ในปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการติดต่อสื่อสารและสื่อสังคมมีความก้าวหน้าอย่างมากจึงทำให้เป็นช่องทางในการเกิดธุรกิจเกิดใหม่ (Startups) และลักษณะการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ (Business Model) มากมาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีปริมาณงานมากขึ้นและทำให้มีความต้องการคนทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ดี ในการจัดหาผู้ทำงานในปัจจุบันธุรกิจอาจมีทางเลือกในการจัดหาผู้ทำงานหลักๆ ได้แก่ การจ้างแรงงาน (เช่น การจ้างพนักงาน) ซึ่งมุ่งเน้นอำนาจบังคับบัญชาผู้รับจ้างเป็นสำคัญและการจ้างทำของ (เช่น การจ้างผลิตงาน การจ้างออกแบบ การให้คำปรึกษา การจ้างก่อสร้าง การจ้างใช้งานบริการต่างๆ) ซึ่งมุ่งเน้นผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญหากพิจารณาเพียงคร่าวๆ จะพบว่าทั้งสองลักษณะการจ้างงานนี้มีความใกล้เคียงกันคือ มีผู้ว่าจ้างจ้างผู้รับจ้างให้ทำงานให้แก่ผู้ว่าจ้างและผู้ว่าจ้างตกลงจะชำระค่าตอบแทนให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อตอบแทนงานที่ทำนั้น แต่หากพิจารณาในเชิงลึกแล้วทั้งสองลักษณะการจ้างงานมีความแตกต่างกันอย่างมากทั้งในด้านของ ลักษณะ เงื่อนไข ข้อจำกัด กฎหมายที่ใช้บังคับ และที่สำคัญต้นทุนทั้งหมดในการจ้างทำงาน Show
ลักษณะของสัญญาจ้างแรงงานสัญญาจ้างแรงงานหรือสัญญาจ้างพนักงาน คือสัญญาที่มีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ว่าจ้างซึ่งเรียกว่านายจ้าง ว่าจ้างให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้รับจ้างเรียกว่าลูกจ้าง โดยผู้ว่าจ้างตกลงจะจ่ายค่าตอบแทนซึ่งเรียกว่าค่าจ้างเพื่อตอบแทนที่ผู้รับจ้างนั้นทำงานให้แก่ผู้ว่าจ้างตามความรับผิดชอบ ขอบเขตงาน ตำแหน่งงาน ภาระหน้าที่ และระยะเวลาที่ตกลงกัน ลักษณะของสัญญาจ้างทำของสัญญาจ้างทำของ เช่น สัญญาบริการ สัญญาจ้างผลิต สัญญาจ้างออกแบบ สัญญาก่อสร้าง เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งมีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ว่าจ้างซึ่งเรียกแตกต่างกันไปแล้วแต่สัญญา เช่น ผู้ใช้บริการ ผู้รับบริการ ผู้ว่าจ้าง และคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้รับจ้างซึ่งเรียกแตกต่างกันไปแล้วแต่สัญญา เช่น ผู้ให้บริการ ผู้รับจ้าง ผู้รับเหมา โดยที่ผู้ว่าจ้างตกลงจะชำระค่าตอบแทนให้แก่ผู้รับจ้างซึ่งเรียกแตกต่างกันไป เช่น ค่าบริการ ค่าบำเหน็จ ค่าก่อสร้าง เพื่อตอบแทนงานที่ผู้รับจ้างได้ทำให้ตามขอบเขตที่คู่สัญญาได้ตกลงกัน การจ้างทำงานนั้นเป็นการจ้างแรงงานหรือการจ้างทำของในการพิจารณาการจ้างทำงานว่าเป็นการจ้างแรงงานหรือเป็นการจ้างทำของนั้น ผู้ว่าจ้างอาจใช้หลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้ (1)
การมุ่งเน้นผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญ (2)
อำนาจบังคับบัญชา (3) ประเภทบุคคลของผู้รับจ้างทำงาน หมายเหตุ: อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ผู้รับจ้างเป็นนิติบุคคลแต่งานที่ผู้รับจ้างให้บริการนั้นคือการจัดหาคนมาทำงานซึ่งคนดังกล่าวอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ว่าจ้าง ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ถือว่าเป็นการจ้างเหมาค่าแรง (Outsourcing) ซึ่งกฎหมายให้ถือว่าคนที่มาทำงานดังกล่าวเป็นลูกจ้าง/พนักงานของผู้ว่าจ้างด้วย ผลความแตกต่างระหว่างการจ้างแรงงานและการจ้างทำของเมื่อผู้ว่าจ้างสามารถพิจารณาแยกระหว่างการจ้างแรงงานและการจ้างทำของได้แล้ว ดังนี้ ผู้ว่าจ้างจึงสามารถพิจารณถึงผลของความแตกต่าง เช่น สิทธิ ภาระหน้าที่ ข้อจำกัด และความรับผิดชอบตามกฎหมายของผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง ดังต่อไปนี้ (1) ค่าตอบแทน (2) ภาษีอากร
(3) หลักประกันการทำงานที่จ้าง (4) เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ และสัมภาระในการทำงาน (5) วันและเวลาทำงาน (6) ตัวผู้รับจ้างเป็นสาระสำคัญของสัญญา (7) หน้าที่ของผู้ว่าจ้าง (8) สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้รับจ้าง (9) ความรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามกฎหมายละเมิด (10) เขตอำนาจศาล เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างแล้วจะพบว่าการจ้างทำงานด้วยการจ้างทำของจะมีต้นทุนการจ้างโดยรวมที่ถูกกว่าและมีภาระหน้าที่ ความผูกพันต่อผู้ว่าจ้างน้อยกว่าการจ้างแรงงาน อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพ ความคล่องตัว และความยืดหยุ่นสูงกว่าการจ้างแรงงาน ทำให้ธุรกิจเกิดใหม่และธุรกิจขนาดกลาง-ย่อมมักนิยมการจ้างทำงานแบบจ้างทำของมากขึ้น อย่างไรก็ดี หากมีข้อพิพาทไม่ว่าเกี่ยวกับการจ้างแรงงานหรือเกี่ยวกับภาษี ศาลหรือเจ้าหน้าที่มักพิจารณาที่พฤติการณ์และข้อเท็จจริงแห่งการจ้างทำงานนั้นเป็นสำคัญไม่ว่าจะเรียกชื่อสัญญานั้นว่าอะไรก็ตาม อันได้แก่ การมุ่งเน้นผลสำเร็จของงานเป็นสำคัญและอำนาจบังคับบัญชา แม้จะพิจารณาได้ว่าลักษณะงานที่จ้างเป็นการจ้างทำของ
แต่หากผู้รับจ้างเป็นบุคคลธรรมดาและงานที่จ้างตามมีลักษณะดังต่อไปนี้ แบบฟอร์มและตัวอย่างต่าง ๆ ที่สามารถดาวน์โหลดได้ในรูปแบบ Word และ PDF
สิ่งที่สำคัญระหว่างลูกจ้างกับนายจ้างต้องตอบแทนซึ่งกันและกัน คือข้อใด4. ลูกจ้างต้องทํางานให้นายจ้าง และนายจ้างต้องให้ค่าจ้างแก่ลูกจ้าง ความหมายนี้เป็นหน้าที่ของ คู่สัญญาต้องปฏิบัติตอบแทนให้กันและกัน คือ ลูกจ้างต้องทํางานให้นายจ้าง งานที่ทําอาจเป็นการใช้แรงงาน เช่น ออกแรงทําสวน งานก่อสร้าง งานขับรถประจํา หรืองานที่ทําอาจเป็นงานใช้สมอง เช่น จ้างเป็นบรรณาธิการ เป็นพนักงานประจําห้างร้านเป็น ...
คู่สัญญาของสัญญาจ้างคือใครบ้างจากบัญญัติตามมาตรา 575 เราควรพิจารณาคือ 1. สัญญาจ้างประกอบด้วยคู่สัญญา 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายนายจ้าง และฝ่ายลูกจ้าง โดยฝ่ายลูกจ้างจะท างานให้แก่ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายนายจ้างจะจ่ายสินจ้าง ให้แก่ลูกจ้างเพื่อเป็นการตอบแทน 2. สัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาแบบไม่มีแบบ หมายไม่ได้ก าหนดว่าจะต้องท าเป็นหนังสือ แม้จะทากันด้วยวาจา สัญญาก็เกิดขึ้น ...
ลักษณะสําคัญประการหนึ่งของสัญญาจ้างแรงงาน คือข้อใดจากหลักกฎหมาย ลักษณะสำคัญของการจ้างแรงงาน จึงได้แก่ 1. จ้างแรงงานเป็นสัญญา คือ มีบุคคลสองฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง จะเป็นฝ่ายละหนึ่งคนหรือหลายคนก็ได้มาตกลงกัน มีนิติสัมพันธ์กันในทางกฎหมาย 2. เป็นสัญญาต่างตอบแทน กล่าวคือ คู่สัญญา ได้แก่ นายจ้างและลูกจ้างต่างก็มีหน้าที่ต้องตอบแทน
ที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างในข้อใดเรียกว่าค่าจ้างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 5 บัญญัติว่า “ค่าจ้าง” หมายความว่า เงินที่นายจ้าง และลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างสำหรับระยะเวลาทำ งานปกติเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือระยะเวลาอื่น หรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน และให้หมายความรวม ...
|