พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยครั้งแรก

(ท่านสามารถคลิกที่สารบัญที่มุมขวาล่างของหน้าจอ ซึ่งจะแสดงรายชื่อเล่มพระไตรปิฎกสำหรับเลือกอ่าน รวมถึงสารบัญหมวดอื่นๆ ให้เลือกอ่านด้วย)


รายการในหน้านี้

  • วิธีใช้งานพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
  • โครงสร้างของสารบัญพระไตรปิฎก
  • ที่มาของข้อมูล
  • ข้อมูลพื้นฐานพระไตรปิฎก
    • พระไตรปิฎกมีกี่เล่มกี่ฉบับแตกต่างกันอย่างไร
    • ความแตกต่างของพระไตรปิฎกแต่ละฉบับ
  • คุณค่าของพระไตรปิฎก
    • พระไตรปิฎกมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร
  • พระไตรปิฎกคืออะไร
  • ส่วนประกอบเนื้อหาในพระไตรปิฎก
  • นวังคสัตถุศาสน์ พุทธพจน์มีองค์ประกอบ 9 อย่าง
  • คำแนะนำการศึกษาพระไตรปิฎก
  • รายละเอียดของพระไตรปิฎกคัมภีร์ต่างๆ
  • สารบัญพระไตรปิฎก

วิธีใช้งานพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

การเลือกเล่มพระไตรปิฎกทำได้ 2 ทางนะครับ คือ
  1. ใช้เครื่องมือค้นหาข้อมูลที่ด้านบนของหน้า (เป็นบริการ custom search engine ของ google) เพื่อหาว่าเรื่องหรือคำที่ต้องการนั้นอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มใด และเมื่อเปิดพระไตรปิฎกเล่มนั้นขึ้นมาแล้ว ก็ค้นหาตำแหน่งของคำที่ต้องการในเล่มนั้นโดยใช้คำสั่งค้นหาในหน้าเว็บ (find in page) ของโปรแกรมที่ใช้ดูเว็บอีกทีนะครับ ซึ่งถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows ก็กดปุ่ม [ctrl]+f หรือคลิกเมนูแล้วเลือก find... หรือ find in page ถ้าเป็น smart phone ก็เปิดเมนูคำสั่งของโปรแกรมแล้วหาคำสั่งพวก ค้นหาในหน้าเว็บ find หรือ find in page หรืออะไรทำนองนี้ดูนะครับ สำหรับอุปกรณ์อื่นก็ทำนองเดียวกันนะครับ

    *** ตรงนี้มีข้อควรระวังเล็กน้อยนะครับ คือในพระไตรปิฎกนั้นใช้เลขไทยทั้งหมด ถ้าค้นด้วยเลขอารบิคจะค้นไม่เจอนะครับ ***

  2. เลือกเปิดจากสารบัญพระไตรปิฎกโดยตรง ซึ่งจะเป็นการเลือกเล่มที่จะเปิดด้วยตัวเองจากรายชื่อในสารบัญนะครับ ทำได้หลายทางคือ

    1. เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ทางเว็บจึงได้ทำเมนูลอยตรึงเอาไว้ที่มุมล่างขวาของทุกหน้า ไม่ว่าท่านจะอยู่ในตำแหน่งใดของหน้าใดในเว็บนี้ก็สามารถคลิกเรียกสารบัญจากเมนูลอยนี้ได้เลยครับ เมื่อคลิกแล้วหน้าต่างสารบัญก็จะแสดงออกมาโดยที่หน้าจอหลักยังอยู่ตำแหน่งเดิม นอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาเลื่อนหน้าไปหาเมนูที่ด้านบนแล้วยังเหมาะมากสำหรับท่านที่อ่านแล้วเจอศัพท์ที่ไม่เข้าใจ ก็สามารถเปิดพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ได้จากเมนูลอยนี้ซึ่งจะเปิดพจนานุกรมขึ้นมาในหน้าใหม่โดยที่หน้าเดิมยังอยู่ในตำแหน่งเดิมรอให้ท่านกลับมาอ่านได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วยครับ

    2. นอกจากนี้ท่านยังสามารถคลิกเปิดสารบัญได้จากแถบสารบัญที่อยู่ด้านบนสุดและด้านล่างสุดของทุกหน้าครับ ซึ่งก็จะมีสารบัญย่อยขึ้นมาให้ท่านเลือกต่อไป

    3. และที่หน้าหลัก (คือหน้าที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้) ก็มีสารบัญ (เฉพาะส่วนของพระไตรปิฎก) อยู่ด้านล่างของหน้าเช่นกันครับ ท่านก็สามารถเลื่อนลงไปดูสารบัญได้เช่นกันครับ

โครงสร้างของสารบัญพระไตรปิฎก

เนื่องจากพระไตรปิฎกแต่ละเล่มมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการลดภาระของเครื่องในการโหลดข้อมูลมาดูจึงได้แบ่งพระไตรปิฎกแต่ละเล่มเป็นเล่มย่อยอีกทีนะครับ และเพื่อความสะดวกในการดูสารบัญจึงได้ทำสารบัญเอาไว้เป็น 3 ระดับ คือ

  1. ระดับบนสุดใช้ชื่อว่าสารบัญพระไตรปิฎก โดยจะมีแยกเป็นพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก เมื่อคลิกเลือกปิฎกที่ต้องการแล้ว ก็จะกระโดดไปสารบัญระดับที่ 2 ที่อยู่ด้านล่างลงไปอีก คือสารบัญเล่มพระไตรปิฎก ในตำแหน่งของปิฎกที่เลือกนะครับ

  2. สารบัญระดับที่ 2 คือสารบัญเล่มพระไตรปิฎก จะแยกเป็น 45 เล่ม ตามแบบพระไตรปิฎกที่เป็นเล่มหนังสือจริงๆ นะครับ เมื่อคลิกเลือกเล่มพระไตรปิฎกเล่มใดก็จะกระโดดไปที่สารบัญระดับที่ 3 ที่อยู่ด้านล่างสุดคือสารบัญเล่มย่อยพระไตรปิฎก ในตำแหน่งของเล่มหนังสือที่เลือกนะครับ

  3. สารบัญระดับล่างสุดคือสารบัญเล่มย่อยพระไตรปิฎก จะแยกเล่มพระไตรปิฎกเป็นเล่มย่อยอีกทีเพื่อลดขนาดข้อมูลที่เรียกดูแต่ละครั้งลง เมื่อคลิกเลือกเล่มย่อยเล่มใดก็จะเรียกเปิดพระไตรปิฎกเล่มย่อยนั้นขึ้นมาโดยตรงนะครับ ซึ่งการแบ่งหน้าและเลขหน้าที่แสดงจะตรงกับในพระไตรปิฎกที่เป็นเล่มหนังสือจริงๆ เลยนะครับ ถ้าต้องการไปที่พระสูตรไหนหรือหน้าอะไรก็ใช้คำสั่งค้นหาในหน้าเว็บแบบเดียวกับที่ได้อธิบายไว้ในวิธีใช้งานข้อ 1. ได้นะครับ

ที่มาของข้อมูล :

โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
MCUTRAI Version 1.0


ขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ

ข้อมูลพื้นฐานพระไตรปิฎก :


พระไตรปิฎกมีกี่เล่มกี่ฉบับแตกต่างกันอย่างไร

พระไตรปิฎกภาษาไทยที่เป็นเล่มหนังสือที่มีแพร่หลายอยู่ในปัจจุบันนั้นมี 2 ฉบับนะครับ (แถมอีก 1 ที่หายากแล้ว) ซึ่งแต่ละฉบับก็มีจำนวนเล่มแตกต่างกัน คือ
  1. พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แบ่งเป็น 45 เล่ม ตามมาตรฐานนะครับ

  2. พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย แบ่งเป็น 91 เล่มครับ

  3. พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับหลวง แบ่งเป็น 45 เล่มตามมาตรฐานเช่นกันครับ

ความแตกต่างของพระไตรปิฎกแต่ละฉบับ :

พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือมหาจุฬาบรรณาคาร ท่าพระจันทร์ ข้างวัดมหาธาตุฯ ใกล้ๆ สนามหลวงนะครับ พระไตรปิฎกฉบับนี้มีจุดเด่นคือใช้ภาษาที่เป็นสำนวนไทยปัจจุบัน ทำให้อ่านและทำความเข้าใจได้ง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับฉบับอื่นๆ ทั้งหมด และมีเชิงอรรถที่ด้านล่างของแต่ละหน้าเพื่อขยายความเนื้อพระไตรปิฎกในส่วนที่เข้าใจยากด้วยครับ ซึ่งพระไตรปิฎกฉบับนี้เป็นต้นฉบับของพระไตรปิฎกออนไลน์ในเว็บนี้ครับ

พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือของมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร บางลำพูนะครับ พระไตรปิฎกฉบับนี้มีจุดเด่นคือมีอรรถกถาของพระไตรปิฎก (การขยายความพระไตรปิฎกโดยภิกษุสมัยหลังพุทธกาล ส่วนมากจะเป็นพระพุทธโฆษาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์วิสุทธิมรรค พ.ศ. 900 กว่า) พิมพ์ต่อท้ายพระไตรปิฎกแต่ละสูตรเลย ทำให้เข้าใจพระไตรปิฎกได้ง่ายขึ้น แต่เนื่องจากฉบับนี้ใช้สำนวนแบบสมัยเก่าทำให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยรู้สึกว่าเข้าใจยากเพราะต้องแปลไทยเป็นไทยอีกทีครับ และด้วยอรรถกถาที่เพิ่มเข้าไปทำให้พระไตรปิฎกฉบับนี้มีจำนวนถึง 91 เล่มเลยครับ

พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับหลวง

มีอีกฉบับซึ่งน่าจะหายากแล้ว เพราะเป็นฉบับเก่ามากคือพระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับหลวง ใช้สำนวนสมัยเก่าเช่นกันครับ ทำให้ไม่น่าสนใจเท่า 2 ฉบับข้างบนซึ่งมีจุดเด่นที่ต่างกัน


คุณค่าของพระไตรปิฎก :


พระไตรปิฎกมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร

หากจะถามว่าพระไตรปิฎกมีความสำคัญอย่างไร ก็ตอบได้ว่าพระไตรปิฎกเป็นคัมภีร์ที่สำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนาเพราะเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมเอาคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธเจ้า รวมทั้งพระสาวกสำคัญต่างๆ เอาไว้ และเนื่องจากพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทเป็นฝ่ายที่เป็นอนุรักษ์นิยมที่สุดในบรรดาพุทธศาสนานิกายต่างๆ เพราะพระอรหันต์ทั้ง 500 รูป ที่ร่วมกันทำสังคายนาพระธรรมวินัยตั้งแต่ครั้งที่ 1 ที่มีพระมหากัสสปะเป็นประธานหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 3 เดือน (การสังคายนาครั้งนั้นใช้เวลาทั้งสิ้น 7 เดือน) เพื่อรวบรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และจัดเป็นหมวดหมู่ จนกลายมาเป็นพระไตรปิฎกในปัจจุบันนั้นได้มีมติร่วมกันว่าจะไม่เพิกถอนสิ่งต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติเอาไว้ และจะไม่บัญญัติสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาอีก จึงทำให้คำสอนของฝ่ายเถรวาทสามารถรักษาคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธเจ้าเอาไว้ได้มากที่สุด ต่างจากฝ่ายมหายานที่ปรับตัวไปตามยุคสมัยจึงมีการปรับเปลี่ยนคำสอนไปเรื่อยๆ โดยมุ่งเน้นให้พระพุทธศาสนาแพร่หลายไปมากที่สุด จึงทำให้หาร่องรอยของคำสอนดั้งเดิมได้ยากกว่าฝ่ายเถรวาท

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าถ้าต้องการทราบคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าก็ต้องอ่านพระไตรปิฎกของเถรวาทนะครับ

พระไตรปิฎกคืออะไร

คำว่าไตรแปลว่า 3 คำว่าปิฎกแปลว่าตะกร้าหรือกระจาด พระไตรปิฎกคือคัมภีร์หรือหนังสือที่รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้ารวมถึงพระสาวกสำคัญต่างๆ เอาไว้ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ หรือ 3 ปิฎก และในแต่ละปิฎกก็แบ่งเป็นคัมภีร์ย่อยๆ อีกที ดังรายละเอียดด้านล่างนะครับ

เนื้อหาในพระไตรปิฎก :

พระไตรปิฎกประกอบด้วย 3 ส่วนหรือ 3 ปิฎก คือ
  1. พระวินัยปิฎก เป็นส่วนที่รวบรวมเรื่องพระวินัยหรือศีลเอาไว้ มี 21,000 พระธรรมขันธ์ (ข้อธรรม)
  2. พระสุตตันตปิฎก หรือพระสูตร เป็นส่วนที่รวบรวมพระธรรมคำสั่งสอนต่างๆ ของพระพุทธเจ้ารวมถึงพระสาวกสำคัญๆ เอาไว้ในลักษณะของการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะนั้นว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไรพระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร มี 21,000 พระธรรมขันธ์
  3. พระอภิธรรมปิฎก เป็นคำสอนที่ไม่กล่าวถึงตัวบุคคลแต่จะกล่าวถึงสภาวธรรมล้วนๆ เช่น จิตมีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะอย่างไร มีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง เกิดจากสาเหตุใด ดับไปเพราะอะไร เป็นต้น มีทั้งสิ้น 42,000 พระธรรมขันธ์

เมื่อรวมทั้ง 3 ปิฎก จึงมีคำสอนหรือพระธรรมวินัยทั้งสิ้น 84,000 พระธรรมขันธ์นะครับ


นวังคสัตถุศาสน์

พระพุทธวจนะ หรือ พุทธพจน์มีองค์ประกอบ 9 อย่าง

ลักษณะหรือรูปแบบการแสดงคำสั่งสอนของพระศาสดามี 9 รูปแบบ ที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์ หรือเขียนอย่างบาลีเป็น นวังคสัตถุสาสน์ หรือบางแห่งใช้คำว่า พุทธพจน์มีองค์ประกอบ 9 อย่าง หรือ พระพุทธวจนะ หรือ พระไตรปิฏก อันประกอบด้วยองค์ 9 ก็คือส่วนประกอบ 9 อย่างที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเองครับ ประกอบด้วย

สุตตะ คือพระสูตรทั้งหลาย รวมทั้งพระวินัยปิฎกและนิทเทส ได้แก่ อุภโตวิภังค์ นิทเทส ขันธกะ ปริวาร พระสูตรต่างๆ

เคยยะ คือความที่มีร้อยแก้วและร้อยกรองผสมกัน ได้แก่ พระสูตรที่ประกอบด้วยคาถาทั้งหลาย

เวยยากรณะ (ไวยากรณ์) คือความร้อยแก้วล้วน ได้แก่ พระอภิธรรมปิฏกทั้งหมด พระสูตรที่ไม่มีคาถา และพุทธวจนะที่ไม่ได้จัดเข้าในองค์ 8 ที่เหลือได้ชื่อว่าเวยยากรณะทั้งหมด

คาถา คือความร้อยกรองล้วน ได้แก่ พระธรรมบท เถรคาถา เถรีคาถา และคาถาล้วนๆ ที่ไม่มีชื่อว่าสูตรในสุตตนิบาต

อุทาน คือพระคาถาพุทธอุทาน ได้แก่ พระสูตร 82 สูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงเปล่งด้วยโสมนัสญาณ

อิติวุตตกะ คือพระสูตรที่เรียกว่าอิติวุตตกะ ได้แก่ พระสูตร 110 สูตร ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ข้อนี้สมจริงดังคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้”

ชาตกะ คือชาดก เป็นการแสดงเรื่องในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า มีทั้งหมด 550 เรื่อง

อัพภูตธรรม คือเรื่องอัศจรรย์ หรือ พระสูตรที่กล่าวถึงข้ออัศจรรย์ต่างๆ ได้แก่ พระสูตรที่ประกอบพร้อมด้วยอัจฉริยอัพภูตธรรมทั้งหมด

เวทัลละ คือพระสูตรแบบถามตอบที่ผู้ถามเกิดความรู้แจ้งและความยินดีพอใจ แล้วซักถามยิ่งๆ ขึ้นไป เช่น จูฬเวทัลลสูตร มหาเวทัลลสูตร เป็นต้น