• สติปัญญา เด็กต้องการการพัฒนาทางทางสติปัญญาหลายด้าน พ่อแม่ต้องรู้จักสอดแทรกเรื่องที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกด้วย ถ้าอยากให้ลูกเรียนเก่ง พ่อแม่ต้องให้ลูกค่อยๆ เรียนรู้ แต่ไม่ควรให้แบบยัดเยียด การให้ลูกได้รู้จักผ่อนคลายกับการเรียน จะทำให้เด็กเรียนรู้ได้มากขึ้น และสนุกกับการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา Show การพูดจาฉะฉาน ถามไป ตอบมา แบบไม่ต้องใช้ความคิดนาน เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กยุคปัจจุบันนี้คะ นั่นอาจเป็นเพราะได้รับการอบรมเลี้ยงดู และการได้รับแบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่ และการสอนสั่งที่ดีจากคุณครูที่โรงเรียน จึงทำให้เด็กเมื่อเขาเติบโตขึ้นมาในช่วงชีวิตที่ต้องออกไปเรียนรู้อยู่กับสังคมภายนอกบ้าน จึงทำให้เด็กคิดเป็น พูดเป็น ทำเป็น เด็กที่อยู่ในระดับปฐมวัยพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู และคุณครู ต้องให้ความใส่ใจ และเข้าใจพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กด้วย เพื่อที่เด็กจะได้มีพัฒนาการที่เติบโตอย่างสมวัย และนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงขึ้นต่อไปในอนาคต การเจริญเติบโตของร่างกาย ร่างกายของคนเรา มีการเจริญเติบโตจากวัยทารกไปสู่วัยเด็ก จากวัยเด็กไปสู่วัยรุ่น จากวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่ และจากวัยผู้ใหญ่ก็ไปสู่วัยชรา ซึ่งเราก็เหมือนจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ที่อาจจะต้องมีคนมาคอยช่วยเหลือทำอะไรให้ในบางเรื่อง ซึ่งในแต่ละวัยขนาดของร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันไป การเจริญเติบโตทางร่างกายสามารถสังเกตได้ดังนี้ • น้ำหนัก ส่วนสูง • ใบหน้าที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นจนโตเต็มที่ (ความชัดเจน หรือความเหมือนพ่อ แม่) • ความยาวของเส้นรอบวงศีรษะ (ขนาดศีรษะ) • ความยาวของลำตัว • ความยาวของช่วงแขนเมื่อกางเต็มที่ • ความยาวของเส้นรอบอก • การขึ้นของฟันนม และฟันแท้ ตารางน้ำหนักและส่วนสูง อายุ เด็กหญิง เด็กชาย น้ำหนัก ส่วนสูง น้ำหนัก ส่วนสูง 4 16 100 16 100 5 18 106 18 106 6 20 112 20 112 7 22 118 22 118 8 24 124 24 124 9 27 130 27 130 10 32 138 30 136 11 38 148 33 142 12 45 158 36 148 พัฒนาการด้านต่างๆ ของวัยเด็ก 6 – 9 ปี ด้านร่างกาย มีความคล่องแคล่วว่องไว ชอบเล่น ไม่เคยอยู่นิ่ง ด้านอารมณ์ อ่อนไหวง่ายต่อการติเตียน และการเยาะเย้ย ชอบการชมเชยจากพ่อแม่ คุณครู ด้านสังคม ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด ไม่มีการยืดหยุ่น ทุกสิ่งเป็นจริงเป็นจัง ด้านสติปัญญา มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ชอบพูดมากกว่าเขียน กระบวนการคิดขึ้นอยู่กับการรับรู้ตามที่เห็น รู้จักลูก รู้จักพัฒนาการที่สมวัย • เมื่อเด็กอายุได้ 6 ปี เด็กวัยนี้สามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งของได้ เช่น ความแตกต่างของลวดลายต่างๆ เข้าใจความหมายของด้านหน้า ด้านหลัง ข้างบน และข้างล่าง เด็กวัยนี้ยังคิดถึงแต่เรื่องปัจจุบัน ระยะของความสนใจจะสั้น สนใจการกระทำกิจกรรมต่างๆ เด็กจะกระตือรือร้นทำงานที่ตัวเองสนใจ แต่เมื่อหมดความสนใจก็จะเลิกทำทันที โดยที่บางครั้งงานที่ทำอยู่นั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ • เมื่อเด็กอายุได้ 7 ปี เด็กวัยนี้จะมีความอยากรู้อยากเห็น สามารถจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ มีความสนใจอยากที่จะทำสิ่งต่างๆ และจะพยายามทำให้สำเร็จ รู้จักชอบหรือไม่ชอบสิ่งนั้นสิ่งนี้ ระยะความสนใจยังสั้น จะสนใจสิ่งต่างๆ ทีละอย่าง • เมื่อเด็กอายุได้ 8 ปี เด็กวัยนี้จะมีความอยากรู้อยากเห็น เด็กจะมีความสนใจและสักถามในเรื่องที่อยากรู้มากขึ้น ชอบทำอะไรใหม่ๆ ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ระยะของความสนใจจะนานขึ้น ทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ สามารถเข้าใจคำชี้แจงง่ายๆ มีความสนใจในการเล่นต่างๆ เด็กวัยนี้จะสนใจ วาดรูปภาพ ดูการ์ตูน เป็นต้น • เมื่อเด็กอายุได้ 9 ปี เด็กวัยนี้เป็นวัยที่รู้จักใช้เหตุผล มีความรู้ในด้านภาษา และความรู้รอบตัวในหลายชอบสังเกตสิ่งรอบๆ ตัว ที่เกิดขึ้น ในวัยนี้ต้องการความเป็นอิสระ ชอบเลียนท่าทาง หรือการกระทำของคนที่ชื่นชอบ พัฒนาการทางด้านกายภาพของเด็กวัย 6 ขวบขึ้นไป ยังมีอีกหลายเรื่องให้คุณพ่อคุณแม่ได้ทำความเข้าใจกัน ซึ่งเราจะมาทำความเข้าใจและเรียนรู้กันต่อในฉบับหน้าคะ ประโยคเด็ดชวนคิด “ คำชม หรือ การใช้คำพูดในเชิงบวก ช่วยสร้างทัศนคติด้านบวกให้กับเด็ก ทำให้เด็กเกิดความภูมิใจในตัวเอง เมื่อเขาเริ่มต้นเรียนรู้ชีวิตด้วยการมองเห็นด้านดีของตัวเอง แน่นอนว่า ย่อมส่งผลให้เขาเรียนรู้ที่จะมองผู้อื่นในด้านดี มองโลกในด้านดี มีทัศนคติที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความสุข ” เด็กวัย 4-6 ปี หรือเรียกว่า เด็กวัยอนุบาล (preschool) เป็นวัยที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงที่เด็กเริ่มมีพัฒนาการหลายด้านก้าวหน้าขึ้น ทั้งด้านความคิด ภาษา การสื่อสาร การเคลื่อนไหว และการช่วยเหลือตนเอง นอกจากนี้ยังเป็นวัยที่เด็กเริ่มออกจากครอบครัวไปสู่โรงเรียน ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น และ ใช้ชีวิตภายนอกบ้านมากขึ้น ดังนั้นครูจึงเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กวัยนี้นอกเหนือจากคุณพ่อคุณแม่หรือบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว จึงมีความจำเป็นที่ผู้ปกครองและครูจะต้องทราบ พัฒนาการพื้นฐานของเด็กๆ เพื่อส่งเสริมทักษะที่จำเป็น ให้เด็กๆมีพัฒนาการตามวัย และ เติบโตอย่างมีความสุขโดยพัฒนาการของเด็กจะแบ่งเป็น 4 ด้านหลักๆ 1. พัฒนาการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวเด็กในวัยนี้ กล้ามเนื้อมัดเล็กเริ่มแข็งแรงขึ้น จึงสามารถวาดรูปทรงเรขาคณิตง่าย ๆ เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วาดรูปคน ใช้มือได้คล่องในทุกทิศทาง ใช้ช้อนส้อมทานข้าวเองได้ ต่อบล็อกได้ สามารถสวมใส่และถอดเสื้อผ้าได้ แปรงฟันเองได้ สำหรับกล้ามเนื้อมัดใหญ่จะเริ่มแข็งแรงขึ้นจนสามารถกระโดดขาเดียว วิ่งเร็วขึ้น โยนรับเตะลูกบอลได้ดี เคล็ดลับการส่งเสริมพัฒนาการในด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
2. พัฒนาการด้านความคิดและความเข้าใจเด็กในวัยนี้ รู้จักสี รูปร่าง และรูปทรง จดจำสัญลักษณ์ต่างๆได้ รู้จักซ้าย-ขวา นับ 1-10 ได้ เด็กวัยนี้จะแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยสิ่งที่ รับรู้และจินตนาการของตนเอง โดยยังไม่รู้จักคิดไตร่ตรองอย่างรอบด้าน การแก้ปัญหาของเขาจึงเป็น แบบลองผิดลองถูก และเรียนรู้จากผลของการกระทำ เคล็ดลับการส่งเสริมพัฒนาการในด้านความคิดและความเข้าใจ
3. พัฒนาการด้านการพูดและการสื่อสารเด็กในวัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็น มีคำถามมากมาย สนใจสิ่งแปลกใหม่ สามารถพูดคุยเป็นประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้น สามารถเล่าเรื่องราวได้ สามารถเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ได้เกือบทั้งหมด บอกได้ว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร เคล็ดลับการส่งเสริมพัฒนาการในด้านการพูดและการสื่อสาร
4. พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคมเด็กในวัยนี้มีความสนใจและอยากมีส่วนร่วมในการเล่นกับเด็กคนอื่น สามารถเข้าร่วมกลุ่มกับเพื่อนได้แต่อาจจะยังไม่รู้จักกฏและกติกา ยังคงเห็นพฤติกรรมหวงและแย่งของเล่น ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีนัก อาจอารมณ์เสียใส่เพื่อนคนอื่น โกรธและหงุดหงิดง่าย เคล็ดลับการส่งเสริมพัฒนาการในด้านอารมณ์และสังคม
นอกจากเคล็ดลับต่างๆที่ผู้ปกครองอาจจะสามารถลองฝึกลูกๆได้ที่บ้าน การเรียน Coding ก็สามารถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการได้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน หลักสูตร Junior Coding ของ Beyond Code Academy ถูกพัฒนาจากความเข้าใจการเติบโตของเด็กในช่วงอายุนี้ กิจกรรมและหุ่นยนต์ในคลาสถูกออกแบบและพัฒนามาเพื่อสอนเด็กเล็กโดยเฉพาะ เด็กๆจะสนุกกับการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากงานวิจัยด้านการศึกษาเด็กเล็ก จากประเทศสหรัฐอเมริกา เน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-based Learning) และ การเรียนแบบ Hands-on หรือ Kinaesthetic Learning ซึ่งมีประสิทธิภาพต่อเด็กในวัยนี้เป็นอย่างมาก การเรียนCodingในวัยนี้จึงเป็นแบบ Unplugged หรือ การสอนโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้เด็กๆจะได้เรียนรู้วิธีการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย เพื่อเป็นรากฐานในการเติบโตอย่างมีความสุขในโลกยุค Digital |