรุนสามารถป้องกัน โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมา และป้องกันการหกล้มหากทราบว่าตัวเองกระดูกพรุนหรือบาง ควรรับประทานยาเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกภายใต้การดูแลตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้กระดูกหนาแน่นและแข็งแรงขึ้นหรือควรเสริมด้วยแคลเซียมชนิดเม็ดเพื่อบำรุงกระดูก "ตรวจเพื่อลดความเสี่ยงหากปล่อยให้ข้อเสื่อมนานไป ผลเสียที่เกิดมากที่สุด คือ ไม่สามารถใช้งานข้อนั้นได้ไม่ว่าจะเป็นข้อกระดูกสันหลังหรือข้อเข่า ถ้าข้อกระดูกสันหลังใช้งานไม่ได้จะทำให้ปวดหลัง ลุกนั่งไม่ได้ เดินไม่ไหวเกิดอาการชา แขนขาอ่อนแรงส่วนข้อเข่าก็เช่นกัน ถ้าเป็นมากๆ ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อ ซึ่งเป็นวิธีเดียวเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบดังกล่าว การตรวจสุขภาพข้อต่างๆ ที่สำคัญเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงได้ โดยวิธีการตรวจมีดังนี้
โรคข้อเสื่อมในผู้สูงอายุเป็นปัญหาที่นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้น ยิ่งคนเรามีอายุยืนมากขึ้นเท่าไรจำนวนของคนที่เป็นโรคข้อเสื่อมก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น เมื่อมีอายุมากขึ้นจนเข้าวัยทอง หนีไม่พ้นโรคข้อเสื่อม ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าและเกิดขึ้นเมื่อใด โดยมากมักมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดเข่า และปวดหลัง ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดการเสื่อมมากที่สุดเนื่องจากข้อที่ต้องรับน้ำหนัก ของร่างกายโดยตรง เช่น ข้อเข่า ข้อสะโพก กระดูกอ่อนในข้อเหล่านี้เป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุด สมบูรณ์ที่สุด เมื่อคนเราอายุประมาณ 30 ปีหลังจากนั้นจะเริ่มเสื่อมลง แต่ยังไม่เป็นข้อเสื่อม เพราะร่างกายของเรามีกลไกที่คอยซ่อมแซมเอาไว้ ทำให้สามารถใช้งานข้อได้ตามปกติโดยยังไม่มีอาการอะไร แต่เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ขบวนการซ่อมแซมนี้ก็เริ่มเสื่อมตามวัย ผู้สูงอายุจะเริ่มมีอาการของโรคข้อเสื่อม แต่จะแสดงอาการเมื่อใดขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของข้อต่อกระดูกและสภาพร่างกายของแต่ละคน ถ้ามีน้ำหนักตัวมาก น้ำหนักที่กดกระแทกลงมาที่ข้อก็จะมาก ข้อก็จะเกิดความเสื่อมเร็ว ถ้ามีการใช้งานข้อมากๆเช่น มีการเดินมาก ยืนมาก หรือเดินขึ้นลงบันไดมากๆนั่งยองๆ มาก ข้อก็จะเสื่อมเร็ว ป้องกันข้อเสื่อมได้หรือไม่?ข้อเสื่อมแม้จะมีวิธีรักษาจำกัดแต่ก็สามารถป้องกันได้ แต่ต้องทำทันทีตั้งแต่วันนี้ เริ่มจากออกกำลังกายเป็นประจำ จัดท่าทางลักษณะการใช้งานข้อให้ถูกต้องและเมื่อมีอาการปวดข้อหรือหลังควรพักผ่อน หรือหยุดทำงานทันที ถ้าปวดมากควรปรึกษาแพทย์ให้เร็วที่สุดขอบคุณข้อมูล :วารสาร Healthy Living |