ทหารไทย ในสงคราม อิน โด จีน

ทหารไทย ในสงคราม อิน โด จีน

ในสงครามเวียตนามผบ.ทหารเวียตนามเหนือได้ส่งใบปลิวนี้เพื่อเป็นคำเตือนต่อทหารเวียตนามเหนือเองและฝ่ายพันธมิตรคือเวียตกงและเวียตมินถ้าหากปะทะกับกองกำลังไม่ปรากฏฝ่ายให้พวกทหารพึงระลึกไว้ว่า
1.
ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหยุดยิงเป็นระยะๆและมีปืนใหญ่ยิงสนับสนุนมานั่นคือทหารอเมริกัน
2.
ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วหมอบหรือคลานต่ำนั่นคือทหารเวียตนามใต้
3.
ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวนั่นคือทหารลาว
4.
ถ้าปะทะกับศัตรูที่ยิงต่อสู้กับเราแล้วไม่มีปืนใหญ่หรือนกยักษ์(เครื่องบิน)มาสนับสนุนไม่รู้จักหยุดยิงไม่รู้จักหมอบไม่รู้จักคลานไม่รู้จักถอยเอาแต่วิ่งเข้าใส่บางรายยิงไม่ตายบางรายยิงไม่เข้าจงระวังไว้นั่นคือ……..ทหารไทย
ณฐานที่มั่นทหารเสือพรานของไทยแห่งหนึ่งที่เวียตนามใต้(จำชื่อฐานไม่ได้) ทหารเวียตนามเหนือพยายามตีฐานนี้หลายสิบครั้งแต่ก็ไม่แตกจึงส่งกองพันกล้าตายที่ 21 ให้มาตีซึ่งเป็นกองพันเดียวของทหารเวียตนามเหนือที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อกองกำลังใดๆ
ทั้งอเมริกันและเวีตนามใต้และกองพันนี้ขึ้นชื่อที่สุดด้านความโหดร้ายและการทารุณเชลย
โดยวิธีลูเรต (ใส่กระสุนหนึ่งนัดในลูกโม่แล้วผลัดกันยิง) จนเป็นที่กล่าวขานกันทั่ว
เช้าวันหนึ่งอากาศแจ่มใสทหารเวียตานามเหนือกองพันกล้าตายที่ 21 จำนวน 600 นาย
ได้เข้าตีฐานที่มั่นทหารไทยโดยทหารไทยมิได้ตั้งตัวทหารไทยมีกำลังเพียง 150 นาย
เห็นได้ชัดว่าถูกรุมแบบ 5 ต่อ 1 ปะทะกันนานกว่า 1 ชั่วโมงทหารเวียตนามเหนือแตกพ่ายไป
ผลจากการสู้รบฝ่ายข้าศึกตาย 453 ศพและบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถหนีได้ 16 นายฝ่ายเราตายเพียง 1 ศพและบาดเจ็บเล็กน้อย 5 นาย
การปะทะครั้งนี้เป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วจนผบ.ทหารเวียตนามใต้และทหารอเมริกันประกาศทางวิทยุสดุดีวีรกรรมของทหารไทย
ครั้งนี้ 1 อาทิตย์ต่อมาผู้บังคับกองพันกล้าตายที่ 21 ของเวียตนามยิงตัวตายในบังเกอร์เพื่อหนีความอับอายส่วนทางด้าน
นายทหารเสือพรานไทยได้รับเหรียญกล้าหาญ 35 คน

ทหารไทย ในสงคราม อิน โด จีน

เราคนรุ่นหลังขอน้อมคารวะทหารกล้าไทยที่ปกปักรักษาแผ่นดินไทยให้เราอยู่ทุกวันนี้

เรื่องราวเหล่าแด่ท่านผู้ชนะเหล่าชนเสือพรานไทยนักรบชุดดำ

ทหารไทยในยุคสงคราอินโดจีนได้แสดงให้ทหารฝรั่งเห็นปาฏิหาริย์ในหลายสมรภูมิ 

ตัวอย่างหนึ่งผมขอคัดบทความจาก.วารุณีพิทักษ์สินากรหนังสือพิมพ์เสรีชัย L.A. USA มาเล่าสู่กันฟังนะครับ
อยู่ยง..คงกระพันโดยอ.วารุณีพิทักษ์สินากร
เวทมนตร์..คาถาการปลุกเสกอยู่ยงคงกระพันเครื่องลางของขลังมีมานานพร้อมๆกับความเชื่อเก่าๆของผู้เฒ่าผู้แก่สมัยนี้ยังมีอยู่มากเรามาดูกันว่าเขาใช้วิธีใดที่ทำให้อำนาจพุทธคุณหรือเครื่องลางของขลังต่างๆทำงานได้ใครที่ไม่เคยเชื่อเรื่องอย่างนี้ยอมรับได้แล้ว

เพราะในอดีตจากเวทมนตร์คาถาเครื่องรางของขลังเคยกู้ชาติปกป้องบ้านเมืองมาแล้วจากสงครามอินโดจีนที่กล่าวไปแล้วขอให้เปิดใจรับอย่างมงายเหมือนกบในกะลาครอบการรู้ไว้บางทีอาจป้องกันตัวเองได้บ้าง

พิธีปลุกเสกระดับเซียนจากสี่หลวงพ่อดังที่ทำให้ชนะศึกอินโดจีนนั้นเกิดอะไรขึ้นขณะทำพิธีฟังแล้วขนลุกไม่รู้ล้มทำให้เป็นที่กล่าวขานกันต่อมาอีกนาน

ในสมัยสงครามเกาหลีทหารไทยที่พกพระพิมพ์ของหลวงพ่อแฉ่งไม่ว่าปางใดพิมพ์เล็กหรือใหญ่ต่างอยู่ยงคงกระพันรอดตายกันมาทุกคนรวมทั้งบรรดาอัศวินแหวนเพชรหรือพวกนายตำรวจในยุคนั้นต่างก็มีพระนางพญาของหลวงพ่อแฉ่งกันถ้วนทั่ว

ยุคนั้นบรรดาอัศวินต่างมีชื่อเสียงมากโจรผู้ร้ายทั้งในเขตนครบาลหรือภูธรหัวหดเงียบกริบกับถูกฆ่าตัดตอนเก็บกันระนาวจากบรรดาอัศวินแหวนเพชรทั้งหลายเป็นยุคที่ตำรวจเฟื่องมากๆ

พิธีปลุกเสกระดับชาติได้ทำกันที่วัดบวรนิเวศน์วิหารโดยเริ่มพิธีตั้งแต่อาทิตย์เริ่มอัสดงจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่เป็นพิธีที่ใหญ่โตมโหราฬยิ่งกว่าการปลุกเสกครั้งใดๆท่ามกลางเหล่าทหารหาญที่คอยป้องกันอยู่รอบนอกไม่ให้ผู้ใดรบกวนสมาธิของเกจิอาจารย์ทั้งสี่ภายในห้ามออกภายนอกห้ามเข้ากันทีเดียว

ภายในตัววัดเมื่อพลบค่ำจึงมีแต่ความวิเวกวังเวงของบรรยากาศทำให้ทหารทุกคนทั้งรอบนอกรอบในวัดตื่นตัวกลัวกันตลอดคืนก็ใครเล่าจะกล้าหลับตานอนได้ในบรรยากาศเช่นนั้น
เหตุการณ์ปกติไปเรื่อยจนย่างเข้ารุ่งอรุณของวันใหม่ทุกคนที่อยู่ในพิธีต่างสะดุ้งกันสุดตัวแล้วพยายามระงับความตื่นเต้นประหลาดใจกับอะไรที่เกิดขึ้นกับเก็บสุ้มเสียงกันไว้อย่างมิดชิด

มีรายการขนลุกขนพองเห่อชาขึ้นมาตามแขนขาไปจรดต้นคอกันถ้วนทั่วอย่างช่วยไม่ได้ระงับไม่อยู่ที่ท่ามกลางความเงียบสงัดปราศจากแม้เสียงแมลงกลางคืนที่เงียบมาตลอดคืนแล้วจู่ๆเกิดมีเสียงกรี๊ดร้องอย่างโหยหวลทำลายความวังเวงมาจากทุกสารทิศที่..ไม่ใช่เสียงเดียวเพศเดียวแต่หลายเสียงมันดังก้องเข้าไปในจิตวิญญานของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

จากนั้นยังปรากฏร่างของวิญญาณที่มาทั้งในรูปผู้คนเงามากมายนับไม่ได้เป็นร้อยเป็นพันบ้างเดินบ้างวิ่งบ้างมีมาไม่ขาดสาย..ในบริเวณวัดพร้อมทั้งเสียงกรีดร้องนั้นยังดังอยู่อย่างต่อเนื่องกับยังปรากฏหมอกควันพวยพุ่งออกมารอบๆพระอุโบสถชวนให้พยานสายตาในที่นั้นหนาวเย็นวูบวาบไปถึงตับไตใส้พุงแม้จะเป็นเหล่าทหารกล้าก็เถอะ

เหตุการณ์ที่เกิดระหว่างการปลุกเสกนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นให้เป็นที่โจษขานกันมาหลายยุคหลายสมัยคงไม่มีครั้งใดจะแรงและทรงพลานุภาพเท่าจวบจนยุคปัจุจบันไร้เทียมทานจริงๆ

การปลุกเสกใช้เวลา 12 ชั่วโมงโดยพระทั้งสี่รูปจะนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนเป็นการรวมพลังจิตให้มีอนุภาพที่แก่กล้าแล้วรวมเพ่งไปที่ผ้าประเจียดที่วางอยู่บนพานทองเพื่อให้ได้ผลเต็มร้อย

หลังเสร็จพิธีหลวงพ่อทั้งสี่จึงมอบผ้าประเจียดให้กับพลตรีหลวงเกรียงศักดิ์พิชิตเพื่อนำไปใช้ปกป้องทหารในสงครามต่อไปก่อนนำออกแจกจ่ายยังมีการทดลองความอยู่ยงคงกระพันโดยการนำผ้าประเจียดไปลองยิงดูซึ่งถ้าไม่ได้ผลหลวงพ่อทั้งสี่องค์ท่านจะทำพิธีให้ใหม่แต่ปรากฏว่างานแรกครั้งเดียวขลังทันใด..ใช้ได้ทันที

เครื่องลางของขลังจากการปลุกเสกทำให้ทหารไทยชนะสงครามอินโดจีนกับถูกตราหน้าว่าเป็นทหารผีอันนี้พิสูจน์กันชัดๆอีกอย่างของคลื่นพลังจิตที่รวมกันเข้าจากเกจิอาจารย์ทั้งสี่

การผสมธาตุซึ่งจะประกอบเป็นเครื่องลางของขลังนั้นต้องผสมให้ถูกต้องจึงจะใช้เป็นสื่อเพื่อบรรจุพลังปราณ(พลังจิต)ของผู้ปลุกเสกได้เต็มที่หากธาตุผสมผิดส่วนพลังปราณจะลดหย่อนลงพลังนี้ท่านเปรียบเหมือนพลังแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมีอยู่แล้วในทุกตัวคน

เราขอแนะนำให้ตรวจหาพลังนี้ได้เองจากการทำสมาธิเมื่อเข้าถึงขั้นหนึ่งแล้วจะมีความรู้สึกว่ามีพลังบางอย่างวิ่งไปตามหน้าขาไหล่แขนบางที่มาในรูปของความร้อนวิ่งไปทั่วร่างทางฮินดูเรียกว่าพลังคุณดาลินีหรือพลังปราณนั่นเอง

หลักการใช้คลื่นหรือพลังจิตนี้ผู้ที่จะทำเครื่องลางของขลังได้ต้องฝึกจิตจนถึงองค์ญาณสมาบัติเสียก่อนจิตจึงจะมีพลังงานแล้วสามารถรวบรวมพลังนี้บรรจุลงในสิ่งใดได้พลังที่บรรจุนี้จะต้องแบ่งสายปราณให้ถูกต้องด้วยการใช้วิชาลึกลับอันเป็นต้นสูตรโดยเฉพาะเป็นแหล่งกำเหนิดให้เกิดพลังขึ้นได้อย่างหนึ่งเช่นของขลังที่จะใช้เกี่ยวกับการป้องกันอันตรายใช้วิชาเรยูกูระบัดประกอบกับวิชาอิลละมูหรือใช้วิชาสังกะลัมประกอบกันสองอันหรือจะใช้เพียงวิชาอิลละมูประกอบเวทมนตร์ก็ได้ (ชื่อวิชาเหล่านี้เป็นของพวกโยคีสมัยเก่า) แต่ถ้าใครเรียนถึงวิชาเรยูกูระบัดหรือสังกะลัมเครื่องรางของขลังจะให้พลังงานสูง
ในสมัยสงครามอินโดจีนในช่วงที่กำลังร้อนระอุทหารไทยถูกประนามว่าเป็นทหารผีเพราะเหตุใดเรามาดูกันกับใครอยู่เบื้องหลังบทต่อจากนี้ที่เกี่ยวข้องกันอย่างช่วยไม่ได้คืออยู่ยงคงกระพัน

ตอนนั้นทหารไทยมีหน้าที่ต้องบุกเข้ายึดเมืองศรีโสภณให้ได้แต่ไม่ใช่ของง่ายเลยเพราะฝ่ายตรงข้ามคือทหารญวนกับทหารมอร็อคโคมีมากกว่าอุปกรณ์การฆ่าทันสมัยกว่าแน่นอนกำลังใจย่อมดีกว่ารวมถึงความจัดเจนในการเชือดการปาดคล่องตัวกว่าเรียกว่าเขี้ยวลากดินกันทุกคนเพราะเหตุนี้ท.ทหารไทยจึงมองหาทางออกมองหาสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติคือความ..เหนียวแบบไร้เทียมทานหรืออยู่ยงคงกระพันดังนั้นวันบุกเข้าจู่โจมจึงเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นคือ

เมื่อวันที่ทหารไทยบุกเข้าศรีโสภนนั้นทหารญวนกับมอร็อคโคต่างสาดกระสุนมาดุจห่าฝนแต่หาได้ระคายเคืองผิวทหารไทยอย่างไรไม่ไม่ว่าจะยิงจะแทงฟันเชือดปาดเด็ดดึง..ทหารไทยอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดเลือดตกออกมาสักหยดทหารต่างชาติเหล่านั้นไม่เคยเชื่อหรือรับรู้ในเรื่องวิชาอาคมเวทมนตร์คาถาตอนนั้นรู้อย่างเดียวว่าทหารไทยฆ่าไม่ตายกับที่เหลือตัวใครตัวมันหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ยึดพื้นที่เอาไว้ได้เพราะถูกฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวเห็นไพร่พลล้มตายเกลื่อนจึงพากันทิ้งเมืองเอาตัวรอดงานนี้ทหารญวนกับมอร็อคโคถูกจับได้อย่างมากมายพร้อมทั้งอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากอนุภาพของผ้าประเจียดที่สี่หลวงพ่อทำการปลุกให้ไปแจกทหารที่ออกรบข่าวการชนะศึกของทหารไทยข่าวการยิงไม่เข้าแทงไม่เข้าไม่ระคายเคืองผิวกับการอยู่ยงคงกระพันของเหล่าทหารกล้าทำให้สี่เซียนดังไปเจ๊ดย่านน้ำหลวงพ่อทั้งสี่ได้แก่
หลวงพ่อชวน (โอภาสี)
หลวงพ่อแฉ่งแห่งวัดบางพังจ
หลวงพ่อจาด
และหลวงพ่อจงแห่งวัดหน้าต่างนอก

ที่มา : THE SUNZ