ทริปนี้ชวนเพื่อนสาวไปเที่ยวกันแบบโสดๆ โดยเรานั่งเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองสู่สนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ต ถึงภูเก็ตประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ ซึ่งจากบนเครื่องบินเราสามารถมองเห็นวิวหมู๋เกาะต่างๆ ในทะเลอันดามันได้อย่างสวยงามอลังการ พอถึงสนามบินปุ๊บโทรแจ้งกับทางบริษัททัวร์ เพื่อที่จะรับรถเช่า ซึ่งจุดรับรถจะอยู่บริเวณประตูทางออกค่ะ รถที่เราเลือกเป็นรถมาสด้า 2 น้ำมันเต็มถึง สภาพใหม่มากๆ ค่ะ โดยทางทัวร์แจ้งน้ำมันที่ต้องเติมกลับคือแก๊โซฮอล์ 91 หรือ 95 และมีค่ามัดจำรถ 2000 บาทโดยจะคืนให้เราในวันที่เราคืนรถค่ะ พอเช็ครถกันเรียบร้อยแล้วเราก็ปักหมุดที่พักในแพ็คเกจนี้ค่ะ ซึ่งเราเลือกที่พัก The SIS KATA ตั้งอยู่ใกล้กับหาดกะตะ แม้จะไม่ได้ติดทะเล แต่มีไฮไลท์คือวิวสระว่ายน้ำที่สามารถชมวิวทะเลได้อย่างสวยงาม ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราเลือกที่นี่ค่ะ ซึ่งห้องพักในแพ็คเกจนี้เป็นห้อง SIS OVER THE STELLA POOL ตั้งอยู่รอบสระว่ายน้ำสเตลล่า ซึ่งเป็นสระที่สองของที่พัก ห้องตกแต่งได้โมเดิร์นน่านอนมากๆ ค่ะ โดยเราสามารถเลือกว่าจะเป็นเตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่ ภายในห้องมีทีวี ฟรีไวไฟ เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล โทรศัทพ์ รองเท้าใส่ในห้อง ชุดคลุมอาบน้ำ ส่วนห้องน้ำจะเป็นแบบชาวเวอร์ค่ะ โดยจะแยกห้องสุขา และห้องอาบน้ำ มีโซนแต่งตัวซึ่งเป็นกระจกให้สองฝั่งไม่ต้องกลัวว่าจะแย่งกับคุณเพื่อนหรือคุณแฟน พร้อมกันนั้นยังมีระเบียงให้นั่งชมวิวด้านนอกได้ เราเลือกมาเป็นเตียงทวินเบ้ดที่กว้างนอนสบายมากๆ และที่ประทับใจคือมีเวลคัมกิ๊ฟต์ที่เป็นคุกกี้สับปะรด อร่อยมากๆ ค่ะ ติดใจจนต้องขอซื้อกลับบ้านกันเลยทีเดียว เราสองคนพักเอาแรงก่อนจะไปตะลุยเที่ยวเกาะพีพีในวันพรุ่งนี้ค่ะ ซึ่งอาหารเย็นวันนี้ไม่มีอยู่ในแพ็คเกจนะคะ โดยเราสั่งจากรูมเซอร์วิสมาทานกันเอง เช้านี้เราตื่นมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารเช้าของโรงแรมซึ่งตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้า ชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำที่วิวสวยมากๆ สามารถชมวิวหาดกะตะและทะเลภูเก็ตได้แบบพาโนราม่า ส่วนอาหารเช้าของเราเป็นบุฟเฟ่ต์ค่ะ เปิดให้บริการตั้งแต่ 6.30 -11.00 น. บอกเลยว่าประทับใจบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่นี่มากๆ เพราะไลน์อาหารเยอะ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอเมริกันเบรคฟาสต์ อาหารไทย อาหารใต้ สลัด โซนชีส โซนเบเกอรี่และขนมปัง เรียกว่าทานแบบไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียวและที่สำคัญอร่อยมากๆ ด้วยค่ะ ประมาณ 7.15 น. รถตู้ก็มารับเราเพื่อที่จะพาไปยังท่าเรือวาณิชโดยจากที่พักไปยังท่าเรือจะอยู่ที่ประมาณ 37 นาทีค่ะ แต่รถตู้จะมีไปแวะรับผู้โดยสารตามโรงแรมต่างๆ ก็เลยทำให้ใช้เวลามากกว่า 37 นาที พอมาถึงท่าเรือทางทัวร์ก็ให้เราลงชื่อพร้อมแจกริสต์แบนด์ บริเวณจุดพักจะมีน้ำ มีขนมให้บริการด้วยค่ะสามารถมานั่งทานกันได้เลย หรือใครที่อยากได้กระเป๋ากันน้ำ ซองใส่มือถือกันน้ำ รองเท้าเดินชายทะเลก็สามารถมาซื้อได้ที่ท่าเรือ มีภาพฝาผนังเก๋ๆ ให้ได้แชะภาพด้วยนะ ประมาณ 9.20 น. ทางทัวร์ก็เรียกเราไปลงเรือ โดยเป็นเรือสปีดคาตามารันลำใหญ่มีห้องน้ำภายในเรือ พร้อมมีบริการน้ำดื่ม ขนมแจกระหว่างนั่งเรืออีกด้วย โดยใช้เวลาจากท่าเรือประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงจุดแรกนั่นก็คืออ่าวมาหยา ตั้งอยู่ในตั้งอยู่บนเกาะพีพีเล ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ อ่าวมาหยานั้นเป็นสถานที่ในฝันที่หลายคนอยากเดินทางไปสัมผัสสักครั้ง ช่วงที่เราไปเขายังไม่ได้เปิดให้ลงไปเที่ยวบนชายหาด แต่สามารถชมได้จากบนเรือ แค่เห็นก็ใจเต้นรัวแล้วค่ะ น้ำบริเวณนี้ใสสวยงามราวกับกระจก ยิ่งช่วงที่เรือแล่นผ่านใสจนเหมือนเรือลอยอยู่กลางอากาศกันเลยทีเดียว ข่าวดีใครที่จองไปช่วงนี้สามารถขึ้นอ่าวมาหยาได้แล้วนะคะ จากนั้นทางทัวร์พาเราไปยังปิเละลากูนอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของหมู่เกาะพีพี ซึ่งมีลักษณะเป็นอ่าวที่เว้าเข้าไปของเกาะพีพีเลค่ะ ไม่มีหน้าหาด แต่จะล้อมรอบไปด้วยภูเขาหินปูน ลักษณะเป็นเหมือนห้องขนาดใหญ่ โดยเรือจะมาจอดบริเวณนี้แล้วเราสามารถพายเรือคายัค หรือแพดเดิลบอร์ดฟรีที่ทางทัวร์มีบริการให้ค่ะ หรือใครอยากนั่งเรือหางยาวสามารถแจ้งกับทางทัวร์ได้ แต่ค่าเรือเราจะต้องจ่ายเองนะคะ ถ้าเหมาก็ลำละ 1,500 บาทค่ะ หรือจะแชร์กับคนอื่นที่ไปก็ได้ ส่วนเรือแชร์กับนักท่องเที่ยวอีก 2 คน หารแล้วจ่ายคนละ 375 บาท โดยเป็นเรือของชาวบ้านพาเราวนเที่ยวบริเวณใกล้ๆ ใครอยากแวะถ่ายภาพตรงไหนก็แจ้งคนขับได้เลย เราพายเรือเล่น ถ่ายรูปตรงอ่าวปิเละกันสักพักใหญ่ก็เดินทางไปชมถ้ำไวกิ้ง สถานที่สัมปทานรังนกและมีภาพเขียนสีด้านใน แต่เราชมได้เพียงด้านนอกเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถขึ้นไปด้านบนได้ มาต่อที่อ่าวลิง ที่มีน้องลิงนั่งจ๊องอยู่บนหน้าผา และบนต้นไม้ แวะทักทายไซย์ไฮน้องกันไม่นานก็เดินทางไปยังจุดดำน้ำของเกาะพีพีค่ะ บอกเลยว่าวันนี้เราโชคดีมากๆ เพราะได้เจอน้องฉลามหูดำด้วยค่ะ ที่ว่ายเคียงข้างกับปะการังจานด้านล่าง ซึ่งด้วยนิสัยน้องเป็นปลาที่นิสัยไม่ดุร้าย กินปลาขนาดเล็ก ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของพวกเรา และเป็นหลักฐานแสเงความอุดมสมบูรณ์ของเกาะพีพีอีกด้วย จากนั้นเราแวะไปทานอาหารกลางวันกันที่เกาะพีพีเลค่ะ บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาแต่ข้อดีคือทะเลสวยสงบมากๆ มีน้องแมวตัวอ้วนให้เราได้ถ่ายรูปมากมาย ส่วนอาหารกลางวันทางทัวร์จัดมาเป็นหกล่องนะคะ มีไก่ย่างเทอริยากิ ทะเลผัดพริก ไข่ต้ม และผัดหมี่ อิ่มกันไปแบบจุกๆ พร้อมกับมีผลไม้ให้ทานอีกด้วย สถานที่สุดท้ายของทริปนี้คือเกาะไข่ใน หรือที่หลายคนเรียกว่าเกาะไข่แมว เกาะเล็กๆ ในจังหวัดพังงาที่ตั้งอยู่ใกล้กับเกาะภูเก็ต เป็นเกาะที่ขนาดเล็กมากๆ บนเกาะมีร้านขายอาหาร ขายเครื่องดื่มให้บริการค่ะ และที่สำคัญมาน้องแมวให้เราได้ถ่ายรูปมากมาย เรียกว่าเป็นสถานที่สำหรับทาสแมวที่แท้ทรู แมวของที่นี่แต่ละตัวค่อนข้างเชื่องมากๆ พอนั่งปุ๊บก็จะเป็นงานเดินมาคลอเคลียเราทันที ถึงหน้าตาพี่จะโหดแต่พี่เป็นโหมดคิตตี้นะคะ สามสีสุดสวย สวยที่สุดบนเกาะ แต่การมาเล่นกับน้องอาจจะระวังไม่ให้น้องเลียมือกันนะคะ และล้างมือกันด้วยนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากน้องเข้าสู่เรา และจากตัวเราไปให้น้อง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการบานาน่าโบ๊ท พาราชูต และกิจกรรมทางน้ำมากมาย มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งสามารถติดต่อกับทางทัวร์ได้เลยค่ะ เราเดินทางกลับมายังเกาะภูเก็ตในช่วงเย็นๆ เมื่อรถตู้มาส่งเราที่โรงแรมเราก็ไปอาบน้ำแต่งตัวมาทานจิ้มจุ่มลอยฟ้าที่ TWILIGHT SKY ร้านอาหารสุดโรแมนติกบนชั้นดาดฟ้า ที่เป็นจุดชมวิวพระอาทิตต์ตกได้สวยงามวิวระดับหลักล้านกันเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งจิ้มจุ่มลอยฟ้าจะมีให้เลือกทั้งแบบหมู ไก่ราคา 499 บาท ส่วนถ้าใครชอบเซ็ตเนื้อจ่ายเพียง 699 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี Meat Lover เสิร์ฟเนื้อสามสหาย (หมู ไก่ เนื้อ) เสิร์ฟบนหินร้อน ในราคาเพียง 399.- บาท และเครื่องดื่มเย็นๆ ให้เลือกมากมาย เรียกว่าเป็นจุดเช็คอินที่ห้ามพลาดเมื่อมาภูเก็ตซึ่งใครที่ไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถขึ้นมาทานได้ค่ะ เดอะ ซิส กะตะ ภูเก็ต The Sis Kata Phuket
จองที่พัก เดอะ ซิส กะตะ ภูเก็ต ออนไลน์ได้ที่นี่ เราปักหมุดร้านบุญรัตน์ติ่มซำสาขา 2 ตรงถนนดิลกอุทิศ 2 เอาไว้สำหรับอาหารเที่ยงมื้อนี้ค่ะ มีติ่มซำบักกุ๊ดเต๋ให้เลือกทานมากมายกว่า 40 เมนู ซึ่งเมนูไฮไลท์ของร้านคือขนมจีบหมู ที่กินกับน้ำจิ้มมะขาม รสเปรี้ยวๆ หวานๆ ตัดกันดีมากๆ เลยล่ะค่ะ บุญรัตน์ติ่มซำสาขา 2 จากนั้นเราก็เดินเล่นแวะถ่ายรูปย่านเมืองเก่าตั้งแต่ถนนพังงา ไปจนถึงถนนถลาง บรรยากาศวันนี้ฟ้าสดใส ตัดกับตัวอาคารชิโนโปรตุกีสสีสันสดใสของภูเก็ตได้อย่างสวยงามมากๆ บอกเลยว่าทริปนี้เมมเต็มกันเลยค่ะ จากนั้นก็แวะดื่มกาแฟที่ร้านหนัง(สือ) ๒๕๒๑ คาเฟ่สุดฮิปของคนรักหนังสือ ศิลปะและหนังนอกกระแส พร้อมกับที่นี่ยังเป็นพื้นที่ศิลปะมีการจัดแสดงผลงานของศิลปินที่หมุนเวียนมาให้ชมกัน เราสั่งชาเขียวเย็นและมัคคิอาโต้เย็นมาจิบคลายร้อนก่อนจะเตรียมโบกมือลาจังหวัดภูเก็ตเพื่อกลับบ้าน ปิดทริป 3 วัน 2 คืนภูเก็ตทริปสั้นๆ แต่ความประทับใจในทะเลสวยของดินแดนใต้ขอให้เต็มร้อยกันไปเลยค่ะ รับรองคราวหน้าเราจะต้องกลับมาสำรวจเมืองภูเก็ตอีกแน่นอน |