ใบงานการเขียนโครงงานวิทยาศาสตร์

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 1 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์

ชุดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ก ชดุ ที่ 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้จัดทำข้ึนเพ่ือใช้เป็น ส่ือประกอบการเรียนการสอน โดยมีเน้ือหาและกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย สอดคล้องตามหลักสูตร การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศกั ราช 2551 ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคญั โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรก์ ารสืบเสาะหา ความรู้ การสำรวจตรวจสอบการสืบค้นข้อมูลและการอภิปรายเพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจสามารถสื่อสารสิ่งที่ เรียนรู้มีความสามารถในการตัดสินใจและมีจิตวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความรู้และพัฒนาทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้เป็นอย่างดี นอกจากน้ียังช่วยให้ครูผู้สอนสามารถนำไปใช้เป็นแบบอย่างหรือ แนวทางในการจัดการเรยี นการสอนใหส้ อดคล้องกับจดุ มุ่งหมายสำคัญของหลักสูตรอีกด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 น้ีจะต้องใช้ร่วมกับ แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา โครงงานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 22201 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ และคู่มือ การใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ท่ีผูส้ อนได้จัดทำขนึ้ การจัดทำชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่มนี้เสร็จ สมบูรณ์ได้เพราะได้รับความอนุเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญหลายท่านท่ีได้ให้คำแนะนำปรึกษา จึงขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสน้ี และหวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดกิจกรรมเล่มนี้ จะช่วยพัฒนานักเรียนโรงเรียนพรมเทพพิทยาคมให้เป็น บคุ คลแห่งการเรยี นรู้ สามารถเป็นผ้เู รยี นรไู้ ด้ตลอดชวี ติ ตามเจตนารมณท์ ่ีตั้งไว้ วสินทรา ไพรสินธ์ุ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ข ชดุ ที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง หนา้ คำนำ ก สารบญั ข คำชีแ้ จง ค คำแนะนำสำหรบั ครู ง คำแนะนำสำหรับนกั เรยี น จ ขัน้ ตอนการใช้ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ฉ สาระสำคญั 1 จุดประสงค์การเรียนรู้ 1 กระดาษคำตอบ 2 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 3 ใบกจิ กรรม 5.1 ช่ือโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 5 ใบกจิ กรรม 5.2 วเิ คราะหเ์ ค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 7 ใบกจิ กรรม 5.3 เคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ 12 ใบความรู้ การเขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 14 คำถามชวนคิดชวนทำ 18 แบบทดสอบหลังเรยี น 19 เกณฑ์การประเมิน 21 บรรณานกุ รม 32

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ค ชุดที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 เน้ือหาจัดแบ่งออกเป็น 7 ชุด ดังน้ี ชุดที่ 1 วิทยาศาสตร์ขบั เคล่ือนโลก ชดุ ท่ี 2 นกั วทิ ยาศาสตรน์ ้อย ชุดที่ 3 เริม่ ต้นทำโครงงานอยา่ งไร ชุดท่ี 4 การวางแผนและออกแบบโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ที่ 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ชดุ ที่ 6 การลงมอื ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 7 การเขยี นรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์และการนำเสนอ ซ่ึงเล่มน้ีเป็นชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดที่ 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงาน วิทยาศาสตร์ ใช้เวลาในการเรียนการสอน 2 ชั่วโมง ในการนำชุดกิจกรรมน้ีไปใช้ ผู้สอนควรมีการศึกษา คู่มือการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยละเอียด เพื่อให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุตามจดุ ประสงค์ของหลักสูตร ซ่ึงกระบวนการจัดการเรียนร้เู น้น การปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง โดยครูผ้สู อนเปน็ ผู้ให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติ กิจกรรมและประเมินผลการเรยี นร้ขู องนกั เรียน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการ พฒั นาการเรยี นรูข้ องผ้เู รยี น และครสู ามารถนำมาใช้ในการพัฒนาการเรยี นการสอนได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ วสนิ ทรา ไพรสินธ์ุ

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ง ชดุ ที่ 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ การใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชุดที่ 5 การเขียนเค้าโครง ของโครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับกิจกรรมการเรียนการสอนรายวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 22201 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ผู้สอนมบี ทบาทสำคัญ ดังนี้ 1. เตรียมเอกสารทีร่ ะบุไวใ้ นแผนการจัดการเรียนรูต้ ามลำดับ 2. ศึกษารายละเอียดของชุดกจิ กรมการเรียนรู้ 3. ทดลองใช้สื่ออปุ กรณ์การสอน เพอื่ ตรวจสอบวา่ ใชง้ านได้จรงิ และแก้ไขเม่ือสือ่ อปุ กรณ์การสอน เกิดการชำรุดเสียหาย 4. ทำการวิเคราะห์นักเรียนโดยแบ่งเปน็ เกง่ ปานกลาง ออ่ น แลว้ แบ่งนักเรียนออกเปน็ กลุม่ กลมุ่ ละ 4-5 คน และแบ่งหน้าท่ดี งั นี้ 4.1 ประธาน ดแู ลและควบคมุ การทำงานของกลุม่ ให้เปน็ ไปตามกำหนดเวลา 4.2 รองประธาน ทำหนา้ ทีเ่ ปน็ ผู้ช่วยประธานและดูแลกลมุ่ แทนเม่ือประธานไม่อยู่ 4.3 เลขานกุ าร บนั ทึกข้อมูล ปญั หา ความคิดเหน็ ข้อเสนอแนะของสมาชิกภายในกลมุ่ 4.4 สมาชกิ ใหค้ วามรว่ มมอื ทำกจิ กรรมตา่ งๆ ของกลมุ่ ให้บรรลุจุดประสงค์ เสนอความคดิ เห็น จากข้อมูลที่ได้ทำการศึกษาทดลอง 5. ครูช้ีแจงการเรยี นทีน่ กั เรยี นตอ้ งปฏบิ ตั ิตามคำส่งั ในชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ 6. ช้ีแจงกจิ กรรมการเรยี นให้นกั เรยี นทราบ 7. ดำเนนิ การสอนตามแผนการจัดการเรยี นรู้ 8. ใหค้ ำแนะนำและเปน็ ที่ปรึกษาในขณะที่นักเรยี นทำกิจกรรม 9. สงั เกตการทำกิจกรรมของนกั เรยี นและการสรปุ บทเรยี น 10. ตรวจแบบทดสอบย่อยแตล่ ะชดุ แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นและบนั ทึกผลการ ประเมินพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และพฤติกรรมระหวา่ งเรียนของนักเรียน

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 จ ชดุ ที่ 5 การเขยี นเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ชุดที่ 5 เร่ือง การเขียนเค้าโครง ของโครงงานวิทยาศาสตร์ เล่มนี้ จัดทำข้ึนเพ่ือให้นักเรียนใช้ประกอบการเรียนรู้ในวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์ รหสั ว 22201 ซงึ่ นักเรยี นจะได้ศึกษาเพิม่ เติมดว้ ยตนเอง 2. ในแต่ละหน้าของแต่ละชุดกิจกรรมจะมีเน้ือหาสาระ คำแนะนำหรือคำอธิบาย พร้อมทั้งคำถาม ให้นักเรียนได้ศึกษาและฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนทักษะในการ นำไปใชแ้ กป้ ัญหา 3. ใหน้ ักเรยี นอ่านคำชแี้ จงการใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจ 4. ก่อนศึกษา ทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน จำนวน 10 ข้อเพื่อวัดความรพู้ ้ืนฐาน 5. ศึกษาจุดประสงค์ สาระสำคญั เนอื้ หาในชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ 6. เรียนรู้ตามกจิ กรรมท่ีครผู ู้สอนจัดให้ในชดุ กจิ กรรม มีสื่ออุปกรณ์ในการปฏิบตั ิ ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั ิให้ เรียบร้อยและครบถว้ น 7. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 8. ตรวจคำตอบจากเฉลย เพ่ือเปรียบเทยี บพฒั นาการทางการเรียนของตนเองและจะได้ทราบถงึ พฒั นาการทางดา้ นความคดิ ความรู้ความเข้าใจจากเรื่องที่ศึกษา

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ฉ ชุดท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ข้ันตอนการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ คาช้ีแจงการใช้ชดุ กิจกรรมการเรยี นรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ ทดสอบก่อนเรยี น นาเข้าสบู่ ทเรียน กจิ กรรมการเรียนรู้ สรปุ ทดสอบหลงั เรียน พบครู ผ่าน ไมผ่ ่าน เสริม ซ่อม

ชุดกจิ กรรมการเรียนร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 1 ชุดท่ี 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ ชดุ ที่ 5 การเขยี นเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ สาระสำคัญ เค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นการแสดงแนวความคิด แผนงาน และข้ันตอนของ การทำโครงงาน เพ่ือช่วยป้องกันความผิดพลาดและปัญหาที่อาจเกิดข้ึน ทำให้สามารถดำเนินงาน โครงงานวิทยาศาสตรไ์ ดอ้ ย่างเปน็ ขน้ั ตอนตามท่ีกำหนดไวอ้ ยา่ งมีระบบแบบแผน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เม่ือศกึ ษาบทเรียนน้ีแล้ว นักเรยี นควรจะสามารถ 1. ด้านความรู้ (K) 1.1 บอกองคป์ ระกอบของการเขยี นเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ 2. ดา้ นทกั ษะ (P) 2.1 เขียนเคา้ โครงในการทำโครงงานวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ 3. ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) 3.1 มีความรับผิดชอบตอ่ งานทีไ่ ด้รับมอบหมาย

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 2 ชดุ ที่ 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ กระดาษคำตอบ ชุดที่ 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10 10 คะแนน สรปุ ผลการทดสอบ หลงั เรียน คะแนนหลงั เต็ม กอ่ นเรียน คะแนน 10 เรยี นคิดเป็น ได้ 10 เต็ม ร้อยละ ได้

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 3 ชุดที่ 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ แบบทดสอบก่อนเรยี น ชดุ กจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ ชดุ ที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ข้อสอบ 10 ขอ้ ใชเ้ วลา 10 นาที คะแนนเตม็ 10 คะแนน คำช้แี จง ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสดุ แล้วทำเคร่อื งหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ 1. โครงงานแบ่งออกเปน็ กี่ประเภท 4. การเลอื กหัวข้อโครงงานควรพิจารณาสิง่ ใดเปน็ ลำดบั แรก ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ก. เคยมีผทู้ ำแล้ว ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท ข. ลงทนุ ตำ่ ค. ความสามารถของตน 2. ข้อใดคือความสำคัญของการทำโครงงาน ง. จำหนา่ ยได้ ก. เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ข. พัฒนาความคิดริเรมิ่ สร้างสรรค์ 5. สิ่งใดสำคญั ในการคิดหวั ขอ้ โครงงาน ค. ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ ก. ความคิดสร้างสรรค์ ง. ถกู ทกุ ข้อ ข. การอยากทดลอง ค. ความตอ้ งการของครู 3. ข้อใดไม่จำเป็นตอ้ งมีในโครงงานประเภทสำรวจ ง. เวลาในการทำโครงงาน ก. จดุ ประสงค์ ข. ขอบเขตของการทำโครงงาน 6. การศกึ ษาเอกสารทีเ่ กี่ยวขอ้ งทำเพ่อื ส่ิงใด ค. สมมตฐิ าน ก. ให้มเี อกสารอ้างองิ ง. คำนยิ ามศัพท์เฉพาะ ข. หาข้อมลู ทเี่ กยี่ วข้อง ค. หาเอกสารตามคำแนะนำของครู ง. เพอ่ื เขียนบรรณานกุ รม

ชุดกิจกรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 4 ชดุ ท่ี 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 7. การวางแผนการทำโครงงานคอื ขนั้ ตอนใด ก. การเลือกหัวข้อโครงงาน ข. การศึกษาเอกสารทเี่ กีย่ วข้อง ค. การทำเคา้ โครงงาน ง. การจดั ทำโครงงาน 8. ประโยชน์ของการจัดทำเค้าโครงงานคอื ขอ้ ใด ก. กำหนดการทำงาน ข. ประหยัดคา่ ใช้จา่ ย ค. มีความเป็นระเบียบ ง. ประหยดั เวลา 9. ขอ้ ใดกลา่ วถกู ต้องเก่ียวกับการเขยี นขอบเขตของการทำโครงงาน ก. การอธบิ ายเหตผุ ลทเ่ี ลอื กทำโครงงาน ข. คำตอบท่ีสามารถตรวจสอบได้ ค. การกำหนดสงิ่ ท่ีตอ้ งการศึกษาวา่ มีลักษณะอย่างไร ง. อธบิ ายเกย่ี วกบั การกำหนดเวลาเร่ิมต้นและเวลาสนิ้ สดุ ของการดำเนินงาน 10. การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ไมต่ ้องมหี ัวข้อใดต่อไปน้ี ก. เอกสารอ้างอิง ข. หลกั การและทฤษฎี ค. แผนปฏิบัติงาน ง. บทคัดยอ่

ชุดกจิ กรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 5 ชุดท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ เพ่อื ศกึ ษาวธิ ีการต้งั ชอ่ื ของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ วธิ ีการทำ ใหศ้ กึ ษาตัวอยา่ งรายชอื่ โครงงานวิทยาศาสตร์ตอ่ ไปนีแ้ ล้วตอบคำถาม 1. การเร่งการสุกของกล้วยดบิ ด้วยกล้วยสุก 2. การทำกระดาษจากใยตะไคร้ 3. การเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของข้าวโดยใช้ปุ๋ยคอกกับปุ๋ยเคมี 4. การบำบดั น้ำเสียจากครัวเรอื นด้วยพืชนำ้ 5. การเปรียบเทียบประสทิ ธภิ าพในการปราบศัตรพู ชื ของพืชในทอ้ งถ่นิ หลายๆชนดิ 6. การทำวาสลีนจากนำ้ มันมะพร้าว(นวด) 7. การผลิตแกส๊ ชวี ภาพจากมูลสุกร 8. การศึกษาประสทิ ธิภาพในการกำจัดปลวกด้วยเปลือกผลไม้ 9. ความหลากหลายของกล้วยไม้ในตำบลหนองไผ่ 10. ความหลากหลายของสมนุ ไพรในบ้านนาฮงั

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 6 ชดุ ท่ี 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ 1. จากรายชือ่ โครงงานฯ ท้งั 10 ตวั อยา่ ง - โครงงานใดเป็นโครงงานประเภททดลอง(ใหเ้ ขยี นหมายเลขหน้าชอ่ื โครงงานฯ) ………………………………………………………………………………………………. - โครงงานใดเป็นโครงงานประเภทสง่ิ ประดิษฐ์(ให้เขยี นหมายเลขหนา้ ช่ือโครงงานฯ) ………………………………………………………………………………………………. - โครงงานใดเป็นโครงงานประเภทสำรวจ(ให้เขยี นหมายเลขหน้าชือ่ โครงงานฯ) ………………………………………………………………………………………………. 2. ชื่อโครงงานประเภททดลองบอกอะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ช่ือโครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์บอกอะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ชอ่ื โครงงานประเภทสำรวจบอกอะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………... 5. ในการตงั้ ชอื่ โครงงานวิทยาศาสตร์จะต้องบอกให้ทราบสง่ิ ใดบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………............................................................................................................................. ..........

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 7 ชุดที่ 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ จุดประสงค์ เพ่อื ศึกษารูปแบบของการเขยี นเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ วธิ ที ำ ให้อ่านตวั อยา่ งเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ตอ่ ไปนแ้ี ล้วตอบคำถาม ตัวอยา่ งเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ช่ือโครงงาน สารธรรมชาตปิ อ้ งกนั การเกดิ ตะไครน่ ำ้ บนอฐิ มอญ ช่อื ผจู้ ัดทำโครงงาน 1. 2. 3. ช่อื อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน .............................................................. ทม่ี าและความสำคัญของโครงงาน อิฐมอญเป็นอิฐที่นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน กำแพง บ่อน้ำ รวมไปถึงใช้ในการปูพื้นและ ทางเดิน เมื่อนานไปได้รับความชื้นจากฝนและละอองไอน้ำมักปรากฏตะไคร่น้ำสีเขียวเกาะจับมากมาย ทำให้สิ่ง ปลูกสร้างดูเก่าและทรุดโทรม พ้ืนและทางเดินลื่นก่อให้เกิดอันตรายได้ มีการใช้สารเคมีเช่น สารไทเทเนียมได้ ออกไซด์ สารส้ม หรือ ปูนขาว ช่วยในการปอ้ งกนั ไม่ให้เกดิ ตะไคร่นำ้ เกาะทีอ่ ฐิ เพื่อเป็นการรักษาสงิ่ แวดลอ้ มไม่ มีสิ่งตกค้างเหลืออยู่สามารถยอ่ ยสลายไดใ้ นธรรมชาติและลดรายจ่าย ทางกลุ่มจึงต้องการท่ีจะศึกษาว่า สารสกัด ทไี่ ด้จากพืชชนิดใดท่ีมสี มบัตใิ นการปอ้ งกันและยับย้งั การเจริญเตบิ โตของตะไครน่ ้ำทีม่ าเกาะบนอิฐมอญได้

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 8 ชุดที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ จุดม่งุ หมายของการศกึ ษาค้นคว้า 1. เพือ่ ทำการทดลองหาสารสกัดจากพืชทส่ี ามารถป้องกนั และยับยงั้ การเจริญเตบิ โตของตะไคร่น้ำ ทีม่ าเกาะบนอฐิ มอญ 2. เพ่อื นำสารสกัดจากพชื ไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า ทำการศึกษาค้นคว้าโดยหาพืชพันธ์ุจากธรรมชาติที่มีสารท่ีสามารถใช้ป้องกันการเกิดตะไคร่น้ำ ออกแบบการทำการทดลองโดยใช้สารสกดั จาก ใบกลว้ ย ใบบอน ใบน้อยหน่า และพชื พันธจุ์ ากธรรมชาตอิ น่ื ๆ ที่มสี มบัติท่ีไม่เอื้อต่อการเกิดของตะไคร่น้ำ แล้วทำการสกัดสาร หาวธิ ีที่จะให้สารไปเคลือบบนอิฐมอญ ศึกษา ปริมาณตะไครน่ ำ้ ท่เี กิดขนึ้ บนอิฐมอญในเวลาท่ีกำหนดเปรยี บเทยี บกับอฐิ มอญที่เคลอื บดว้ ยสารเคมี สมมติฐาน สารทสี่ กดั จากพืชสามารถใชป้ ้องกันการเกดิ ตะไคร่นำ้ บนอฐิ ได้ มีประสทิ ธภิ าพเท่าเทยี มกับการใช้ สารเคมีตามท้องตลาด ตวั แปรในการทดลอง ตวั แปรตน้ ไทเทเนียมไดออกไซด์และสารต่างๆทส่ี กัดจากธรรมชาติ ได้แก่ ใบกล้วย ใบบอน ใบ น้อยหนา่ และพชื พนั ธุอ์ นื่ ๆ ตัวแปรตาม ปริมาณตะไคร่น้ำท่ีเกดิ ขึ้นบนอิฐมอญ ตัวแปรควบคมุ ความเขม้ ข้นของสารสกัดจากธรรมชาติ ขนาดของอิฐ ชนดิ ของอิฐ ระยะเวลาที่ให้ ตะไครเ่ จรญิ เตบิ โต สภาพแวดลอ้ มทที่ ดลอง วิธดี ำเนินงาน 1. วสั ดอุ ุปกรณ์และสารเคมี วัสดุอุปกรณ์ 1) อฐิ มอญ 4 – 6 กอ้ น 2) ถงั นำ้ 3) ตะแกรง 4) กระปุกสเปรย์นำ้ ให้เป็นฝอย สารเคมี 1) สารละลายสารสกดั จากพืช ( ใบกลว้ ย , ใบบอน , ใบนอ้ ยหน่าและอนื่ ๆ ) 2) น้ำเปลา่ 3) สารละลายไทเทเนียมไดออกไซดเ์ ข้มข้นร้อยละ 5

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นร้โู ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 9 ชุดท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2. แนวการศกึ ษาคน้ ควา้ ( แผนการดำเนนิ งาน ) 1) เลอื กปัญหาท่เี กดิ ข้ึนในชีวิตประจำวัน โดยทางกลมุ่ ไดเ้ ลือกปญั หา การเกดิ ตะไคร่น้ำบนอิฐมอญ และคิดอยากจะแกป้ ญั หาน้ัน 2) ศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมข้อมลู เกย่ี วกบั สารทใี่ ชป้ ้องกันตะไคร่น้ำ และศึกษาถงึ ปจั จยั ที่ทำให้เกิด ตะไครน่ ำ้ บนอิฐมอญ 3) นำข้อมูลท่ีไดไ้ ปปรึกษาอาจารยท์ ปี่ รกึ ษาในแนวทางทำโครงงาน 4) ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมลู เกีย่ วกบั พืชพันธุ์ธรรมชาตทิ ี่สามารถป้องกนั ตะไครน่ ้ำได้ แล้ว นำมาเคลอื บอฐิ 5) ทำการทดลองว่าสารจากธรรมชาตสิ ามารถป้องกนั การเกดิ ตะไครน่ ้ำไดห้ รือไม่ 6) นำเสนอผลการทดลอง 3. วธิ ีการทดลอง 1) นำใบพชื ท่จี ะใช้ทดลองท่ีมีมวลเทา่ กนั ไปป่นั ในเคร่อื งปั่นน้ำผลไม้ ( แยกกันป่นั ) เสร็จแลว้ เทลง ทีต่ ะแกรงเพื่อท่ีจะแยกเอาน้ำสกัด จากน้นั เติมน้ำจนได้สารละลาย 5 ลิตร 2) นำอิฐมอญ ไปแช่ในน้ำสะอาด 5 ก้อน แชใ่ นสารเคมีท่ใี ชก้ ำจัดตะไครน่ ้ำ 5 ก้อน แช่ในน้ำสาร สกัดจากพชื ธรรมชาติชนดิ ละ 5 ก้อน เปน็ เวลา 1 ชม. แลว้ ตากท้ิงไวใ้ หแ้ ห้งเป็นเวลา 1 คืน 3) นำอิฐที่เตรยี มไวท้ ง้ั หมด วางทิ้งไว้ในบริเวณเดยี วกนั เพ่อื ใหอ้ ฐิ เกิดตะไคร่นำ้ เปน็ เวลา 20 วนั โดยใหอ้ ิฐทแี่ ช่สารแต่ละชนดิ วางสลับเรียงกนั 4) สเปรย์น้ำให้ความชื้นแก่อิฐทุกวันในตอนเย็น สังเกตการเกิดตะไคร่น้ำบนอิฐมอญทุกวันและ บนั ทึกผล

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 10 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ แผนปฏิบัตงิ าน เวลา พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. รายการ 1. การเลือกโครงงาน 2. การเขียนเค้าโครง 3. การลงมือทำ 4. การเขียนรายงานผล 5. การนำเสนอโครงงาน ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1. ไดร้ ถู้ งึ สภาพสิ่งแวดล้อมทท่ี ำให้อิฐมอญเกดิ ตะไครน่ ้ำ และรู้วธิ แี ก้ไข 2. ได้สารสกดั จากธรรมชาติทส่ี ามารถปอ้ งกนั การเกิดตะไคร่น้ำบนอฐิ มอญได้ดีท่ีสุดและสามารถนำไป ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ 3. ระบุปัจจัยท่ีทำใหพ้ ชื ที่นำมาทดลองน้นั สามารถยับยัง้ การเกิดตะไคร่นำ้ ได้ เอกสารอา้ งอิง 1. ………………………………………………………………….. 2. …………………………………………………………………….. 3. …………………………………………………………………….. 4. ……………………………………………………………………..

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 11 ชุดท่ี 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 1. เคา้ โครงของโครงงานฯ น้มี เี หตุจูงใจอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จุดประสงค์ของเคา้ โครงของโครงงานฯ สอดคลอ้ งกบั เหตุจูงใจหรอื ไม่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. วิธกี ารทดลองสอดคล้องกับสมมติฐานและตวั แปรหรือไม่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. เคา้ โครงของโครงงานฯ ประกอบด้วยส่วนใดบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 12 ชุดที่ 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ จุดประสงค์ เพือ่ เขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตรท์ น่ี กั เรียนต้องการศกึ ษา วิธีทำ ให้นักเรยี นเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ทนี่ ักเรยี นได้ออกแบบไวต้ ามรปู แบบของการเขยี น เค้าโครงท่ีนักเรยี นได้ศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ...................................................................

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 13 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................. ................. .................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... .............................................................................................. ................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 14 ชุดที่ 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ เค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นกรอบในการดำเนนิ การโครงการซ่ึงจะเขียนหลังจากได้ศึกษา แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารท่ีเก่ียวขอ้ งกบั โครงงาน ตลอดจนออกแบบโครงงานเรียบร้อย โดยในเค้าโครงของ โครงงานวิทยาศาสตร์จะกำหนดแผนการดำเนินการอย่างละเอียดว่า การดำเนินการแต่ละข้ันตอนของการทำ โครงงานจะทำอยา่ งไร ในการเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์น้ันจะมีรูปแบบการเขียนที่แตกต่าง กล่าวคือ ถ้าเป็น หน่วยงานที่ให้ทุนสนับสนุนโครงงานวิทยาศาสตร์จะเขียนเป็นข้อ ๆ ตามแบบหน่วยงานน้ัน ๆ กำหนด แต่ถ้า เป็นสถาบนั การศึกษา ซ่งึ เปน็ การเขยี นเพ่ือประกอบการขออนุมตั ิทำโครงงาน มกั จะเขียนเป็น 3 บท คือ บทนำ เอกสารโครงงานวทิ ยาศาสตรท์ ี่เกย่ี วข้อง และวิธีดำเนินการโครงงานวิทยาศาสตร์ การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ในขั้นน้ี ไม่จำเป็นต้องเขียนให้ละเอียดมากนัก กล่าวคือ เขียนเพียงเพ่อื ให้อาจารย์ทีป่ รึกษาหรือคณะกรรมการตรวจสอบทราบว่า หากจะทำโครงงานวิทยาศาสตร์เร่ือง น้ี ผดู้ ำเนินการโครงงานเข้าใจในระเบียบวิธีการทำโครงงานชัดเจนเพียงไร หัวข้อโครงงานมีความสำคัญเพียง พอที่จะทำโครงงานวิทยาศาสตร์หรือไม่ และจะสามารถทำโครงงานได้สำเร็จหรือไม่ หลังจากโครงงาน วิทยาศาสตร์ผ่านการอนุมัติให้ทำได้แล้ว ผู้ดำเนินการต้องไปค้นคว้าเพ่ิมเติมโดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเอกสารที่ เกีย่ วขอ้ งกบั โครงงานวิทยาศาสตรน์ ัน้ เพ่ือใหโ้ ครงงานออกมาสมบรู ณท์ ส่ี ดุ เทา่ ท่ีจะทำได้

ชดุ กิจกรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 15 ชุดท่ี 5 การเขยี นเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์เพ่ือเสนอขอรบั ทนุ จากหน่วยงานตา่ งๆ จะ เขยี นตามรูปแบบท่หี น่วยงานนั้นๆ กำหนด ซ่งึ สว่ นใหญ่จะมหี วั ข้อคลา้ ยๆกนั ดงั นี้ 1. ชือ่ โครงงาน 2. รายช่อื คณะผู้ทำโครงงาน 3. ช่ืออาจารย์ทป่ี รึกษา 4. ทมี่ าและความสำคญั 5. จุดประสงค์ของโครงงาน 6. สมมติฐานของโครงงาน 7. ขอบเขตของโครงงาน 8. วิธกี ารดำเนนิ งาน 9. แผนปฏิบตั งิ าน 10. ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั 11. เอกสารอ้างอิง หัวข้อและหลักการในการเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ มีดงั น้ี ช่อื โครงงาน ช่ือโครงงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งท่ีจะเชิญชวนและเป็นแนวทางในการศึกษาโครงงานของเราแก่ผู้อ่ืน ซ่ึงโครงงานควรเป็นข้อความท่ีกระชับ ชัดเจน สื่อความหมายตรงประเด็นและเฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษา อย่างไร การกำหนดช่อื โครงงานใหส้ อดคล้องกับวัตถปุ ระสงคห์ ลัก รายชอื่ คณะผู้ทำโครงงาน เป็นการเขียนรายชื่อผู้รับผิดชอบโครงงานวิทยาศาสตร์ เป็นส่ิงดีเพ่ือจะได้ทราบว่าโครงงานน้ันอยู่ใน ความรับผิดชอบของใครและสามารถติดตามได้ทใ่ี ด ช่ืออาจารย์ท่ปี รกึ ษา เป็นการเขียนรายช่ือผู้ให้คำปรึกษาซึ่งควรให้เกียรติ ยกย่องและเผยแพร่ รวมท้ังขอบคุณท่ีได้ให้ ข้อแนะนำสำหรับการทำโครงงานวทิ ยาศาสตรจ์ นบรรลเุ ปา้ หมาย

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 16 ชุดท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ทีม่ าและความสำคญั เปน็ การอธิบายวา่ เหตผุ ลในการทำโครงงานน้ี โครงงานน้ีมคี วามสำคัญอย่างไร มีหลกั การหรอื ทฤษฎี อะไรเก่ียวข้อง เรื่องท่ีทำเป็นเรอ่ื งท่ที ำใหม่หรือเคยมผี ู้ศึกษาไว้แลว้ ถา้ มี ไดผ้ ลอย่างไร และโครงงานของ นักเรียนได้ขยายความรหู้ รือมีสิ่งทเ่ี พม่ิ เตมิ จากที่ผู้อ่ืนทำไวอ้ ย่างไร จดุ ประสงคข์ องโครงงาน เป็นจดุ หมายปลายทางหรือส่ิงที่ต้องการให้เกดิ จากการดำเนินโครงงานน้ี ซึ่งต้องเขียนให้กระชบั ชดั เจน และมีประเดน็ สำคญั ในการศึกษาที่สามารถออกแบบการทดลองหรอื ศึกษาได้ สมมติฐานของโครงงาน เปน็ ข้อความที่คาดคะเนผลการทดลองและแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งตัวแปร ขอบเขตของโครงงาน การกำหนดขอบเขตของสง่ิ ท่ีต้องการศกึ ษาวา่ มีลักษณะอย่างไร จำนวนเทา่ ไหร่ ช่วงเวลาใดทีท่ ำการ ทดลอง และกำหนดตัวแปร ซึ่งโครงงานบางประเภทอาจไม่จำเป็นตอ้ งมีการกำหนดตัวแปร วธิ กี ารดำเนนิ งาน เป็นขั้นตอนการดำเนินงานเพ่ือศึกษาผลการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ ประกอบด้วยวัสดุอุปกรณ์ และวิธกี ารศกึ ษาค้นคว้า - วิธีการศึกษาค้นคว้า บอกข้ันตอนการดำเนินการ วิธีการเก็บข้อมูล เคร่ืองมือ จะ ออกแบบการทดลองอะไร อย่างไร จะสร้างหรือประดิษฐ์อะไร อย่างไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เก็บข้อมูล อยา่ งไรและเม่อื ใดบา้ ง - วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ระบุว่าวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง จำนวนหรือปริมาณ ท่ีต้องการ ได้วัสดุอุปกรณ์เหล่าน้ันจากไหน มีอะไรบ้างท่ีต้องจัดซื้อ อะไรบ้างที่ต้องจัดทำเอง อะไรบ้างท่ี อาจขอยืม

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 17 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ แผนปฏิบตั ิงาน นำเสนอการกำหนดเวลาเร่มิ ต้นและเวลาเสร็จของการดำเนินงานในแตล่ ะข้ันตอน ผลท่คี าดว่าจะได้รับ นำเสนอประเดน็ สำคญั เกีย่ วกับส่งิ ทค่ี าดวา่ จะได้รบั จากผลของการดำเนินโครงงาน เอกสารอา้ งองิ นำเสนอเอกสารอา้ งอิงตามหลกั การเขยี นบรรณานกุ รม

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 18 ชดุ ท่ี 5 การเขยี นเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ คำชี้แจง ให้นักเรยี นจับคคู่ ำถามกบั หัวข้อในกรอบสีเ่ หล่ียมดา้ นขวา โดยนำตัวเลขหน้าหวั ขอ้ ใส่ไว้ หน้าข้อความทเ่ี กี่ยวข้องกัน (คำตอบซ้ำได)้ ______เหตุผลท่ีนักเรียนทำโครงงาน ความสำคญั ของการทำโครงงานและหลกั การทาง วิทยาศาสตรท์ เ่ี กยี่ วข้องกบั โครงงานวิทยาศาสตร์ 1. สมมติฐานของการทำ ______ส่ิงทน่ี กั เรียนอยากรจู้ ากการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ โครงงาน ______คำตอบของปัญหาทน่ี ักเรียนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า 2. ประโยชนจ์ ากโครงงาน 3. จุดประสงคข์ องการทำ ______การกำหนดชนดิ หรือประเภทของสง่ิ ท่ีต้องการศึกษา บรเิ วณทศ่ี ึกษา โครงงาน ช่วงเวลาในการศึกษา 4. ทมี่ าและความสำคัญของ ______สิ่งท่ีคาดว่าเป็นปัจจยั หรือสาเหตุทีก่ ่อให้เกดิ ผล โครงงาน ______สิ่งเป็นผลทีส่ ืบเนอื่ งมาจากสาเหตุ 5. ตัวแปรตน้ 6. ตวั แปรควบคมุ ______สิง่ ท่ตี ้องจดั กระทำให้เหมือนกันเพ่ือให้การสรุปผลการทดลองถูกต้อง 7. ตัวแปรตาม ______สงิ่ ของเคร่ืองมือท่ตี ้องใช้ในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 8. ขอบเขตของการทำโครงงาน 9. วธิ กี ารดำเนนิ งาน ______การกำหนดวิธกี ารและลำดับข้ันตอนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 10. วสั ดุอปุ กรณ์ ______การกำหนดเวลาเร่มิ ต้นและเวลาส้ินสุดของการดำเนนิ การในแตล่ ะข้ันตอน 11. เอกสารอา้ งอิง 12. แผนปฏิบัตงิ าน ______การใช้ประโยชน์และคณุ ค่าของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ______เอกสารหรือแหล่งขอ้ มลู ตา่ งๆ ท่ใี ชส้ ำหรบั ศึกษาหาความรู้ในการทำ โครงงานวิทยาศาสตร์

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 19 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบหลังเรียน ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ขอ้ สอบ 10 ขอ้ ใชเ้ วลา 10 นาที คะแนนเตม็ 10 คะแนน คำชแี้ จง ให้นกั เรียนเลือกคำตอบท่ีถกู ต้องที่สุดแลว้ ทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ 1. สงิ่ ใดสำคัญในการคิดหวั ขอ้ โครงงาน 4. ขอ้ ใดคือความสำคัญของการทำโครงงาน ก. ความคดิ สร้างสรรค์ ข. การอยากทดลอง ก. เรียนรจู้ ากประสบการณ์ตรง ค. ความตอ้ งการของครู ง. เวลาในการทำโครงงาน ข. พฒั นาความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ 2. การวางแผนการทำโครงงานคือขั้นตอนใด ค. ใช้เวลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ ก. การเลอื กหัวขอ้ โครงงาน ข. การศึกษาเอกสารทเี่ กีย่ วข้อง ง. ถูกทกุ ข้อ ค. การทำเคา้ โครงงาน 5. การศกึ ษาเอกสารที่เก่ียวขอ้ งทำเพอื่ สิ่งใด ง. การจดั ทำโครงงาน ก. ใหม้ ีเอกสารอ้างอิง 3. ขอ้ ใดไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งมใี นโครงงานประเภทสำรวจ ข. หาขอ้ มูลทีเ่ กย่ี วข้อง ก. จดุ ประสงค์ ข. ขอบเขตของการทำโครงงาน ค. หาเอกสารตามคำแนะนำของครู ค. สมมติฐาน ง. คำนิยามศัพท์เฉพาะ ง. เพื่อเขยี นบรรณานุกรม 6. การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ไม่ต้องมีหัวข้อใดต่อไปน้ี ก. เอกสารอ้างอิง ข. หลกั การและทฤษฎี ค. แผนปฏบิ ัตงิ าน ง. บทคดั ยอ่

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 20 ชดุ ที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ แบบทดสอบหลงั เรยี น 7. โครงงานแบ่งออกเป็นก่ปี ระเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท 8. ข้อใดกลา่ วถกู ต้องเก่ียวกับการเขยี นขอบเขตของการทำโครงงาน ก. การอธบิ ายเหตุผลทีเ่ ลือกทำโครงงาน ข. คำตอบท่สี ามารถตรวจสอบได้ ค. การกำหนดส่ิงท่ีต้องการศึกษาวา่ มลี กั ษณะอย่างไร ง. อธิบายเก่ียวกบั การกำหนดเวลาเริ่มตน้ และเวลาสนิ้ สุดของการดำเนนิ งาน 9. การเลือกหัวข้อโครงงานควรพิจารณาส่งิ ใดเป็นลำดบั แรก ก. เคยมผี ูท้ ำแล้ว ข. ลงทนุ ต่ำ ค. ความสามารถของตน ง. จำหนา่ ยได้ 10. ประโยชนข์ องการจดั ทำเคา้ โครงงานคอื ข้อใด ก. กำหนดการทำงาน ข. ประหยดั คา่ ใช้จ่าย ค. มคี วามเป็นระเบยี บ ง. ประหยัดเวลา

ชุดกิจกรรมการเรียนร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 21 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ เกณฑก์ ารประเมนิ

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 22 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การประเมิน ใบกจิ กรรม 5.1 ช่ือโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ใบกจิ กรรม 5.1 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ถูกต้อง 1 คะแนน ไม่ถูกตอ้ ง 0 คะแนน เกณฑก์ ารผ่านการประเมนิ 6 คะแนนขึน้ ไป (รอ้ ยละ 80) เกณฑก์ ารประเมิน ใบกจิ กรรม 5.2 วเิ คราะห์เค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ ชุดที่ 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ใบกจิ กรรม 5.2 ชุดท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ถูกต้อง 1 คะแนน ไมถ่ ูกต้อง 0 คะแนน เกณฑก์ ารผ่านการประเมนิ 4 คะแนนขนึ้ ไป (ร้อยละ 80)

ชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 23 ชุดท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบประเมนิ ใบกจิ กรรม 5.3 เคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชอ่ื ……………………………………….. ช้นั …………หน่วยการเรียนรู้ท่ี………………กจิ กรรม………………………………. คำช้แี จง : ให้ผู้ประเมิน ขดี / ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน โดยใหศ้ ึกษาเกณฑก์ ารให้คะแนนผลงาน ประเดน็ ทป่ี ระเมิน ผปู้ ระเมิน 1. ตรงตามจุดประสงคท์ ี่กำหนด ตนเอง เพอ่ื น ครู 4 3 2 1 4 3214321 2. มคี วามถูกตอ้ งสมบรู ณ์และเป็น ปัจจบุ ัน 3. มีความคิดสร้างสรรค์ 4. มคี วามเป็นระเบยี บ 5. เสร็จเรยี บร้อยตามเวลาที่กำหนด รวม รวมทุกรายการ เฉล่ีย ผู้ประเมนิ ……………………………………………………….. (ตนเอง) ผปู้ ระเมิน……………………………………………………….. (เพ่อื น) ผูป้ ระเมิน……………………………………………………….. (ครู)

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 24 ชุดที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ เกณฑก์ ารประเมนิ ใบกิจกรรม 5.3 เคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเด็นท่ีประเมนิ คะแนน 1.ผลงานตรงตาม 4 32 1 จุดประสงคท์ ก่ี ำหนด ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานไมส่ อดคลอ้ ง จุดประสงค์ทุก ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ กบั จดุ ประสงค์ 2.ผลงานมีความ ประเด็น ถูกตอ้ งสมบรู ณ์และ เนอื้ หาสาระของ จุดประสงค์ จุดประสงค์บาง เน้อื หาสาระของ เปน็ ปัจจบุ ัน ผลงานถกู ต้อง ผลงานไม่ถกู ต้อง เปน็ ครบถว้ นเป็นปัจจบุ นั เปน็ สว่ นใหญ่ ประเดน็ สว่ นใหญ่ 3.ผลงานมคี วามคิด สรา้ งสรรค์ ผลงานแสดงออกถึง เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ ผลงานไมแ่ สดงแนวคดิ ความคดิ สร้างสรรค์ ใหม่ 4.ผลงานมีความเปน็ แปลกใหม่และเป็น ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ตอ้ ง ระเบยี บ ระบบ ผลงานสว่ นใหญ่ไมเ่ ปน็ ผลงานมคี วามเปน็ ครบถว้ นเปน็ ส่วนใหญ่ ครบถว้ นเป็นบาง ระเบียบและมี 5.ผลงานเสร็จ ระเบยี บ แสดงออกถึง ขอ้ บกพร่อง เรียบร้อยตามเวลาท่ี ความประณตี ประเด็น สง่ ผลงานชา้ กว่าเวลา กำหนด ส่งผลงานตามเวลา ทกี่ ำหนด 5 วนั ทีก่ ำหนด ผลงานมแี นวคดิ แปลก ผลงานมคี วามนา่ สนใจ ใหม่ แต่ยังไมเ่ ปน็ แตย่ ังไมม่ ีแนวคดิ ระบบ แปลกใหม่ ผลงานส่วนใหญม่ ี ผลงานมีความเป็น ความเปน็ ระเบียบแตม่ ี ระเบยี บแตม่ ี ข้อบกพรอ่ งบางส่วน ขอ้ บกพรอ่ งบางสว่ น ส่งผลงานชา้ กว่าเวลา ส่งผลงานช้ากว่าเวลา ทกี่ ำหนด 1-2 วนั ที่กำหนด 3-5 วัน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ระดบั คุณภาพ คะแนน ดีมาก 17-20 ดี 13-16 9-12 ปานกลาง 5-8 ปรับปรงุ เกณฑ์การผ่านการประเมนิ ระดับ ดี

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 25 ชุดท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ เกณฑก์ ารประเมิน คำถามชวนคิดชวนทำและแบบทดสอบหลังเรียน ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชุดที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ คำถามชวนคิดชวนทำ ชดุ ท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ถูกต้อง 1 คะแนน ไม่ถูกต้อง 0 คะแนน เกณฑก์ ารผ่านการประเมนิ 10 คะแนนขน้ึ ไป (ร้อยละ 80) แบบทดสอบหลังเรียน ชุดท่ี 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ ถกู ต้อง 1 คะแนน ไม่ถูกต้อง 0 คะแนน เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ 8 คะแนนขน้ึ ไป (รอ้ ยละ 80)

ชุดกิจกรรมการเรยี นร้โู ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 26 ชดุ ที่ 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คำช้ีแจง : ให้ ผสู้ อน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน เลขท่ี ชื่อ-สกลุ ความตัง้ ใจใน ความ การตรงตอ่ ความสะอาด ผลสำเรจ็ ของ ของผู้รบั การประเมนิ การทำงาน รบั ผิดชอบ เวลา เรียบร้อย งาน 321 321 321 321 321 ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ ............../.................../................

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 27 ชดุ ที่ 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน แบบประเมนิ พฤตกิ รรมรายบคุ คล ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ 3 คะแนน 1 ความตง้ั ใจในการทำงาน มีความตั้งใจในการทำงานดี 2 ไมม่ คี วามตง้ั ใจในการทำงาน ความรบั ผิดชอบ การตรงต่อเวลา ทำงานตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย มคี วามตง้ั ใจในการทำงาน ไมม่ ที ำงานตามทีไ่ ด้รบั ครบถ้วน พอใช้ มอบหมาย ความสะอาดเรยี บร้อย ทำงานเสร็จทันเวลาทก่ี ำหนด ทำงานตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ทำงานไมเ่ สรจ็ ตามเวลาที่ บางสว่ น กำหนด ผลสำเร็จของงาน เขียนตัวอักษร ตัวสะกดและ ทำงานเสร็จช้ากว่าเวลาที่ เขยี นตัวสะกดและไวยากรณ์ ไวยากรณ์ถกู ตอ้ ง ชัดเจน อ่าน กำหนดไมเ่ กิน 10 นาที ไมถ่ กู ต้องเปน็ ส่วนมาก มี งา่ ย ไม่มรี ่องรอยการแกไ้ ข เขยี นตัวอักษร ตัวสะกดและ ร่องรอยการแกไ้ ขมากกว่า 5 ไวยากรณ์ถูกตอ้ งบางสว่ น จุด ผลงานมคี วามถูกต้องครบถ้วน ชดั เจน อา่ นงา่ ย มีรอ่ งรอยการ ผลงานยงั ไมถ่ กู ต้องและไม่ ตรงตามจุดประสงค์ แก้ไขไมเ่ กนิ 5 จุด ตรงตามจดุ ประสงค์ ผลงานมีความถกู ต้องเปน็ สว่ นมาก ตรงตามจดุ ประสงค์ เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 11 – 15 ดี 10 - 6 ต่ำกวา่ 6 พอใช้ ปรบั ปรุง เกณฑ์การผ่านการประเมนิ ระดับ ดี

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 28 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในช่อง ที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ที่ ชอ่ื -สกลุ ความรว่ มมือ การแสดง ความคิด การตง้ั ใจ การแก้ไข รวม ของผู้รบั การประเมิน กนั ทำกิจกรรม ความคดิ เหน็ สรา้ งสรรค์ ทำงาน ปญั หา/หรอื 20 ปรบั ปรุง คะแนน 4321 4321 ผลงานกลุ่ม 43214321 4321 ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้โครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 29 ชดุ ท่ี 5 การเขียนเคา้ โครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน แบบประเมนิ พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ประเดน็ ทป่ี ระเมนิ คะแนน ความร่วมมอื กันทำ กจิ กรรม 4 3 21 การแสดงความ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ คิดเหน็ ทำงานกล่มุ อย่างดีเยย่ี ม ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการ ไม่ใหค้ วามรว่ มมอื ใน ร่วมแสดงความคดิ เห็น ความคิดสร้างสรรค์ และยอมรับฟังความ ทำงานกลุม่ อย่างดี ทำงานกลุ่มพอใช้ การทำงานกลุ่ม คิดเหน็ กบั ผอู้ น่ื อยา่ งดี การตงั้ ใจทำงาน มีความคิดริเรมิ่ ยอมรบั ฟังความ ยอมรบั ฟังความ ไม่ยอมรบั ฟงั ความ สร้างสรรคท์ ี่แปลกใหม่ การแก้ไขปัญหา/ แตกตา่ งจาก คดิ เห็นกบั ผู้อนื่ บางครงั้ คิดเหน็ กับผู้อื่นนอ้ ย คดิ เห็นกบั ผ้อู ื่น หรอื ปรบั ปรงุ ผลงาน แนวความคิดเดมิ และ กลุม่ เป็นประโยชน์ มีความคิดริเรมิ่ มคี วามคดิ ริเริ่ม ขาดความคดิ ริเร่มิ สร้างสรรค์ ท่มี ี สรา้ งสรรคท์ ่ี สร้างสรรค์ ไม่มกี าร มีความต้ังใจในการ พ้ืนฐานจาก เปล่ยี นแปลงจาก เปล่ียนแปลงจาก ทำงานอยา่ งดีเยย่ี ม แนวความคดิ เดมิ และ แนวความคดิ เดิม แต่ แนวความคดิ เดิม เป็นประโยชน์ ยังไม่เป็นประโยชน์ มกี ารวางแผนเพ่ือ อยา่ งชดั เจน ไม่มีความตง้ั ใจในการ แกป้ ญั หาและปรบั ปรุง มคี วามตง้ั ใจในการ มคี วามตงั้ ใจในการ ทำงานขาดความ ผลงานใหด้ ขี ึน้ พรอ้ ม ทำงานดี ทำงานพอใช้ รบั ผิดชอบ ตรวจสอบการแกป้ ัญหา ไม่มกี ารวางแผนเพื่อ มกี ารวางแผนเพื่อ มกี ารวางแผนเพือ่ แกป้ ัญหาและ แกป้ ัญหา ปรับปรงุ แก้ปัญหา แต่ยงั ไม่ ปรับปรุงผลงาน ผลงานให้ดีขน้ึ สามารถปรบั ปรุง ผลงานให้ดีขึ้นได้ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตำ่ กวา่ 10 ปรบั ปรุง เกณฑ์การผา่ นการประเมิน ระดบั ดี

ชุดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 30 ชดุ ที่ 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวิทยาศาสตร์ แบบสงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี น ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เลข ชือ่ – สกลุ ซื่อสตั ย์ มีวินยั ใฝ่เรียนรู้ มุง่ มัน่ ในการ ผลการ ที่ ทำงาน ประเมนิ 3210321032103210 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 31 ชดุ ท่ี 5 การเขยี นเคา้ โครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การใหค้ ะแนนการสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ประเด็นการสังเกต เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. ซือ่ สัตย์ 3 21 0 2. มีวนิ ยั ไมใ่ หข้ ้อมลู ท่ีถกู ตอ้ ง ใหข้ อ้ มูลทีถ่ ูกต้องและเปน็ ให้ขอ้ มลู ทถ่ี กู ต้องและเป็น ให้ขอ้ มูลทีถ่ กู ต้องและ และเป็นจริง 3. ใฝ่เรียนรู้ มีพฤติกรรมนำ จรงิ ไม่นำสง่ิ ของและ จรงิ ไม่นำสิ่งของและ เปน็ จรงิ ไมน่ ำสิ่งของ สิ่งของและผลงาน 4. มุ่งมั่น ของผ้อู ่นื มาเป็นของ ในการทำงาน ผลงานของผู้อื่นมาเปน็ ผลงานของผ้อู นื่ มาเป็น และผลงานของผูอ้ ่นื มา ตนเอง ของตนเอง ปฏิบัติตนต่อ ของตนเอง ปฏบิ ัติตนตอ่ เป็นของตนเอง ไม่ปฏบิ ตั ติ นตาม ผู้อ่ืนด้วยความซอ่ื ตรง เป็น ผอู้ ่นื ดว้ ยความซื่อตรง ข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคับ แบบอย่างทีด่ ีดา้ นความ ของโรงเรียน ซือ่ สัตย์ ไม่ตั้งใจเรียน ไม่ศึกษาคน้ ควา้ หา ปฏบิ ตั ิตนตามขอ้ ตกลง ปฏบิ ัติตนตามข้อตกลง ปฏบิ ตั ติ นตามข้อตกลง ความรู้ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ไม่ตง้ั ใจปฏิบตั ิ หนา้ ท่ีการงาน ข้อบังคบั ของโรงเรียน ขอ้ บังคบั ของโรงเรียน ขอ้ บังคับของโรงเรียน และ ไม่ละเมิดสทิ ธขิ อง ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิ ตรงต่อเวลาในการ ผู้อื่น ตรงตอ่ เวลาในการ กิจกรรมและรับผดิ ชอบใน ปฏบิ ัติกิจกรรม ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและ การทำงาน รับผดิ ชอบในการทำงาน เข้าเรยี นตรงเวลา ต้ังใจ เขา้ เรยี นตรงเวลา ต้งั ใจ เขา้ เรียนตรงเวลา ตัง้ ใจ เรยี น เอาใจใส่ในการเรยี น เรยี น เอาใจใส่ในการเรยี น เรียน เอาใจใสใ่ นการ และมสี ่วนร่วมในการ และมสี ว่ นรว่ มในการ เรียน และมสี ว่ นร่วมใน เรียนรู้ และเขา้ ร่วม เรียนรู้ และเข้าร่วม การเรยี นรู้ และเข้ารว่ ม กิจกรรมการเรียนรตู้ ่างๆ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ่างๆ กจิ กรรมการเรียนรู้ ทัง้ ภายในและภายนอก บ่อยครั้ง ตา่ งๆ เป็นบางครงั้ โรงเรียนเปน็ ประจำ ตัง้ ใจและรับผดิ ชอบในการ ตงั้ ใจและรับผิดชอบใน ตั้งใจและรับผิดชอบใน ปฏบิ ัติหน้าทท่ี ไ่ี ด้รับ การปฏิบตั หิ นา้ ทท่ี ไ่ี ดร้ ับ การปฏบิ ตั หิ น้าทที่ ี่ไดร้ ับ มอบหมายใหส้ ำเรจ็ มกี าร มอบหมายใหส้ ำเรจ็ มีการ มอบหมายใหส้ ำเร็จ ปรบั ปรุงและพฒั นาการ ปรบั ปรุงและพฒั นาการ ทำงานใหด้ ขี นึ้ ภายในเวลา ทำงานใหด้ ขี น้ึ ที่กำหนด เกณฑก์ ารประเมิน คะแนนรวมตั้งแต่ 10 – 12 คะแนน มคี ณุ ภาพระดับ 3 ดมี าก เกณฑ์การผา่ น คะแนนรวมตั้งแต่ 7 – 9 คะแนน มคี ณุ ภาพระดบั 2 ปานกลาง คะแนนรวมตั้งแต่ 4 – 6 คะแนน มคี ณุ ภาพระดับ 1 พอใช้ ระดบั ปานกลาง ข้นึ ไป

ชุดกจิ กรรมการเรียนรูโ้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 32 ชุดที่ 5 การเขียนเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ บรรณานุกรม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2546. คู่มือวัดผล ประเมนิ ผลวิทยาศาสตร.์ กรงุ เทพฯ : องค์การค้าครุ สุ ภาลาดพรา้ ว. สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2557. คูม่ ือครูรายวิชาเพมิ่ เติม วทิ ยาศาสตร์ สนกุ กับโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนต้น กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2557. หนังสือเรียนรายวชิ า เพิ่มเติมวทิ ยาศาสตร์ สนกุ กบั โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว. สมพงศ์ จนั ทรโ์ พธศ์ิ รี. 2558. โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษา (ฉบับปรบั ปรงุ ใหม่). กรุงเทพฯ : ไฮเอด็ พบั ลิชชง่ิ . JANICE VANCLEAVE. 2559. โครงงานวทิ ยเ์ กรด A+. กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรโู้ ครงงานวิทยาศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 33 ชดุ ท่ี 5 การเขยี นเค้าโครงของโครงงานวทิ ยาศาสตร์