วเิ คราะห์โครงเรอื่ งพระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผเี ส้ือสมุทร โดย ครูเฉลมิ สิริ หนดู ี ข้อคิดทีไ่ ดร้ ับจากวรรณคดี ๑. ความรกั ที่มไิ ดเ้ กดิ จากความสมัครใจ (จาใจ) ย่อมไมย่ นื ยาว ทง้ั ด้านการดาเนินชีวติ และอปุ นสิ ัย ๓. การพลัดพรากจากส่งิ ท่ีรักย่อมทาให้เกิดทุกข์ ๔. ไม่ควรฆา่ สตั วแ์ ละทาลายชวี ิตผ้อู ื่น ข้อคิดท่ีได้รบั จากวรรณคดี (ตอ่ ) ๕. ควรมีเมตตา
ช่วยเหลือผู้อื่นทีก่ าลังไดร้ บั ความเดือดรอ้ น คณุ คา่ ดา้ นเนื้อหา ๑. แกน่ เร่อื ง ชายหญิงท่ีจะเป็นสามีภรรยากัน หากไม่เหมาะสมกัน ไม่มีความรักซ่ึงกัน อีกทั้งนางผีเส้ือสมุทรรักพระอภัยมณีเพียงฝ่ายเดียว
โดยที่พระอภัยมณี คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ ๑. รสวรรณคดี “พงศก์ ษตั รยิ ท์ ศั นานางเงอื กน้อย ดแู ช่มชอ้ ยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม การชมความงามของนางเงือก ซึ่งเป็นตัวละครที่มีท่อนบนเป็นมนุษย์ บทพิโรธวาทงั (โกรธ เกรย้ี วกราด) “ระกาอกหมกม่นุ หุนพโิ รธ กาลงั โกรธกลบั แรงกาแหงหาญ “กระโดดโครมโถมว่ายสายสมุทร อุตลดุ ดาด้นเทยี่ วคน้ หา นางผีเสื้อสมุทรโกรธท่ีเงือกพาพระอภัยมณีและสินสมุทร บทพิโรธวาทัง (โกรธ เกรีย้ วกราด) “นางผเี ส้ือเหลือโกรธพิโรธรอ้ ง มาต้งั ซ่องศีลจะมีอยู่ทไี่ หน นางผเี สือ้ สมุทรดา่ พระโยคแี ละนางเงอื ก สัลลาปังคพิสัย (เศรา้ โศก) “ลงกลิง้ เกลอื กเสอื กกายรอ้ งไห้โร่ เสยี งโฮโฮดงั ก้องหอ้ งคหู า นอ้ งรอ้ นรุม่ กลุ้มใจดังไฟเลีย ทนู หวั เมียช่างไม่ไว้อาลยั เลย นางผีเส้อื สมุทรเศรา้ โศกฟมู ฟายท่พี ระอภัยมณี ๒. การใชค้ า คาที่เล่นคือคาว่า หนัก หน่วง และหนี ซ่ึงเปน็ การใชต้ วั ห นา ตวั น “ข้ึนฟอ่ งฟพู ่นฟองละอองฝน” คาทเ่ี ลน่ คือคาว่า ฟอ่ ง ฟู และฟอง ซง่ึ เป็นการใช้ตวั ฟ “กนิ สาราญรื่นเรงิ บนั เทิงใจ” คาทีเ่ ลน่ คือคาวา่ ราญ ร่ืน และเริง ซึ่งเป็นการใชต้ ัว ร สมั ผสั อักษร = ใช้พยญั ชนะตน้ เดยี วกันหรือเสยี งเดยี วกนั การเลน่ สัมผสั สระ “เงือกผเู้ ฒ่าเคารพอภวิ าท ขอรองบาทบรริ ักษจ์ นตักษัยเสดจ็ ข้ึนทรงบา่ จะพาไป พระหน่อไทใหข้ ่ีภริยา” *เล่นสมั ผัสสระภายในวรรค วรรคที่ ๑ คาว่า เฒา่ และ เคา(รพ) วรรคท่ี ๒ คาวา่ (บริ)รักษ์ และ ตัก(ษัย) วรรคท่ี ๓ คาวา่ บา่ และ พา วรรคท่ี ๔ คาวา่ ไท และ ให้ สมั ผสั สระ = ใชส้ ระเดียวกันหรอื เสยี งเดยี
วกนั การซา้ คา “โฉมยงองค์อภัยมณนี าถ เพลนิ ประพาสพิศดูหมมู่ จั ฉา ซา้ คา = เขียนเหมือนกัน ออกเสยี งเหมอื นกนั (แฝดเหมอื น*) ๓. การใช้ภาพพจน์ อปุ มา : เปรยี บสง่ิ หน่งึ เหมอื นกับอกี สง่ิ หน่งึ “ไม่คลาดเคล่ือนเหมือนองคพ์ ระทรงเดช แต่ดวงเนตรแดงดูดังสุรยิ ์ฉาย มีกาลังดงั พระยาคชาพลาย มเี ขยี้ วคล้ายชนนีมีศกั ดา” สินสมทุ รมรี ูปร่างเหมือนพระอภยั มณี แตด่ วงตาสีแดงเหมอื นแสงพระอาทติ ย์ มีกาลังมากเหมอื นช้าง และมเี ขย้ี วคลา้ ยกบั แม่ (นางผีเสอื้ สมทุ ร) “สตั วใ์ นน้าจาแพ้แกผเี ส้ือ เปรียบเหมอื นเน้อื เหน็ พยัคฆใ์ หช้ กั หลัง” สัตว์ทะเลทัง้ หลายในนา้ กจ็ าต้องพ่ายแพแ้ กนางผีเสอ้ื สมุทร อุปลักษณ์ : เปรยี บสิง่ หนง่ึ เปน็ อีกสิ่งหน่งึ “ถา้ แดดกล้าตามัวเปน็ หมอกควนั จะผายผันลว่ งทางไปกลางคนื ” การเปรยี บตาทีม่ วั เหมอื นอยู่ท่ามกลางหมอกควัน จนเสมือนวา่ กลางวนั กลายเป็นกลางคนื สทั พจน์ : การใชค้ าเลียนเสยี งธรรมชาติ “สลาตันล่ันพิลึกเสียงครึกครนื้ จนดึกด่นื รีบรุดไมห่ ยดุ เลย” เงอื กเฒ่ารบี ว่ายน้าพาพระอภยั มณหี นีจนดึกดืน่ ไมห่ ยดุ พัก “ฟงั สาเนยี งเสียงคล่นื ดงั ครน้ื โครม ย่ิงทกุ ข์โทมนัสในฤทยั ทว”ี พระอภัยมณฟี ังเสยี งคล่ืนในทะเลย่ิงทาให้รสู้ กึ เปน็ ทุกข์ อติพจน์ : กล่าวเกนิ จรงิ “ลยุ ทะเลโครมครามออกตามไป สมุทรไทแทบจะลม่ ถล่มทลาย” นางผเี สื้อสมทุ รรีบออกตามหาพระอภยั มณี จนมหาสมุทรแทบจะถลม่ ทลาย คุณค่าดา้ นสงั คม ๑. สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงวิถชี วี
ิตความเป็นอยขู่ องคนไทย พ่อแมบ่ างครอบครัวมกั จะเลี้ยงดูลกู อยา่ งเข้มงวด บางครั้งเลือกตัดสนิ โทษ “ฝา่ ยกุมารสนิ สมุทรสดุ สวาท ไมห่ า่ งบาทบิดาอัชฌาสยั ๒. สะทอ้ นให้เหน็ วา่ ในสังคมมีความเชอ่ื เร่ืองความฝนั “พอม่อยหลับกลบั จติ นมิ ติ ฝัน ว่าเทวัญอยู่ท่ีเกาะน้นั เหาะเหนิ นางผีเส้ือสมุทรฝันว่า เทวดามาพังถ้า ใช้ค้อนทุบ ๓. สะทอ้ นให้เห็นถงึ ปญั หาครอบครวั ท่เี กดิ จากความรัก นางผีเสื้อสมุทรลักพาตัวพระอภัยมณีเพื่อมาอยู่กินฉันสามีภรรยา ๔. สะท้อนใหเ้ หน็ ว่า สงั คมไทยมีความเมตตาชว่ ยเหลอื กนั “ถ้าแก้ไขใหน้ างไปคา้ งปา่ ได้ล่วงหนา้ ไปเสียบ้างจะยังชว่ั การทเ่ี งือกเฒา่ และครอบครัวช่วยเหลอื พระอภยั มณีและสินสมทุ ร ๕. สะท้อนให้เห็นสังคมแห่งการเคารพผู้ใหญ่ “จงึ บญั ชาวา่ เจ้าสินสมุทร ไปช่วยฉดุ ศิลาใหญข่ น้ึ
ให้เขา “พงศก์ ษตั รยิ ต์ รสั ชวนสินสมุทร สอนใหบ้ ตุ รขอสมาอัชฌาสยั พระอภยั มณใี ห้สินสมุทรขอโทษเงือกเฒา่ ทไ่ี ด้ฉุดกระชากเงอื กเฒา่ เข้ามาในถา้ |