เมืองจำลองแผนที่แสดงตำแหน่งที่ตั้ง
เมืองจำลองอ. บางละมุง จ. ชลบุรีสาระสังเขป เมืองจำลอง เป็นสถานที่รวบรวมแบบจำลองขนาดย่อส่วนไว้ในอัตรา 1:25 ซึ่งเป็นการจำลองมาจากสถานที่สำคัญทั่วโลก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมได้รอบโลก โดยการจำลองนั้นยังคงรักษารายละเอียดไว้ได้เหมือนสถานที่จริง โดยมีโซนหลัก ๆ คือ โซนมินิสยาม ที่จำลองสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระที่นั่งอนันตสมาคม พระปฐมเจดย์ อุทยานประวัติศาสต์พนมรุ้ง วัดมหาธาตุสุโขทัย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นต้น และโซนมินิยุโรป จำลองสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศยุโรป เช่น อนุสาวรีย์เทพีสันติภาพ หอไอเฟล โรงอุปรากรซิดนีย์ สะพานทาวเวอร์บริดจ์ โคลอสเซียม เป็นต้น
ที่อยู่: เลขที่ 387 หมู่ 6 ถ.สุขุมวิท อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150 โทรศัพท์: 0-3872-7333, 0-3872-7666 วันและเวลาทำการ: เปิดทุกวัน 07.00–22.00 น. โดย: วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 โดย: วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 โดย: วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 โดย: วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 โดย: วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
ดุสิตธานี เมืองทดลองประชาธิปไตย ฉัตรชัย ศรีเมืองกาญจนา | 1 สิงหาคม 2563
ก่อนที่ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อปี 2475 นั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างเมืองจำลองที่เรียกว่า “ดุสิตธานี” ขึ้นในปี 2461 เพื่อเป็นแบบทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีลักษณะเป็นการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศบาลโดยดัดแปลงมาจากประเทศอังกฤษ ดุสิตธานีถือกำเนิดที่พระราชวังดุสิต ภายหลังได้ย้ายมาอยู่ที่พระราชวังพญาไท (โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในปัจจุบัน) สิ่งก่อสร้างจำลองต่าง ๆ ในดุสิตธานีมีขนาดสูง 2-3 ฟุต เช่น ที่ทำการรัฐบาล บ้านเรือนราษฎร พระราชวัง ศาสนสถาน สถานที่ราชการ โรงทหาร ร้านค้า โรงพยาบาล ตลาด โรงแรม ธนาคาร สถานประกอบธุรกิจต่าง ๆ เป็นต้น โดยมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างครบถ้วน โฮเต็ลเมโตรโปล เป็นอาคารกลุ่มใหญ่จำนวน 12 หลัง นอกจากนี้ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาบุรีนวราษฐ์ ราชเลขานุการในพระองค์ แปลธรรมนูญการปกครองเทศบาลของประเทศอังกฤษแล้วทรงนำมาพิจารณาดัดแปลงแก้ไขเพื่อใช้ในดุสิตธานี และได้พระราชทานชื่อว่า “ธรรมนูญลักษณะปกครองคณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461” เพื่อเป็นการกำหนดอำนาจในอันที่จะพระราชทานแด่ชาวดุสิตธานี ให้ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นในวิธีจัดการปกครองตนเองในกิจการบางอย่าง โดยเนื้อหาสำคัญในธรรมนูญการปกครองนี้ ได้แก่ การกำหนดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเป็นการเลือกตั้งนคราภิบาล (หัวหน้ารัฐบาล) ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าดำเนินการปกครองโดยทั่วไป และเลือกเชษฐบุรุษ (เปรียบได้กับผู้แทนราษฎร) เป็นตัวแทนของทวยนาคร (ราษฎร) ในอำเภอนั้น ๆ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงเป็นนคราภิบาลผู้เป็นใหญ่ในดุสิตธานีแต่ทรงเป็นเพียงนาครผู้หนึ่งที่ทรงใช้พระนามแฝงว่า “นายราม ณ กรุงเทพ” มีอาชีพเป็นทนายความ มีหน้าที่พิเศษเป็นเกษตรมณฑล มรรคนายกวัดพระบรมธาตุ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ และที่ปรึกษาราชการของสมุหเทศาภิบาลด้วย
บ้านหย่อนใจ ของท่านราม ณ กรุงเทพ
บ้านโปร่งใจ ของท่านราม ณ กรุงเทพ ในด้านการเมือง ดุสิตธานีมีพรรคการเมือง 2 พรรค คือ พรรคฝ่ายซ้ายและพรรคฝ่ายขวา กล่าวคือ มีฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายค้านอย่างสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบัน พรรคฝ่ายขวานั้นมีนายราม ณ กรุงเทพ เป็นหัวหน้าพรรค เวลาประชุมจะติดแพรแถบสีน้ำเงินเป็นเครื่องหมาย จึงเรียกว่า “พรรคแพรแถบสีน้ำเงิน” ส่วนพรรคฝ่ายซ้าย มีพลเอก เจ้าพระยารามราฆพ เป็นหัวหน้าพรรค เวลาประชุมจะติดแพรแถบแดง เป็นเครื่องหมาย จึงเรียกว่า “พรรคแพรแถบสีแดง” การพระราชทานธรรมนูญลักษณะการปกครองคณะนคราภิบาล (ดุสิตธานี) พระพุทธศักราช 2461 เพื่อใช้ในดุสิตธานี เป็นสิ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามและพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของพระองค์ ในการสานต่อเจตนารมณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชชนก ที่ทรงมีพระราชดำริให้พระองค์พระราชทานรัฐธรรมนูญเมื่อครองราชย์ แต่เนื่องจากในเวลานั้นทรงเห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อม อีกทั้งยังไม่มีความรู้ความเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น การส่งเสริมความคิดเรื่องการปกครองตนเองให้มีขึ้นในหมู่พสกนิกร จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง
ศาลารัฐบาลมณฑลดุสิต เป็นศาลาที่ทำการรัฐบาล
นาครศาลา
เป็นที่ซึ่งทวยนาครมาพบกัน แต่เนื่องจากประชาชนยังขาดการศึกษาและไม่เห็นคุณค่าของการปกครองระบอบประชาธิปไตย การเรียกร้องเพื่อให้มีการพระราชทานรัฐธรรมนูญของบุคคลบางกลุ่มจึงยังไม่อาจเป็นเสียงสะท้อนจากคนส่วนใหญ่ว่ามีความพร้อมมากเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองแบบใหม่ตามกระแสนิยมตะวันตก เมืองดุสิตธานีจึงเปรียบเสมือนเป็นศูนย์การเรียนรู้ประชาธิปไตยแห่งแรกของไทยซึ่งทดลองให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียก่อนนำไปปฏิบัติจริง ดุสิตธานีจึงเปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนให้เห็นถึงพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะสร้างประชาธิปไตยไว้เป็นบรรทัดฐานของประเทศสืบต่อไป ดังนั้น หากได้มีการเสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง รู้จักยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่าง อันจะส่งผลให้ประชาธิปไตยของประเทศไทยมีความเข้มแข็ง และอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ภาพประกอบจาก : หนังสือ "เมืองดุสิตธานี" ข้อมูลจาก : รายการ ร้อยเรื่อง...เมืองไทย |