ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่

แม้ว่าการปลูกข้าวโพดหวานสามารถทำได้ตลอดปีถ้ามีแหล่งน้ำเพียงพอ อย่างไรก็ตามผลผลิตและคุณภาพข้าวโพดหวานอาจจะแตกต่างไปตามฤดูกาล นอกจากนี้พันธุ์บางพันธุ์อาจตอบสนองต่อฤดูปลูกแตกต่างกัน โดยทั่วไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ จะให้ผลผลิตต่ำกว่าในช่วงอื่น ๆ เนื่องจากอากาศเย็น ขณะที่การปลูกในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม จะได้ผลผลิตดีกว่าช่วงอื่น ๆ ไม่มีโรคราน้ำค้างระบาดและปัญหาวัชพืชซึ่งจะน้อยกว่าการปลูกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เพราะผลผลิตบางส่วนอาจเสียหายได้เนื่องจากช่วงดังกล่าวฝนตกชุก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมหรือน้ำขังในแปลงปลูกได้ง่าย โดยเฉพาะในแปลงที่มีระบบการระบายน้ำไม่ดี

   

ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่
   
ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่

การเตรียมดิน    

ในการปลูกข้าวโพดหวานควรมีการเตรียมดินอย่างดี เพื่อช่วยกำจัดวัชพืชย่อยเศษซากพืชและคลุกเคล้าอินทรียวัตถุ อีกทั้งยังเป็นการทำลายโรคและแมลงบางชนิดที่เป็นศัตรูข้าวโพด โดยทั่วไปการเตรียมดินควรปฏิบัติ ดังนี้

1. ไถด้วยผาลสาม 1 ครั้ง ลึก 20-30 เซนติเมตร และตากดิน 7-10 วัน แล้วพรวนด้วยผาลเจ็ด 1 ครั้ง แล้วคราดเก็บเศษซาก ราก เหง้า หัว ไหล ของวัชพืชออกจากแปลงให้หมด

2. เก็บตัวอย่างดินเพื่อวิเคราะห์ ถ้าพบว่าดินมีความเป็นกรดต่ำกว่า 5.5 ให้หว่านปูนขาว อัตรา 100-200 กิโลกรัมต่อไร่แล้วพรวนกลบ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 14 วัน ก่อนปลูกข้าวโพดหวาน   

3. ถ้าดินมีอินทรียวัตถุต่ำกว่า 1.5 ให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายดีแล้ว อัตรา 500-1,000 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วพรวนดินกลบ

วิธีการปลูก

เมล็ดพันธุ์ที่นำมาปลูกควรมีความงอกสูงกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ หยอด 1 เมล็ดต่อหลุม โดยใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1.0-1.2 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ถ้าเมล็ดพันธุ์มีความงอกต่ำกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ควรหยอดเมล็ด 1-2 เมล็ดต่อหลุม และหยอดลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร ซึ่งใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1.5-2.0 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากพันธุ์ข้าวโพดหวานที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่ต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง ดังนั้นก่อนปลูกทุกครั้งต้องคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเมตาแลกซิล อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม เพื่อป้องกันโรคราน้ำค้าง สำหรับอัตราปลูกที่เหมาะสมของข้าวโพดหวานเพื่ออุตสาหกรรมการแปรรูปควรอยู่ในช่วง 8,500-11,00 ต้นต่อไร่ ซึ่งการจัดระยะปลูกสามารถทำได้โดย

1. ใช้ระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร และระยะระหว่างต้น 20-25 เซนติเมตร เมื่อข้าวโพดมีอายุประมาณ 10-14 วัน ถอนแยกให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุม จะได้จำนวนต้นประมาณ 8,533-10,667 ต้นต่อไร่

2. ใช้ระยะระหว่างแถวและระยะระหว่างต้นเท่ากัน คือ ประมาณ 40 เซนติเมตร เมื่อข้าวโพดมีอายุประมาณ 10-14 วัน ถอนแยกให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุม จะได้จำนวนต้นประมาณ 10,000 ต้นต่อไร่

การให้น้ำ

การขาดน้ำทุกระยะการเจริญเติบโตจะมีผลให้ผลผลิตและคุณภาพของข้าวโพดลดลง ก่อนการปลูกเกษตรกรต้องมีการวางแผนวิธีการให้น้ำที่เหมาะสมกับสภาพแปลงปลูก โดยทั่วไปการให้น้ำมีหลักปฏิบัติ ดังนี้

1. ให้น้ำทันทีหลังปลูกและหลังการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง หลังจากนั้นให้น้ำทุก 7-12 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ วิธีการให้น้ำที่เกษตรกรปฏิบัติมีอยู่ 2 แบบ คือ ให้น้ำตามร่องคูและให้น้ำแบบพ่นฝอย (Sprinkler) ซึ่งการให้น้ำแบบพ่นฝอยควรให้น้ำแต่ละครั้งประมาณ 35-40 มิลลิลิตร ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและชนิดของดิน เช่น ถ้าดินที่ใช้ปลูกเป็นดินทรายหรือดินร่วน ควรให้น้ำถี่กว่าดินเหนียวหรือดินร่วนเหนียว เพราะดินดังกล่าวมีความสามารถในการเก็บความชื้นไว้ นอกจากนี้ในช่วงการเจริญเติบโต หากสภาพอากาศมีอุณหภูมิสูงหรือมีลมแรงก็ควรมีการให้น้ำถี่ขึ้น  

2. หากพบว่าใบข้าวโพดหวานเหี่ยวหรือม้วนในช่วงเช้าหรือเย็น แสดงว่าขาดน้ำต้องรีบให้น้ำทันที

3. หลังการให้น้ำต้องระวังไม่ให้น้ำท่วมขังในแปลงนานเกิน 24 ชั่วโมง เพราะข้าวโพดหวานจะชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงหรืออาจตายได้

4. อย่าให้ข้าวโพดขาดน้ำในช่วงการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงผสมเกสรและติดเมล็ด เพราะจะทำให้ผลผลิตและคุณภาพผลผลิตลดลงอย่างมาก ถึงแม้การขาดน้ำจะเป็นช่วงสั้น ๆ และไม่รุนแรง

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ประมาณ 94 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตข้าวโพดใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทย ทุกวันนี้ประเทศไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ผลิตได้น้อย บางปีจึงต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เข้ามาใช้ในประเทศ

ปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ลูกผสมที่มีลักษณะทางการเกษตรสม่ำเสมอ ได้แก่ ขนาดฝัก ความสูงฝัก ความสูงต้น อายุถึงวันออกไหม และเก็บเกี่ยว ที่สำคัญให้ผลผลิตและคุณภาพสูงกว่าพันธุ์ผสมเปิด จึงเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ไม่สามารถเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ได้

สำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พันธุ์ลูกผสมที่จำหน่ายในท้องตลาด มักให้ผลผลิตสูง มีอายุเก็บเกี่ยว 100-120 วัน พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กระจายอยู่ทั่วประเทศ อาทิ จังหวัดนครสวรรค์ สระบุรี ลพบุรี นครราชสีมา เลย เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร เป็นต้น

ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่
แปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่จังหวัดลพบุรี

ในแต่ละปีการผลิต เกษตรกรจะทำการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จำนวน 2 ครั้ง ข้าวโพดรุ่นแรก เริ่มปลูกในช่วงฤดูฝน ประมาณช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน และเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่ยังคงมีฝนตกมาก ทำให้ผลผลิตข้าวโพดมีความชื้นสูง อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเชื้อราและสารอะฟลาท็อกซิน การเพาะปลูกข้าวโพดรุ่น 2 ประมาณช่วงฤดูแล้ง แต่ข้าวโพดรุ่นนี้จะมีปริมาณผลผลิตไม่มาก การเพาะปลูกจะเริ่มในเดือนธันวาคม และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของปีถัดไป

 

คุยกับคนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

คุณกัณฑิมา อยู่เพ็ชร อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 10/1 หมู่ที่ 7 ตำบลช่องสาริกา อำเภอช่องสาริกา จังหวัดลพบุรี เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวเธอปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ จนถึงปัจจุบันยาวนานนับ 20 ปี สาเหตุที่เลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นรายได้หลักเลี้ยงครอบครัว เพราะแหล่งที่ดินทำกินในพื้นที่ตำบลช่องสาริกา มีสภาพเป็นที่ดอน ไม่เอื้อต่อการทำนา แต่เหมาะต่อการปลูกพืชไร่มากกว่า เธอจึงตัดสินใจปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพราะพืชไร่ชนิดนี้ปลูกดูแลง่าย

ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่
คุณกัณฑิมา อยู่เพ็ชร

ทุกวันนี้เธอมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประมาณ 260 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของเธอเองและที่ดินเช่า สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปีนี้ เธอยอมรับว่า ราคาไม่สู้ดีนัก จากเดิมที่เคยขายผลผลิตได้ในราคา 90 บาท ต่อถัง (1 ถัง น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม) ปีนี้ราคาลดลงเหลือแค่ 70 บาท ต่อถัง เท่านั้น

ในท้องถิ่นแห่งนี้ สามารถปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ปีละ 2 รุ่น ผลผลิตรุ่นแรกจะเริ่มปลูกประมาณช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี เกษตรกรจะคอยสังเกตว่า หากฝนตกลงมาเมื่อไรก็จะลงมือปลูกทันที ส่วนผลผลิตรุ่น 2 จะลงมือปลูกอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคมเท่านั้น หากฝนมาล่าช้ากว่าปกติ เกษตรกรก็จะหันไปปลูกทานตะวันแทน

ปัจจุบันคุณกัณฑิมาเลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พันธุ์ ซี.พี.801 เพราะมีขนาดฝักใหญ่ ยืนต้นดี ปลูกถี่ได้ อายุเก็บเกี่ยวฝักสดประมาณ 110 วัน หากเก็บฝักแห้งจะใช้เวลาปลูกประมาณ 120 วัน นอกจากนี้ ยังมีลักษณะเด่นคือ ความสูงต้นปานกลาง ตำแหน่งฝักต่ำ ลำต้นแข็งแรง ระบบรากและการยืนต้นดี ให้ผลผลิตฝักเดี่ยว ขนาดใหญ่แต่แกนเล็ก เมล็ดลึก เปอร์เซ็นต์การกะเทาะสูง เปลือกหุ้มฝักมิด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,500-2,000 กิโลกรัม ต่อไร่

ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พันธุ์ ซี.พี.801 ฝักใหญ่ ยืนต้นดี ปลูกถี่ได้

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พันธุ์ ซี.พี.801 เจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่ราบ ที่เนิน สภาพดินสมบูรณ์ ปริมาณน้ำฝนปานกลาง เมื่อปลูกในระยะห่าง 70×20 เซนติเมตร หลุมละ 1 ต้น ไม่ควรเกิน 12,000 ต้น ต่อไร่ ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวโพดต่อไร่ให้สูงขึ้นได้ เมื่อดูแลจัดการแปลงอย่างเหมาะสม เริ่มจากช่วงรองพื้น ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมีหมอดิน สูตร 10-10-5 พร้อมหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ในอัตรา 20-30 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อบำรุงให้ธาตุอาหารหลัก รอง และเสริม สำหรับช่วยบำรุงระบบราก บำรุงลำต้นให้เติบโตเร็ว ใบเขียวนาน

ช่วงที่ทำรุ่น ใส่ปุ๋ยเคมีหมอดิน สูตร 27-12-6 ในอัตรา 30-35 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อช่วยบำรุงลำต้น ใบ ให้ต้นข้าวโพดมีฝักใหญ่ น้ำหนักดี เมล็ดติดเต็มฝัก สำหรับช่วงออกดอกหัว หากพบว่า ต้นข้าวโพดไม่สมบูรณ์ หรือกระทบแล้ง เกษตรกรจะได้รับคำแนะนำให้ใส่ปุ๋ยหมอดิน สูตร 46-0-0 ในอัตรา 10 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อช่วยให้ดอกสมบูรณ์ ติดเมล็ดดี และให้ผลผลิตสูง

ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่
คุณนงคราญ บุญอยู่

ด้าน คุณนงคราญ บุญอยู่ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 1 ตำบลชอนสารเดช อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ผลตอบแทนดีกว่าพืชไร่ชนิดอื่น ครอบครัวเธอจึงตัดสินใจปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาอย่างต่อเนื่อง เธอเลือกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ ซี.พี.301 ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ ต้นเตี้ย เก็บเกี่ยวไว ความชื้นต่ำ เมล็ดสีสวย ขายผลผลิตได้ราคาดี ขายฝักสดได้ในระยะ 90-95 วัน

ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พันธุ์ ซี.พี.301 ต้นเตี้ย เก็บเกี่ยวไว ขายฝักสด

ข้อดีของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ ซี.พี.301 ที่โดนใจเกษตรกร นั่นก็คือ ต้นเตี้ย ปลูกถี่ได้ ลำต้นและระบบรากแข็งแรง ฝักเดี่ยว เมล็ดลึก ขนาดฝักสม่ำเสมอทั้งแปลง เปลือกหุ้มมิด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,200-1,900 กิโลกรัม ต่อไร่ เติบโตได้ดีในสภาพที่ราบ ที่ต่ำ สภาพดินสมบูรณ์ปานกลาง ปริมาณน้ำฝนดี ปลูกในระยะห่าง 70×20 เซนติเมตร หลุมละ 1 ต้น ไม่ควรเกิน 12,000 ต้น ต่อไร่

 

ภาพรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทย

ทุกวันนี้ปัญหาสำคัญของการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คือ ผลผลิตประมาณร้อยละ 85 ของผลผลิตทั้งหมด ออกสู่ตลาดกระจุกตัวในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม และเนื้อที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กว่าร้อยละ 50 ปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสมและพื้นที่เขตป่าไม้

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เคยรายงานสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ช่วงปี 2557/2558 ว่า ประเทศไทยมีเนื้อที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประมาณ 7.40 ล้านไร่ ผลผลิต 5.01 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 676 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเพาะปลูกมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง เพราะราคาปรับตัวลดลง เกษตรกรจำนวนมากจึงปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปปลูกพืชที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น มันสำปะหลัง และอ้อยโรงงาน ทำให้ภาครัฐต้องใช้มาตรการแทรกแซงตลาดเพื่อยกระดับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

ขณะที่ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 6.84 โดยเฉพาะค่าเช่าที่ดินและค่าดูแลรักษา ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในอัตราเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 13.91 และร้อยละ 13.68 ตามลำดับ นอกจากนี้ แนวโน้มความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของภาคปศุสัตว์ เฉลี่ยต่อปีร้อยละ 3.55 แต่มีผลผลิตเพิ่มขึ้นอัตราเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 1.50

ข้าวโพด 1 ไร่ ได้ ผลผลิต เท่า ไหร่
ตลาดต้องการข้าวโพดไร่ที่มีลักษณะและคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ ความชื้นไม่เกิน 14.0%

ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กว่าร้อยละ 90 ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ ภายในประเทศเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก แต่ผลผลิตรุ่นนี้มักเจอปัญหาฝนตกชุกและต่อเนื่องในช่วงระยะเก็บเกี่ยว ทำให้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่นนี้มักเกิดปัญหาด้านคุณภาพ เพราะมีเปอร์เซ็นต์ความชื้นสูง มีโอกาสเกิดอะฟลาท็อกซินได้ง่าย ผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์จึงไม่นิยมซื้อเก็บสต๊อกไว้ ทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวมากในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม มีราคาอ่อนตัวลงแต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนการผลิต จึงขอให้เกษตรกรระมัดระวังเรื่องคุณภาพและการใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยว เพราะหากเมล็ดมีความชื้นสูงจะทำให้แตกหักง่ายและโอกาสเกิดอะฟลาท็อกซินง่ายยิ่งขึ้น

จากการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พบว่า ต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับค่าปุ๋ยเคมี สารเคมีศัตรูพืชและวัชพืช เนื่องจากเกษตรกรจำนวนมากนิยมใช้ปุ๋ยเคมีในการบำรุงดิน ในช่วงที่ราคาปุ๋ยเคมีปรับเพิ่มขึ้นจะทำให้เกษตรกรแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย   

1ไร่ปลูกข้าวโพดได้กี่ต้น

ใช้ระยะระหว่างแถว 70-75 เซนติเมตร ระยะระหว่างหลุม 20 เซนติเมตร อัตราปลูกประมาณ 10,600-11,400 ต้นต่อไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ 3-4 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใช้จอบขุดเป็นหลุม หรือรถไถเดินตาม หรือแทรกเตอร์ติดหัวเปิดร่อง การใส่ปุ๋ยรองพื้นพร้อมปลูก

ข้าวโพด1ไร่ได้กี่กิโล

ข้อดีของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์ ซี.พี.301 ที่โดนใจเกษตรกร นั่นก็คือ ต้นเตี้ย ปลูกถี่ได้ ลำต้นและระบบรากแข็งแรง ฝักเดี่ยว เมล็ดลึก ขนาดฝักสม่ำเสมอทั้งแปลง เปลือกหุ้มมิด ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,200-1,900 กิโลกรัม ต่อไร่ เติบโตได้ดีในสภาพที่ราบ ที่ต่ำ สภาพดินสมบูรณ์ปานกลาง ปริมาณน้ำฝนดี ปลูกในระยะห่าง 70×20 เซนติเมตร หลุมละ ...

ปลูกข้าวโพด 1 ไร่ได้เงินเท่าไร

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ.2564. เทคโนโลยีชาวบ้าน - Technologychaoban. 59K subscribers. ลงทุนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไร่ละ 4,300 บาท เพียงหนึ่งปี ทำกำไรได้มากถึง 8 แสนบาท | เทคโนโลยีชาวบ้าน

ปลูกข้าวโพด 1ต้นได้กี่ฝัก

ปล.ข้าวโพด1ต้น ติดฝักประมาณ2-4 ฝัก ถ้าคุณปลูก 10 ต้น คุณจะมีข้าวโพดทาน เท่าไหร่แล้วถ้า 100 ต้นละลองคิดดู ปลูกเองกินเอง เหลือแจกได้มิตรภาพ เหลือขาย ได้ตัง มีความสุขบนวิถีเกษตรแบบพึ่งพาตนเองดีจริงๆ คอนเฟิร์ม