ทนายไขข้อกฎหมาย มิจฉาชีพแฝงเปิดบัญชี แบงก์อ้างบังคับเปิดหน้ากากไม่ได้ ชี้เท่ากับยอมรับความเสี่ยง เหตุประมาทเลินเล่อร้ายแรง แนะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายเต็มที่ อังคารที่ 9 มกราคม 2561 เวลา 17.40 น. สืบเนื่องจากประเด็นร้อนที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ กรณีการทำบัตรประชาชนหาย และถูกมิจฉาชีพมือดีนำไปเปิดบัญชี 9 บัญชี 7 ธนาคาร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 9 ม.ค. นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ และเจ้าของแฟนเพจ @ทนายคลายทุกข์ ไขข้อกฎหมายว่า หากธนาคารอ้างว่า บังคับให้ลูกค้าเปิดหน้ากากไม่ได้ ก็ไม่ควรที่จะให้เปิดบัญชี เพราะเท่ากับยอมรับความเสี่ยง รู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสที่มิจฉาชีพจะปลอมตัวมาเปิดบัญชี ใช้ช่องว่างดังกล่าวได้ ซึ่งข้อแก้ตัวนี้ฟังไม่ขึ้น ดังนั้นธนาคารจึงต้องรับผิดหากมีความเสียหายเกิดขึ้นกับเจ้าของบัญชีที่แท้จริง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมรับผิดในผลของการกระทำ ซึ่งลูกจ้างได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างรับผิดเต็มที่ “ผมแนะนำว่าให้ฟ้องร้องธนาคาร เพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420, มาตรา 425 เพราะการกระทำของลูกจ้างธนาคาร ถือเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ธนาคารเป็นธุรกิจที่ไว้วางใจของประชาชนจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับการตรวจสอบผู้ที่มาเปิดบัญชี เพราะถือเป็นสาระสำคัญของธุรกิจ จะอ้างว่าสุจริตไม่ได้ ซึ่งเรียกค่าเสียหายได้เต็มที่” อ่านข่าว "น้องณิชา" ได้ทั้งหมดที่นี่ คลิก! คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
ความคิดเห็นข่าวล่าสุดความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำ
สำหรับกรณีที่ผู้ทำละเมิดนั้นเป็นลูกจ้าง
เนื่องจากนายจ้างมีหน้าที่จะต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องพิจารณาต่อไปว่า การกระทำละเมิดของลูกจ้างนั้นได้กระทำไปในทางการที่จ้างหรือไม่ หรือการทำละเมิดของลูกจ้างนั้นเป็นผลมาจากการปฏิบัติงานหรือไม่ โดยจะเกิดละเมิดในเวลาปฏิบัติงานหรือนอกเวลาปฏิบัติงานก็ได้ แต่ต้องเป็นงานตามที่มอบหมายให้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ แต่หากมอบหมายงานให้ทำนอกหน้าที่แล้วลูกจ้างยอมทำก็ถือว่าเป็นทางการที่จ้างเหมือนกัน หรือลูกจ้างทำเกินหน้าที่แต่นายจ้างยินยอมให้ทำ
ก็ถือว่าทางการที่จ้างเช่นกัน |