พระอภัยมณีตอนหนีนางผีเสื้อสมุทรให้ข้อคิดอะไรบ้าง

วเิ คราะห์โครงเรอื่ งพระอภยั มณี

ตอน พระอภยั มณีหนีนางผเี ส้ือสมุทร

โดย ครูเฉลมิ สิริ หนดู ี

ข้อคิดทีไ่ ดร้ ับจากวรรณคดี

๑. ความรกั ที่มไิ ดเ้ กดิ จากความสมัครใจ (จาใจ) ย่อมไมย่ นื ยาว
๒. การมชี วี ิตคู่ทย่ี นื ยาว สามีภรรยาตอ้ งมคี วามเหมาะสมกนั

ทง้ั ด้านการดาเนินชีวติ และอปุ นสิ ัย

๓. การพลัดพรากจากส่งิ ท่ีรักย่อมทาให้เกิดทุกข์

๔. ไม่ควรฆา่ สตั วแ์ ละทาลายชวี ิตผ้อู ื่น

ข้อคิดท่ีได้รบั จากวรรณคดี (ตอ่ )

๕. ควรมีเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่นทีก่ าลังไดร้ บั ความเดือดรอ้ น
๖. พ่อแมค่ วรพูดกบั ลูกดว้ ยเหตผุ ล ไม่ใช้อารมณแ์ ละทาร้ายลกู
๗. ควรใหค้ วามเคารพผู้อาวุโส

คณุ คา่ ดา้ นเนื้อหา

๑. แกน่ เร่อื ง

ชายหญิงท่ีจะเป็นสามีภรรยากัน หากไม่เหมาะสมกัน ไม่มีความรักซ่ึงกัน
และกันย่อมไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ ดังจะเห็นได้จากชีวิตคู่ของพระอภัยมณี กับ
นางผีเสอ้ื สมุทรซึง่ มีเผ่าพนั ธท์ุ แี่ ตกต่างกัน คอื เปน็ มนุษยก์ บั ยกั ษ์

อีกทั้งนางผีเส้ือสมุทรรักพระอภัยมณีเพียงฝ่ายเดียว โดยที่พระอภัยมณี
ไม่ได้รกั ตอบ

คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์

๑. รสวรรณคดี
บทเสาวรจนยี ์ (ชมความงาม)

“พงศก์ ษตั รยิ ท์ ศั นานางเงอื กน้อย ดแู ช่มชอ้ ยโฉมเฉลาทั้งเผ้าผม
ประไพพกั ตรล์ กั ษณล์ า้ ล้วนขาคม ทง้ั เน้ือนมนวลเปล่งออกเต่งทรวง
ขนงเนตรเกศกรออ่ นสะอาด ดังสรุ างคน์ างนาฎในวังหลวง
พระเพลินพศิ คิดหมายเสยี ดายดวง แลว้ หนักหน่วงนึกทจ่ี ะหนีไป”

การชมความงามของนางเงือก ซึ่งเป็นตัวละครที่มีท่อนบนเป็นมนุษย์
ท่อนล่างเป็นปลา มีรูปโฉมงดงามยิ่งนัก ท้ังรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ รวมถึง
ทรวงอก ที่เปล่งปล่ังเต่งตึง อีกทั้งคิ้ว ตา ผม มือดูสะอาดสะอ้านอ่อนช้อย
ด่ังนางสนมคอยรบั ใช้ในวังหลวง

บทพิโรธวาทงั (โกรธ เกรย้ี วกราด)

“ระกาอกหมกม่นุ หุนพโิ รธ กาลงั โกรธกลบั แรงกาแหงหาญ
ประหลาดใจใครหนอมากอ่ การ ชา่ งคดิ อ่านเอาคู่ของกูไป”

“กระโดดโครมโถมว่ายสายสมุทร อุตลดุ ดาด้นเทยี่ วคน้ หา
ไม่เห็นผวั ควา้ ไปไดแ้ ตป่ ลา ควักลูกตาสูบเลือดดว้ ยเดอื ดดาล
คอ่ ยมีแรงแผลงฤทธคิ ารณร้อง ตะโกนก้องเรียกหาโยธาหาญ
ฝ่ายปศี าจราชทตู ภูตพรายพาล อลหม่านขนึ้ มาหาในสาชล”

นางผีเสื้อสมุทรโกรธท่ีเงือกพาพระอภัยมณีและสินสมุทร
หนไี ปจึงออกตามหา

บทพิโรธวาทัง (โกรธ เกรีย้ วกราด)

“นางผเี ส้ือเหลือโกรธพิโรธรอ้ ง มาต้งั ซ่องศีลจะมีอยู่ทไี่ หน
ชา่ งเฉโกโยคหี นีเขาใช้ ไมอ่ ยู่ในศีลสตั ยม์ าตดั รอน
เขาว่ากนั ผัวเมียกบั แมล่ ูก ยน่ื จมูกเขา้ มาบ้างช่วยส่งั สอน
แมน้ คบคกู่ ไู วม้ ใิ ห้นอน จะรานรอญรบเร้าเฝา้ ตอแย
แล้วชี้หนา้ ดา่ องึ หงึ นางเงือก ทาซบเสอื กสอพลออตี อแหล
เห็นผัวรกั ยกั คอทาท้อแท้ พอ่ กับแมม่ ึงเข้าไปอยู่ในทอ้ ง
ทาปนั้ เจอ๋ เย่อหยิ่งมาชิงผัว ระวงั ตัวมงึ ใหด้ ีอีจองหอง
พลางเขน่ เขยี้ วเค้ียวกรามคารามร้อง เสียงกึกกอ้ งโกลาลูกตาโพลง ฯ”

นางผเี สือ้ สมุทรดา่ พระโยคแี ละนางเงอื ก

สัลลาปังคพิสัย (เศรา้ โศก)

“ลงกลิง้ เกลอื กเสอื กกายรอ้ งไห้โร่ เสยี งโฮโฮดงั ก้องหอ้ งคหู า
พระรูปหล่อพอ่ คณุ ของเมียอา ควรหรอื มาทงิ้ ขวา้ งหมองหมางเมีย
ท้ังลกู น้อยกลอยใจไปด้วยเลา่ เหมอื นควักเอาดวงใจนอ้ งไปเสีย

นอ้ งรอ้ นรุม่ กลุ้มใจดังไฟเลีย ทนู หวั เมียช่างไม่ไว้อาลยั เลย
ถงึ แปดปนี ี่แล้วไม่แคล้วคลาด เคยร่วมอาสนอ์ กอ่นุ พอ่ คุณเอ๋ย
ต้ังแต่นน้ี ้องจะได้ผใู้ ดเชย เหมือนพระเคยคเู่ คยี งเม่อื เทยี่ งคืน”

นางผีเส้อื สมุทรเศรา้ โศกฟมู ฟายท่พี ระอภัยมณี
และสินสมทุ รหนีนางไปจากถ้า

๒. การใชค้ า
การเลน่ สัมผัสอักษร
“แล้วหนักหน่วงนึกท่จี ะหนไี ป”

คาที่เล่นคือคาว่า หนัก หน่วง และหนี ซ่ึงเปน็ การใชต้ วั ห นา ตวั น

“ข้ึนฟอ่ งฟพู ่นฟองละอองฝน”

คาทเ่ี ลน่ คือคาว่า ฟอ่ ง ฟู และฟอง ซง่ึ เป็นการใช้ตวั ฟ

“กนิ สาราญรื่นเรงิ บนั เทิงใจ”

คาทีเ่ ลน่ คือคาวา่ ราญ ร่ืน และเริง ซึ่งเป็นการใชต้ ัว ร

สมั ผสั อักษร = ใช้พยญั ชนะตน้ เดยี วกันหรือเสยี งเดยี วกนั

การเลน่ สัมผสั สระ

“เงือกผเู้ ฒ่าเคารพอภวิ าท ขอรองบาทบรริ ักษจ์ นตักษัยเสดจ็

ข้ึนทรงบา่ จะพาไป พระหน่อไทใหข้ ่ีภริยา”

*เล่นสมั ผัสสระภายในวรรค

วรรคที่ ๑ คาว่า เฒา่ และ เคา(รพ)

วรรคท่ี ๒ คาวา่ (บริ)รักษ์ และ ตัก(ษัย)

วรรคท่ี ๓ คาวา่ บา่ และ พา

วรรคท่ี ๔ คาวา่ ไท และ ให้

สมั ผสั สระ = ใชส้ ระเดียวกันหรอื เสยี งเดยี วกนั
กรณมี ตี วั สะกด ต้องเป็นตัวสะกดมาตราเดยี วกนั

การซา้ คา

“โฉมยงองค์อภัยมณนี าถ เพลนิ ประพาสพิศดูหมมู่ จั ฉา
เหลา่ ฉลามลว้ นฉลามตามกนั มา คอ่ ยเคลอ่ื นคลาคลา้ ยคลา้ ยในสายชล
ฉนากอยู่คฉู่ นากไม่จากคู่ ขึน้ ฟ่องฟพู น่ ฟองละอองฝน
ฝงู พมิ พาพาฝงู เขา้ แฝงวน บ้างผุดพน่ ฟองนา้ บ้างดาจร
กระโหเ้ รียงเคยี งกระโหข้ น้ึ โบกหาง ลอยสล้างกลางกระแสแลสลอน
มังกรเกี่ยวเล้ยี วลอดกอดมังกร ประชมุ ซ่อนแฝงชลขึ้นวนเวยี น
ฝงู ม้านา้ ทาท่าเหมอื นมา้ เผ่น ขนึ้ ลอยเล่นเล้ยี วลัดฉวดั เฉวียน
ตะเพียนทองลอ่ งน้านาตะเพยี น ดาษเดียรดูเพลินจนเกนิ มา

ซา้ คา = เขียนเหมือนกัน ออกเสยี งเหมอื นกนั (แฝดเหมอื น*)

๓. การใช้ภาพพจน์

อปุ มา : เปรยี บสง่ิ หน่งึ เหมอื นกับอกี สง่ิ หน่งึ

“ไม่คลาดเคล่ือนเหมือนองคพ์ ระทรงเดช แต่ดวงเนตรแดงดูดังสุรยิ ์ฉาย

มีกาลังดงั พระยาคชาพลาย มเี ขยี้ วคล้ายชนนีมีศกั ดา”

สินสมทุ รมรี ูปร่างเหมือนพระอภยั มณี แตด่ วงตาสีแดงเหมอื นแสงพระอาทติ ย์

มีกาลังมากเหมอื นช้าง และมเี ขย้ี วคลา้ ยกบั แม่ (นางผีเสอื้ สมทุ ร)

“สตั วใ์ นน้าจาแพ้แกผเี ส้ือ เปรียบเหมอื นเน้อื เหน็ พยัคฆใ์ หช้ กั หลัง”

สัตว์ทะเลทัง้ หลายในนา้ กจ็ าต้องพ่ายแพแ้ กนางผีเสอ้ื สมุทร
เปรียบเหมอื นกบั เนอื้ ทราย เม่ือเหน็ เสือ้ เขา้ กต็ ้องหลบหนเี พ่ือเอาตวั รอดให้พน้ อันตราย

อุปลักษณ์ : เปรยี บสิง่ หนง่ึ เปน็ อีกสิ่งหน่งึ

“ถา้ แดดกล้าตามัวเปน็ หมอกควนั จะผายผันลว่ งทางไปกลางคนื ”

การเปรยี บตาทีม่ วั เหมอื นอยู่ท่ามกลางหมอกควัน จนเสมือนวา่ กลางวนั กลายเป็นกลางคนื

สทั พจน์ : การใชค้ าเลียนเสยี งธรรมชาติ

“สลาตันล่ันพิลึกเสียงครึกครนื้ จนดึกด่นื รีบรุดไมห่ ยดุ เลย”

เงอื กเฒ่ารบี ว่ายน้าพาพระอภยั มณหี นีจนดึกดืน่ ไมห่ ยดุ พัก

“ฟงั สาเนยี งเสียงคล่นื ดงั ครน้ื โครม ย่ิงทกุ ข์โทมนัสในฤทยั ทว”ี

พระอภัยมณฟี ังเสยี งคล่ืนในทะเลย่ิงทาให้รสู้ กึ เปน็ ทุกข์

อติพจน์ : กล่าวเกนิ จรงิ

“ลยุ ทะเลโครมครามออกตามไป สมุทรไทแทบจะลม่ ถล่มทลาย”

นางผเี สื้อสมทุ รรีบออกตามหาพระอภยั มณี จนมหาสมุทรแทบจะถลม่ ทลาย

คุณค่าดา้ นสงั คม

๑. สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงวิถชี วี ิตความเป็นอยขู่ องคนไทย
เกี่ยวกบั การเลยี้ งดเู ด็ก

พ่อแมบ่ างครอบครัวมกั จะเลี้ยงดูลกู อยา่ งเข้มงวด บางครั้งเลือกตัดสนิ โทษ
โดยใช้อารมณม์ ากกว่าเหตผุ ล ดังเช่น นางผีเสือ้ สมุทรทป่ี ฏิบตั ิตอ่ สินสมทุ ร ส่งผลให้
สนิ สมทุ รรกั พอ่ มากกวา่ แม่

“ฝา่ ยกุมารสนิ สมุทรสดุ สวาท ไมห่ า่ งบาทบิดาอัชฌาสยั
ความรักพอ่ ย่ิงกวา่ แมม่ าแต่ไร ดว้ ยมิไดข้ เู่ ขญ็ เชน่ มารดา”

๒. สะทอ้ นให้เหน็ วา่ ในสังคมมีความเชอ่ื เร่ืองความฝนั
เคราะหก์ รรม เทวดา ภูตผปี ีศาจ เวทมนตร์คาถา

“พอม่อยหลับกลบั จติ นมิ ติ ฝัน ว่าเทวัญอยู่ท่ีเกาะน้นั เหาะเหนิ
มาสงั หารผลาญถ้าระยาเยนิ แกว่งพะเนนิ ทบุ นางแทบวางวาย
แลว้ อารกั ษค์ วกั ลว้ งเอาดวงเนตร สาแดงเดชเหาะกลบั ไปลับหาย
ทง้ั กายสน่ั พรั่นตวั ดว้ ยกลัวตาย พอฟืน้ กายก็พอแจง้ แสงตะวัน
จงึ ก้มกราบบาทบงส์พุ ระทรงศักด์ิ แล้วนางยกั ษ์เล่าตามเนื้อความฝัน
ไมเ่ คยเห็นเป็นวบิ ัตอิ ัศจรรย์ เชิญทรงธรรม์ชว่ ยทานายร้ายหรือด”ี

นางผีเส้ือสมุทรฝันว่า เทวดามาพังถ้า ใช้ค้อนทุบ
และควักเอาดวงตา ทั้งสองข้างของนาง จากน้ันก็ลับหายไป
เมื่อนางสะดุ้งต่ืนจากความฝันจงึ ให้ พระอภยั มณชี ่วยทานาย
ฝันให้แกน่ าง

๓. สะทอ้ นให้เห็นถงึ ปญั หาครอบครวั ท่เี กดิ จากความรัก
ท่ไี มส่ มคั รใจของฝ่ายใดฝา่ ยหน่ึง

นางผีเสื้อสมุทรลักพาตัวพระอภัยมณีเพื่อมาอยู่กินฉันสามีภรรยา
โดยที่พระอภัยมณีไม่ไดเ้ ต็มใจ แม้จะปฏบิ ัตดิ ีตอ่ พระอภยั มณีสกั เท่าใดกไ็ มเ่ ป็นผล
เมื่อเห็นช่องทางที่จะสามารถหนีจากนางผีเส้ือสมุทรได้ พระอภัยมณีจึงเลือกที่จะ
หนีไป

๔. สะท้อนใหเ้ หน็ ว่า สงั คมไทยมีความเมตตาชว่ ยเหลอื กนั

“ถ้าแก้ไขใหน้ างไปคา้ งปา่ ได้ล่วงหนา้ ไปเสียบ้างจะยังชว่ั
จะอาสาพาไปมไิ ด้กลัว ชีวิตตัวบรรลัยไมเ่ สียดาย
แตพ่ ระองค์ทรงคดิ ให้รอบคอบ ถ้าเห็นชอบท่วงทจี ะหนีหาย
จงึ โปรดใชใ้ หอ้ งค์พระลกู ชาย ไปหาดทรายหาข้าจะมาฟงั ”

การทเ่ี งือกเฒา่ และครอบครัวช่วยเหลอื พระอภยั มณีและสินสมทุ ร
ให้รอดพ้นจากการคุมขงั ของนางผีเสื้อสมุทร แม้ตวั ตายก็ไมเ่ สียดายชวี ติ

๕. สะท้อนให้เห็นสังคมแห่งการเคารพผู้ใหญ่

“จงึ บญั ชาวา่ เจ้าสินสมุทร ไปช่วยฉดุ ศิลาใหญข่ น้ึ ให้เขา
ขอสมาตาป่อู ยา่ ดเู บา ช่วยอุ้มเอาแกออกไปให้สบาย”

“พงศก์ ษตั รยิ ต์ รสั ชวนสินสมุทร สอนใหบ้ ตุ รขอสมาอัชฌาสยั
พระทรงบา่ เงอื กน้างามวิไล พระหน่อไทยขอสมาขึ้นบา่ นาง”

พระอภยั มณใี ห้สินสมุทรขอโทษเงือกเฒา่ ทไ่ี ด้ฉุดกระชากเงอื กเฒา่ เข้ามาในถา้
และขอโทษแมเ่ งือกก่อนท่จี ะขึน้ บา่ ให้พาหนีนางผเี สื้อสมุทร