การใช้ภาษาเพื่อการโน้มน้าวใจ การพูดโน้มน้าวประกอบด้วยคำ ๓ คำ คือ คำว่า การพูด การโน้มน้าว และ ใจ ซึ่งแต่ละคำมีความหมายดังนี้การพูดโน้มน้าวใจ หมายถึง การพูดเพื่อชักชวนให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือ หรือเห็นด้วยทั้งทางความคิดและการกระทำ ตามความมุ่งหมายของการพูด การโน้มน้าวใจ คือ การพยายามเปลี่ยนแปลง ความเชื่อ ทัศนคติ การกระทำของบุคคล อื่นด้วยกลวิธีที่เหมาะสม ให้มีผลกระทบใจผู้นั้น จนเกิดการ ยอมรับและเปลี่ยนตามผู้โน้มน้าวใจต้องการ วัตถุประสงค์ของการโน้มน้าวใจ เช่น การพูดให้เห็นความสำคัญของป่าไม้ การพูดให้เห็นความสำคัญของวัฒนธรรมไทย การเขียนให้ประทับใจในการทำงานอย่างเสียสละของตำรวจตระเวนชายแดน เป็นต้น3. เพื่อปลุกใจให้เกิดความสำนึกและปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การปลุกใจให้รักชาติ การปลุกใจใช้สินค้าไทย การปลุกใจให้รวมพลังสามัคคีเป็นต้น เช่น การปลุกใจให้รักชาติ การปลุกใจใช้สินค้าไทย การปลุกใจให้รวมพลังสามัคคีเป็นต้น4. เพื่อให้ผู้รับสารเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีความเห็นคล้อยตามและนำไปปฏิบัติ เช่น การโน้มน้าวใจให้รู้จักการวางแผนครอบครัว การโน้มน้าวใจให้รู้จักใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอดส์ การเชิญชวนให้เลิกสูบบุหรี่ เป็นต้น เนื้อหาที่ใช้ในการพูดโน้มน้าวใจ 2. ใช้คำขวัญ คำพังเพย หรือคำสอน เป็นจุดสนใจสำคัญในการพูด และแทรกข้อคิด ลงไปในเนื้อหาการโน้มน้าว เช่น สามัคคี คือพลัง ชาติจะรอดปลอดภัย ถ้าคนไทยสามัคคี สามัคคีกันไว้ ชาติไทยจะพัฒนา พุทธธรรมนำใจให้สงบ 3. ใช้เนื้อหาหรือชื่อที่เฉพาะเจาะจง ไม่ใช่ถ้อยคำที่มีความหมายกว้างเลือนลาง พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เนื้อหาที่เป็นนามธรรมเข้าใจยาก ควรใช้ตัวอย่างเรื่องราวที่เป็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ผู้ฟังมองเห็นภาพได้ชัดเจน เช่น การกล่าวถึงบุคคลสำคัญของชาติไทย ก็กล่าวเชื่อเจาะจง เช่น วีรสตรีศรีสุริโยทัย สมเด็จพระนเรศวร กู้เอกราชชาติไทย รัชกาลที่ 2 ยุคทองของวรรณคดีไทย พ่อขุนรามคำแหง ท่านประดิษฐ์คิดอักษร เป็นต้น 4. ใช้สิ่งตรงกันข้ามเป็นเครื่องเร้าใจ เช่น ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธศาสน์ คนในชาติกลับขาดศีลธรรม สงครามหรือสันติภาพ ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เยาวชนคนเก่ง นักเลงนักเรียน แด่มิตรและศัตรู เป็นต้น 5. ใช้การเร้าใจให้รุนแรง โดยใช้พื้นฐานความต้องการของมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วยความปลอดภัย ความต้องการทางสรีระ ความต้องการชื่อเสียงเกียรติยศ จึงใช้ความต้องการพื้นฐานเหล่านี้มาเป็นเครื่องเร้าใจให้ความต้องการสัมฤทธิ์ผล เช่น ถนอมกายเจริญวัย ถนอมใจเจริญสุขหากขาดความสามัคคี ก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ โอกาสและความยุติธรรม เราจะสู้ต่อไปจนกว่าจะได้ชัยชนะ เป็นต้น 6. ใช้เนื้อหาที่เร้าใจผู้ฟังเกิดจินตนาการอย่างแจ่มชัด จินตนาการที่เร้าอารมณ์และความรู้สึกของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความหวั่นไหว เช่น น้ำไหลเชี่ยวกราก บ้านเรือนจมอยู่ใต้กระแสน้ำ ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย ขาดเครื่องนุ่งห่ม ขาดอาการและยา อากาศหนาวเหน็บ โปรดยื่นความช่วยเหลือเขา...โดยการบริจาคสิ่งของเครื่องใช้แก่เขาเหล่านั้น... ขั้นตอนในการพูดโน้มน้าวใจ 2. ขั้นสร้างความต้องการ เป็นการชี้ให้เห็นความจำเป็น หมายความว่า ผู้พูดพยายามให้ผู้ฟังตระหนักถึงความจำเป็นบางอย่างที่ต้องทำ หรือปฏิบัติตามที่ผู้พูด3 3. ขั้นสร้างความพอใจ เป็นขั้นที่ผู้พูดทำให้ผู้ฟังเห็นจริงตรงกับใจผู้ฟัง ผู้พูดจะเสนอข้อคิดต่างๆ ถ้าเป็นการโฆษณาสินค้า ก็จะเป็นการเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า "นี่เอง....คือผลิตภัณฑ์ที่ฉันต้องการ" 4. ขั้นสร้างมโนภาพ ผู้พูดพยายามใช้ถ้อยคำให้ผู้ฟังมองเห็นภาพมองเห็นประโยชน์หรือโทษของสิ่งนั้นๆ หรือผู้พูดพยายามยกตัวอย่าง อุปมาอุปไมย และเหตุการณ์ต่างๆ มาประกอบให้ผู้ฟังเห็นภาพตามที่ต้องการอย่างชัดเจน 5. ขั้นเรียกร้องให้เกิดการกระทำเป็นขั้นสุดท้ายที่ผู้พูดเรียกร้องให้ผู้ฟังเชื่อถือ เกิดความคิดเห็นคล้อยตาม และกระทำตามที่ผู้พูดต้องการ เช่น ตัดสินใจเลือกซื้อ http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter6-1.html
|