ความหมายขององค์กร องค์กร ตามพจนานุกรม ฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ได้กำหนดคำนิยามไว้ว่า คือส่วนประกอบย่อยของหน่วยงาน ทำหน้าที่สัมพันธ์กันหรือขึ้นต่อกันและกัน ส่วนคำว่า องค์กร คือศูนย์กลางของกิจการที่รวมประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยหรือหลาย ๆ องค์กรรวมกันหลายเป็นองค์การ ในทางเศรษฐศาสตร์ คำว่า องค์การ หรือ องค์กร หมายถึง บุคคลกลุ่มหนึ่งที่มาตัวกัน โดยมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน และดำเนินกิจกรรมบางอย่างร่วมกันอย่าางมีขั้นตอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยมีทั้งองค์การที่แสวงหาผลกำไรคือองค์การที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจ เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วน ร้านค้า เป็นต้น องค์ประกอบขององค์กร แต่ละองค์กรจะมีส่วนประกอบที่สัมพันธ์เชื่อมโยงกันเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกันให้บรรลุเป้าหมาย ได้แก่ คน เป้าหมาย โครงสร้าง ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ 1. คน คือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดขององค์กร 2. เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ คือ สิ่งที่สมาชิกขององค์กรร่วมกันกำหนดขึ้น ซึ่งจะเป็นกรอบในการกำหนดแผนการทำงานต่างๆ ขององค์กร เช่น แผนกลยุทธ์ แผนการดำเนินงาน แผนหน้าที่ 3. โครงสร้าง ประกอบด้วย 3.1 หน้าที่ องค์กรทุกประเภทย่อมมีหน้าที่หรือวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วหน้าที่ขององค์กรจะกำหนดไว้อย่างถาวรมากกว่า 3.2 การงานแบ่งกันทำ หมายถึง การแบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ แล้วมอบให้แต่ละคน หรือแต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ 3.3 สายบังคับบัญชา หมายถึง ความสัมพันธ์ตามลำดับชั้นระหว่างผู้บังคับบังชากับผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อแสดงให้ให้ทราบว่าใครมีอำนาจมากกว่ากัน 3.4 ขนาดของควบคุม คือ สิ่งที่ทำให้ทราบว่าผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งมีขอบเขตแห่งอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเพียงใด 3.5 หลักการมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว หมายถึง บุคลากรที่เป็นสมาชิกองค์กรนั้นจะต้องฟังคำสั่งจากเจ้านายเพียงคนเดียว เพื่อป้องกันการสับสน 4.ข้อมูล ข่าวสาร และความรู้ คือ องค์ประกอบที่จะทำให้องค์กรไปถึงเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่งตั้งไว้ ในปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของยุคโลก ข้อมูล ข่าวสารและความรู้มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น 5. เทคโนโลยี คือ เทคโนโลยีที่ทันสมัยต่าง ๆ เช่น การนำเครื่องใช้สำนักงาน หรือวิธีการสมัยใหม่มาใช้ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรสาร ทำให้ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารจากเครือข่ายทั่วโลก คุณสมบัติขององค์กรที่ดี องค์กรมีทั้งเจริญเติบโตและตกตำในที่สุด ดังนั้น จึงจำเป็นต้องค้นหาแนวทางในการให้องค์กรนั้นคงอยู่ต่อไปโดยคุณสมบัติดังนี้ 1. มีเป้าหมายชัดเจน ทุกคนในองค์กรต้องรู้เป้าหมาย เข้าใจวัตถุประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรอย่างชัดเจน 2. สายงานบังคับบัญชาสั้นพร้อมงานบังคับบัญชาที่หลากหลาย พนักงานทุกระดับชั้นต้องพัฒนาความสามารถของตนเองให้สูงขึ้น และรับผิดชอบใน องค์กรนั้น 3.มีฐานข้อมูลที่สนับสนุนการบริหารงาน มีระบบการจัดการในการทำงานด้วยความเชื่อมั่นและตัดสินใจด้วยตนเองให้ถูกต้อง 4. มีระบบการจัดการที่ดี มีระบบการจัดการทำงานที่มีระบบ โดยใช้จำนวนคนไม่มากทั้งนี้ต้องมีการเตรียมงานที่ดี และทุกคนรู้หน้าที่ 5.เน้นการปฏิบัติงานที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและไว้วางใจ เน้นการปรับปรุงการทำงานตลอดเวลา เพื่อให้ได้ความเชื่อถือและถูกต้องที่สุด 6.อย่างสร้างความขััดแย้งในสายการบังคับบัญชา ไม่ความสร้าวความขัดแย้งกับหัวหน้าของตนเอง ซึ่งในกลุ่มของผู้บริหารระดับสูงนั้นจะเชื่อหัวหน้า มากกว่า 7.มีการตลาดและประชาสัมพันธ์ มีหน่วยงานดูแลชัดเจนบุคคลในองค์กรทุกระดับควรช่วยแนะนำให้ลูกค้าหรือผู้ที่ใช้บริการทุกคนทราบเรื่องต่าง ๆ ขององค์กร 8.ร่วมมือร่วมใจและทำงานเป็นทีมอย่างดียิ่ง เพิ่มบทบาทของการทำงานร่วมกันให้มากขึ้นพร้อมทั้งประสานงานกันเพื่อเผชิญกับการแก้ปัญหาต่าง ๆ 9.เน้นมูลค่าในการทำงานในแต่ละตำแหน่งและดำเนินตามนโยบายอย่างชัดเจน ควรย้ายพร้อมทั้งเพิ่มคุณค่าของการทำงานในแต่ละตำแหน่ง อีกทั้งปฏิบัติตามนโยบายหลักีการกำกับตรวจสอบการทำงานอย่างสม่ำเสมอไม่มีการควบคุมมากจนเกินไป 10.การเสียสละเพื่อองค์กรมีการเสียสละเพื่อองค์กร การทำงานจะไม่เอาเปรียบองค์กรมีการนำเสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับองค์กรอยู่ตลอดเวลา คนในองค์กรจะคิดถึงส่วนรวม และรับผิดชอบงานของตนเองอย่างดียิ่ง การจัดองค์กร การจัดองค์กร
คือการนำโครงสร้างขององค์กรการอย่างเป็นทางการ โดยแบ่งออกเป็นหน่วยงานย่อยต่าง ๆ กำหนดอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานไว้ให้ชัดเจน รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานเหล่านั้น เพื่อให้เอื้อต่อการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดองค์กรมีความจำเป็นและก่อให้เกิดประโยชน์ดังนี้ 1.ประโยชน์ต่อองค์กร (1)การจัดโครงสร้างองค์กรที่ดีและเหมาะสมจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์และเจริญก้าวหน้า 2.ประโยชน์ต่อผู้บริหาร (1)การบริหารงานหน่วย สะดวก (2)แก้ปัญหาการทำงานซ้ำซ้อนได้ง่าย 3.ประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงาน (1)ทำให้รู้อำนาจหน้าที่และขอบข่ายการทำงานมากหรือน้อยเกินไป (2)แบ่งงานให้พนักงานเหมาะสม ไม่เกิดความรู้สึกว่างานมากหรืองานน้อยเกินไป การจัดองค์กรเป็นกระบวนการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่การงานบุคลากรและปัจจัยทางกายภาพต่าง ๆ ขององค์กร ในที่นี้ขอนำหลักการจัดองค์การในระบบราชการมาศึกษา เพราะเป็นองค์กรที่ได้รับความนิยมกันอย่างกว้างขวางและมีการนำไปใช้ทั่วไป หน้าที่การจัดการ มีการกำหนดไว้ดังนี้ 1.การวางแผน การกำหนดแนวทางในการดำเนินงาน และการกำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ล่วงหน้าตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่องค์กรต้องการ 2.การจัดองค์กร การจัดโครงสร้างการบริหารงานโดยแบ่งตามลักษณะการดำเนินงานหลักขององค์กรตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ โครงสร้างไม่เป็นทางการ องค์ประกอบในการจัดสายงานขององค์กร 1.) อำนาจหน้าที่ หมายถึง สิทธิที่จะออกคำสั่ง สิทธิการบังคับบัญชา สิทธิการบริหารงานซึ่งเป็นสิทธิที่ได้มาอย่างเป็นทางการ 2.) อำนาจ หมายถึง อำนาจหน้าที่ซึ่งมิได้รับมอบหมายมาเป็นทางการ หรือเป็นความสามารถเฉพาะบุคคลที่จะใช้อำนาจให้ผู้อื่นปฏิบัติตามตำสั่ง 3.) ภาระหน้าที่ หมายถึง ความรับผิดชอบต่อผลของงาน หรือคุณภาพของงานนั้น สามารถอธิบาย ชี้แจงและพร้อมที่จะให้ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปตรวจสอบได้ 4.) ความรับผิดชอบ หมายถึง ความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหรือพันธะผูกพันในการที่จะปฏิบัติหน้าที่การงานให้สำเร็จ 5.) เอกภาพในการบริหาร คือ การระบุให้ชัดแจ้งว่า ในแต่ละหน่วยงานใดเป็ยผู้มีอำนาจและต้องมีความรับผิดชอบเพียงใด เพื่อมิให้มีการปฏิบัติงานซ้ำซ้อน 6.)ช่วงการควบคุมหรือช่วงการบังคับบัญชา คือสิ่งที่แสดงให้ทราบว่าผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งรับผิดชอบงานเพียงใด มีจำนวนผู้ใต้บังคับบัญชาเท่าใด ถ้ามีช่วงแคบเกินไป จะทำให้งานไม่เสร็จทันเวลาเกิดความเสียหาย 4.การสั่งการ ดำเนินการต่าง ๆ ในการสื่อสารเพื่อให้เกิดกิจกรรมการปฏิบัติงานได้อย่างมีอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ โดยมีหน้าที่ของการสั่งการคือ 4.1 บุคคลและองค์กร 4.2 พฤติกรรมและการจูงใจ 4.3 ความเป็นผู้นำ 4.4 กระบวนการติดต่อสื่ีอสาร 5.การควบคุม เป็นการกำหนดการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินกิจกรรมทั้งหมดเพื่อให้กิจกรรมต่าง ๆ สามารถดำเนินงานได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยการรวบอำนาจและการกระจายอำนาจ หลักการบริหารงานในองค์กร การบริหารงาน คือ การดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ดำหนดไว้โดยอาศัยทรัพยากรหรือปัจจัยต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการบริหาร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การบริหารงานที่ดีมีประสิทธิภาพต้องใช้ความรู้และทักษะหลายด้าน ดังนี้ 1.หลักการบริหาร 2.ความรู้ 3.ด้านมนุษย์สัมพันธ์
4.ด้านการปฏิบัติงาน 5.ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ปัจจัยในการบริหารงานในองค์กร
การบริหารงานในองค์กรจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างรวมกัน จึงจะเกิดกิจกรรมในการดำเนินงาน โดยทั่วไปปัจจัยพืนฐานในการบริหารมี 4 ประเภท เรียกว่า 4 M ได้แก่ 1.บุคลากร 2.เงินงบประมาณ 3.ทรพยากร 4.การจัดการ การบริหารงานบุคคลในองค์กร การบริหารงานบุคคลถือเป็นศิลปะและศาสตร์ในการที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีการแบ่งงานกันทำ และการประสานงาน แบ่งได้ 4 ยุค คือ ยุคที่ 1 บุคการบริหารงานก่อนการบริหารงานตามหลักวิทยาศาสตร์ ยุคที่ 2 ยุคการบริหารงานตามหลักวิทยาศาสตร์ ยุคที่ 3 ยุคการบริหารตามหลักมนุษย์สัมพันธ์ ยุคที่ 4 ยุคปัจจุบัน ค.ศ 1950-ปัจจุบัน ทักษะของผู้บริหาร ผู้บริหารจำเป็นต้องมีความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์หลายด้าน ได้แก่ 1.ทักษะด้านความคิด 2.ทักษะด้านบุคคล 3.ทักษะด้านเทคนิคการทำงาน การพัฒนางานอาชีพกับกลยุทธ์ขององค์กร การพัฒนาอาชีพจะเชื่อมโยงมาจากนโยบายขององค์กรที่ตอบสนองต่อปัจจัยดังนี้ 1.วิสัยทัศน์ 2.ภารกิจ 3.เป้าหมาย 4.กลยุทธ์ธุรกิจ การพัฒนางานอาชีพที่ดีและประสบความสำเร็จ ผู้วางแผนต้องมีความรู้
ความเข้าใจอย่างแท้จริงในขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้ 1.วางแผนเกี่ยวกับอาชีพ 2.การจัดการเกี่ยวกับอาชีพของพนักงาน 3.ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการพัฒนาอาชีพ |