Show การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันนี้ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปยังทุกภาคส่วน ภาครัฐและเอกชนต่างมุ่งจัดการปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ล้วนเป็นเรื่องเร่งด่วนในทุก ๆ ด้าน อย่างไรก็ตามเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกและสิ่งแวดล้อม” เป็นอีกปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วนเช่นกัน จากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยและมีความรุนแรงมากขึ้น อันเป็นผลจากสภาวะโลกร้อนในหลายประเทศทุกภูมิภาคทั่วโลก แท้จริงแล้วภาคอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญต่อประเด็นนี้ เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานมากถึงหนึ่งในสามของการใช้พลังงานทั้งหมดในโลก ซึ่งเทคโนโลยีการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ก้าวหน้าไปมากในปัจจุบันช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมมีส่วนสำคัญช่วยลดสภาวะโลกร้อนโดยอาศัยการจัดการพลังงานอย่างชาญฉลาดด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว การจัดการพลังงานไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรมมีส่วนช่วยลดสภาวะโลกร้อนได้อย่างไร เรามาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญซึ่งทุกภาคส่วนเห็นร่วมกันชัดเจนถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในขณะที่ภาคส่วนอื่น ๆ อาทิ การผลิตพลังงานไฟฟ้า การเกษตร และการบริโภคในครัวเรือน ได้เริ่มลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาระดับหนึ่งแล้ว แต่ภาคอุตสาหกรรมนั้นแทบจะไม่มีการปรับเปลี่ยนเลย แม้แต่ในประเทศเยอรมนีที่เป็นผู้นำในโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่เองก็ตาม เพื่อจัดการปัญหานี้ ซีเมนส์เห็นแนวทางขับเคลื่อนสำคัญ 3 ประการที่จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
จากสามแนวทางข้างต้น “การจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ” เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งยังสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดจากปัจจัยการขับเคลื่อนที่เหลือ ในการจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะนั้น มี 2 ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่ หนึ่ง – ความเป็นไปได้ที่จะนำพลังงานสะอาด ซึ่งไม่มีการปล่อยคาร์บอนสู่สิ่งแวดล้อมมาป้อนเข้าสู่สถานประกอบการอุตสาหกรรม อาทิ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และ สอง – การจัดการพลังงานของสถานประกอบการอุตสาหกรรม เช่น การจัดการความต้องการใช้พลังงานด้วยซอฟต์แวร์ เป็นต้น เหตุผลที่การจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะมีผลอย่างมากต่อการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็คือ เมื่อจัดการการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้สามารถเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้โดยไม่ก่อมลภาวะ แทนที่การผลิตไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีแบบเดิม เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานดีเซลที่มีการก่อมลภาวะสูง การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพคือ “หัวใจสำคัญ” ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรม กรณีศึกษาจากบริษัท Gestamp ผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะยานยนต์ในสเปนซึ่งมีหลายกระบวนการผลิตที่ต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมากแต่ขาดข้อมูลการใช้พลังงานที่ชัดเจนทำให้โรงงานต้องเผชิญกับค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์มาตรวัดพลังงานและการใช้โซลูชันการสื่อสารรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่จากโรงงาน 15 แห่งใน 6 ประเทศแล้วนำมาวิเคราะห์ Gestamp สามารถระบุจุดที่เป็นปัญหาและปรับปรุงการดำเนินงาน ทำให้สามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงถึง 15 เปอร์เซ็นต์และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 14,000 ตันต่อปี การจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะช่วยให้การผลิตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยในบริหารรอบการทำงานให้ได้ประโยชน์สูงสุดและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นอกเหนือจากนั้นยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรม พร้อมเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ ในการนำพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันการจัดการพลังงานไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการปรับกระบวนการจัดการให้เป็นระบบดิจิทัล (Digitalization) และนำการจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Electrification) มาใช้ ผลที่ตามมาไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แต่ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและทำให้การใช้ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น การปรับกระบวนการทำงานเป็นระบบดิจิทัล (Digitalization) ทำให้เราสามารถพัฒนาระบบดิจิทัลทวิน (Digital Twin) สำหรับระบบไฟฟ้าของโรงงานได้ และเมื่อควบรวมกับระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม ผู้วางระบบงานสามารถทดสอบการจำลองสถานการณ์การทำงานต่าง ๆ เพื่อหาจุดที่เหมาะสมที่สุดในการวางระบบงาน เพื่อลดความผิดพลาดและลดต้นทุนในการวางแผนงาน การก่อสร้าง และการบำรุงรักษา วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดทำให้เราต้องพิจารณาอีกครั้งเกี่ยวกับวิธีการดำเนินงานทางธุรกิจของเรา สำหรับอุตสาหกรรม ถึงเวลาแล้วที่จะสร้างรากฐานธุรกิจในอนาคตด้วยการผสมผสานการจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะเข้ากับแผนงานของกิจการ ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่แค่ตัวเลขทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน ครอบคลุม ตั้งแต่ลูกค้า ชุมชน ประเทศ ไปจนถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมในโลกของเราด้วย การจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Electrification) คืออะไร สมัยก่อนการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องจักรเป็นการจ่ายพลังงานแบบตายตัวตามระดับที่กำหนด เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ทำงานโดยใช้พลังงานตามที่ออกแบบมา ไม่มีการวัดระดับการใช้พลังงานที่มีความแม่นยำในระหว่างที่เครื่องจักรทำงาน วิธีเดียวในการวัดระดับการใช้พลังงานก็คือการติดเครื่องวัดหรือมิเตอร์ แล้วจดค่าที่ปรากฎบนมิเตอร์ ตามช่วงเวลาที่กำหนด แล้วนำข้อมูลดิบที่ได้มาวิเคราะห์ผ่านการคำนวณต่าง ๆ ในภายหลัง การจัดการพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ ในบทความนี้ หมายถึงระบบนิเวศน์ของการจ่ายพลังงานไฟฟ้าอย่างชาญฉลาดให้กับเครื่องจักร และ/หรืออุปกรณ์ โดยเริ่มตั้งแต่แหล่งที่มาของพลังงานไฟฟ้า (Energy Supply) ไปจนถึงการใช้พลังงานไฟฟ้า (Energy Consumption) เช่น ความสามารถในจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากหลายแหล่งพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งพลังงานจากถ่านหินแบบดั้งเดิม รวมไปถึงพลังงานทดแทน (Renewable Energy) อาทิพลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม หรือน้ำ การทำงานของเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าสมัยใหม่ที่สามารถส่งข้อมูลดิจิตอลและติดต่อสื่อสารกันได้ ทำให้เราสามารถจัดการเลือกแหล่งที่มาของพลังงานไฟฟ้าที่ต้นทุนต่ำที่สุด ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง หรือมาจากพลังงานทดแทนมากที่สุด และที่สำคัญคือสามารถกำหนดโปรแกรมการเพิ่มลดอัตราการใช้พลังงานของเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับช่วงเวลาการใช้งาน เช่น เพิ่มพลังงานไฟฟ้าช่วงเดินเครื่องจักรต้องใช้พลังงานมาก และลดพลังงานไฟฟ้าโดยอัตโนมัติเป็นระยะเมื่อเครื่องจักรเดินไประดับหนึ่ง หรือสั่งให้เปิดปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าตามเวลาเพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น หรือรู้ล่วงหน้าถึงอัตราการเสื่อมสภาพของเครื่องจักรผ่านการวิเคราะห์รูปแบบ (Pattern) ของการใช้พลังงานไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลา เทียบกับข้อมูลในอดีต เป็นต้น โดย สุวรรณี สิงห์ฤาเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและซีอีโอ ซีเมนส์ ประเทศไทยการจัดการพลังงาน มีอะไรบ้างการจัดการพลังงาน. ขั้นตอนที่ 1 การแต่งตั้งคณะทำงานด้านการอนุรักษ์พลังงาน ... . ขั้นตอนที่ 2 การประเมินสถานภาพการจัดการพลังงาน ... . ขั้นตอนที่ 3 การกำหนดนโยบายอนุรักษ์พลังงาน ... . ขั้นตอนที่ 4 การประเมินศักยภาพการอนุรักษ์พลังงาน ... . ขั้นตอนที่ 5 การกำหนดเป้าหมายและแผนฯ ... . ขั้นตอนที่ 6 การดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน. การจัดการพลังงานหมายถึงอะไร *1.3.1 การจัดการพลังงาน หมายถึง ระบบการดาเนินงานภายในองค์กรซึ่งประกอบด้วย บุคลากร ทรัพยากร นโยบาย และขั้นตอนการดาเนินการ โดยมีการทางานประสานกันอย่างมีระเบียบและแบ บแผน เพื่อปฏิบัติงานที่กาหนดไว้หรือเพื่อให้บรรลุหรือรักษาเป้าหมายที่กาหนดไว้
การจัดการพลังงานคืออะไร จงอธิบายพร้อมทังยกตัวอย่างการจัดการพลังงาน คือ การทำให้มั่นใจว่าได้มีการจัดการทรัพยากรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร นิยมใช้คำว่า “ การอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม”การอนุรักษ์พลังงาน คือ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อใดเป็นความหมายของการอนุรักษ์พลังงานการอนุรักษ์พลังงาน คือ การผลิตและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดการอนุรักษ์พลังงานนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นการประหยัด ค่าใช้จ่ายในกิจการแล้ว ยังจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากแหล่งที่ใช้และผลิตพลังงานด้วย การสร้างนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
|