แบบทดสอบ management skills

แบบทดสอบ management skills

มีท่านผู้อ่านสอบถามมาเกี่ยวกับเรื่องของการใช้แบบทดสอบบุคลิกภาพในการรับคนเข้าทำงาน ว่ามีตัวอื่นที่นอกเหนือจาก DISC หรือไม่ คำตอบก็คือ จริงๆ ถ้าเราลองค้นหาดู เราจะพบว่ามีแบบทดสอบบุคลิกภาพมากมายที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อใช้ในการทดสอบเพื่อรับคนเข้าทำงานให้ตรงกับคุณสมบัติขององค์กร และของตำแหน่งงาน

เมื่อปี 1940 Raymond Cattell ได้พัฒนาแบบทดสอบบุคลิกภาพขึ้นมาโดยมี 16 ปัจจัยด้านพฤติกรรมที่แสดงออกถึงบุคลิกภาพของคนเรา จากนั้น Robert McCrae and Paul Costa ก็ได้นำมาพัฒนาต่อให้เหลือแค่ 5 ตัวในการทดสอบบุคลิกภาพหลักๆ สำหรับคนเรา ซึ่งนักจิตวิทยาหลายท่านก็ยังคงใช้แบบทดสอบนี้กันอยู่ในปัจจุบัน

แบบทดสอบนี้มีองค์ประกอบของบุคลิกภาพของคนเราอยู่ 5 แบบ ซึ่งคนออกแบบได้บอกว่า มันครอบคลุมการทำงานไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม ซึ่งในยุคปัจจุบันเอง ก็ยังสามารถนำมาใช้งานได้อยู่เช่นกัน ก็เลยนำมาแนะนำให้อ่านกัน เผื่อจะเป็นความรู้ และเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะนำมาใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานในองค์กรได้อย่างเหมาะสม

Five Factor Model Personality ประกอบไปด้วยดังต่อไปนี้ (บางคนใช้ตัวย่อว่า OCEAN)

  • Openness to Experience เป็นปัจจัยที่ดูว่าคนคนนั้นเป็นคนที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้ดีมากน้อยสักแค่ไหน เป็นคนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้มากเพียงใด เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ดีเพียงใด ซึ่งปัจจัยนี้ก็สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่บางองค์กรต้องการพนักงานที่ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว พร้อมทั้งต้องการคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
  • Conscientiousness เป็นปัจจัยที่ดูว่า คนคนนั้น เป็นคนที่ควบคุมตนเองได้ดีเพียงใด เป็นคนที่มีวินัยในตนเองมากน้อยแค่ไหน มีการวางแผนในการทำงานอย่างดี หรือเป็นคนที่ปล่อยทุกอย่างไปตามสบายๆ ไม่ต้องวางแผนอะไรมากมาย ปัจจัยนี้หลายๆ องค์กรก็มีการกำหนดเป็น Competency ในเรื่องของความรับผิดชอบ หรือ ความมีวินัยในตนเอง บางองค์กรก็เรียกว่า Proactive เป็นต้น ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการทำงานในยุคปัจจุบันเช่นกัน เราต้องการคนที่สามารถบริหารจัดการตนเองได้ดีมากๆ โดยเฉพาะกับวิถีการทำงานแบบยืดหยุ่นมากๆ อย่างเช่นในปัจจุบัน
  • Extraversionปัจจัยนี้ เป็นปัจจัยที่พิจารณาเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ว่าคนคนนั้นเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายหรือไม่ เข้าสังคมได้อย่างสะดวกใจ ชอบที่จะทำงานกับผู้คน และคนอื่นที่แตกต่างกันไป หรือเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงชอบทำงานคนเดียว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ซึ่งปัจจัยนี้ก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยทางด้านพฤติกรรมอีกตัวหนึ่งที่สำคัญในการคัดเลือกคนที่เหมาะสมให้เข้ากับลักษณะของงาน โดยเฉพาะงานบริการ
  • Agreeablenessตัวนี้จะคล้ายๆ Extraversion แต่จะมองในมุมเรื่องของการทำงานร่วมกับคนอื่นว่าเป็นอย่างไร คนที่มีคะแนนตัวนี้สูง มักจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวคนอื่น และไม่คอยจับผิดคนอื่นเวลาทำงานร่วมกัน แต่ถ้าคะแนนต่ำ ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในการทำงานของคนอื่น ซึ่งก็มักจะต้องเข้าไปตรวจสอบและดูรายละเอียดเสมอ นอกจากนั้นยังมองในมุมของ การไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่นมากนักอีกด้วยเช่นกัน แต่ถ้าคะแนนตัวนี้มากจนเกินไป ก็จะแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการประจบประแจงที่สูงเกินไปด้วยเช่นกัน
  • Neuroticism ปัจจัยตัวสุดท้ายนี้จะเป็นตัวบอกถึงการควบคุมอารมณ์ของคน ก็จะมีสองด้าน คือ เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ยาก มีการใช้อารมณ์เป็นหลักสำหรับการทำทุกอย่าง พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ มี EQ ต่ำ กับอีกด้านหนึ่งก็คือ เป็นคนที่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อย่างดี สุขุมรอบคอบ ใช้เหตุผลมากกว่า อารมณ์ในการจัดการกับปัญหาและการทำงาน

นี่คือภาพคร่าวๆ ของแบบทดสอบบุคลิกภาพอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ แม้ว่ามันจะมีอายุเก่าแก่มาก แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีในยุคนี้เนื่องจาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในยุคใด ก็คือ เราก็ล้วนแต่ต้องการคนที่มีบุคลิกภาพและพฤติกรรมที่เหมาะสมในการทำงาน ซึ่ง ทั้ง 5 ตัวนี้ ก็ยังคงสอดคล้องกับพฤติกรรมการทำงานของงานในยุคปัจจุบันได้

ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของชาว HR ที่ยังต้องการแบบทดสอบบุคลิกภาพดีๆ อีกสักตัวหนึ่ง

     “ในชีวิตการทำงานหลายคนฝันว่าขอให้ได้เป็นผู้นำสักครั้งในชีวิตบางคนโชคดีมี โอกาสได้เป็นดั่งตั้งใจหวัง และบางคนก็ไม่เคยมีโอกาสนั้นแต่ก็ใช่ว่าการเป็นผู้นำจะเป็นกันได้ง่าย ๆ”

     คุณมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำหรือไม่? คุณมีทักษะในด้างการบริหารจัดการที่นายจ้างกำลังมองหาอยู่หรือไม่? คุณมีความสามารถเหมาะกับการเป็นสมาชิกในทีมมากกว่าการเป็นผู้นำหรือไม่? ลองทำแบบทดสอบต่อไปนี้แล้วคุณจะได้คำตอบ 

1. “สถานภาพ” มีความสำคัญกับคุณอย่างไร
    a. สำคัญมาก คุณชอบที่จะรู้สึกว่าตนเองอยู่ในลำดับสูงสุดของสังคม 
    b. ค่อนข้างสำคัญ คุณรู้สึกดีที่ได้อยู่ท่ามกลางฝูงชน 
    c. เป็นเรื่องคุณภาพของความสัมพันธ์มากกว่าว่าคุณอยู่ตรงไหนของความสัมพันธ์ นั้น 
    d. ไม่สำคัญเลย คุณแค่ต้องการความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ

2. ในวัยเด็กคุณอยู่ลำดับไหนของกลุ่มเพื่อน?
    a. ผู้นำกลุ่มที่ทุกคนต่างกลัว 
    b. ผู้มีความสนุกสนาน เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน 
    c. นักคิดที่ทุกคนรับฟัง 
    d. เงียบขรึม ไม่มีใครสังเกตเห็นเลย

3. เมื่ออยู่ที่สำนักงาน คุณเป็นคนที่เสนอแนวคิดหรือคำแนะนำใหม่ๆ หรือไม่?
    a. ตลอดเวลา คุณต้องการให้ทุกคนรู้ว่าคุณคิดอย่างไร 
    b. ค่อนข้างจะบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้ตลอดเวลาเพราะอาจทำให้ใครบางคนไม่พอใจ 
    c. บ่อยครั้ง แต่มีความระมัดระวังในบางประเด็นเรื่องความเป็นส่วนบุคคลและการเมือง 
    d. นาน ๆ ครั้งเนื่องจาก “หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งผิดหล่ะ?”

4. หากเพื่อร่วมงานของคุณโดนตำหนิเรื่องรายงานที่ไม่มีคุณภาพ คุณจะทำอย่างไร?
    a. บอกพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาควรจะรู้มากขึ้น 
    b. พาพวกเขาออกไปสังสรรค์หลังเลิกงาน 
    c. เสนอตัวช่วยตรวจรายงานให้ในครั้งต่อไป 
    d. หลีกเลี่ยงพวกเขา เพราะคุณมีสิ่งที่ต้องทำมากอยู่แล้ว 

5. คุณได้รับความเห็นที่ไม่ดีกลับมา คุณจะตอบสนองอย่างไร?
    a. รู้สึกโกรธและปกป้องตัวเอง 
    b. รับฟังอย่างตั้งใจแต่มีความรู้สึกผิดหวังออกมา 
    c. พิจารณาถึงสิ่งที่คุณจะต้องเปลี่ยนแปลง และวิธีในการปรับปรุง 
    d. ถอนหายใจแล้วคิดว่า “นี่แหละตัวคุณ”

6. “อีคิว” หมายความอะไรกับคุณ?
    a. ไม่มี เพราะเป็นแค่ความนิยมในการบริหารจัดการ และจะหายไปเมื่อไม่ได้รับความนิยม 
    b. จะถือเป็นความผิดหากมีการอนุญาตให้หัวเราะได้ในเวลาทำงาน 
    c. เป็นความใส่ใจถึงความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน 
    d. เป็นสิ่งที่คุณพยายามจะเข้าใจในอารมณ์ของเจ้านายคุณ

7. เมื่อคุณเผชิญหน้ากับปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขคุณจะทำอย่างไร?
    a. เสนอวิธีแก้ไขวิธีเดียวและบอกว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้ว 
    b. เสนอหากวิธีการแก้ไขที่มีความเป็นไปได้และขอให้คนอื่นออกความคิดเห็น 
    c. ทำการระดมสมองกับเพื่อร่วมงาน 
    d. ขอคำแนะนำจากผู้จัดการหรือหัวหน้า

8. หากเจ้านายขอให้คุณทำบางสิ่งที่เกินความสามารถคุณจำทำอย่างไร?
    a. รับมาด้วยความเต็มใจ เพราะคุณสามารถทำได้ทุกอย่าง 
    b. ทำอย่างเต็มความสามารถ และไม่ตำหนิตัวเองหากเกิดผิดพลาด 
    c. รับมา แต่ถามถึงวิธีการและความช่วยเหลือที่มากกว่านั้น 
    d. รับมาและทำเงียบเฉย สุดท้ายถึงสารภาพออกมาว่าคุณไม่คิดว่าจะสามารถจัดการได้

9. การกระจายอำนาจหรือการแบ่งงานกันทำคืออะไร?
    a. การเสียเวลา ไม่มีใครสามารถทำได้ดีเท่าคุณ ดังนั้นคุณต้องทำด้วยตัวคุณเอง 
    b. เป็นวิธีที่ง่ายในการแบ่งภาระงาน 
    c. เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ใหม่สำหรับคนอื่น 
    d. เป็นบางสิ่งที่คุณต้องรับเป็นคนสุดท้ายเสมอ

10. “การเปลี่ยนแปลง” มีความหมายอะไรกับคุณ?
    a. บางสิ่งบางอย่างที่สามารถควบคุมได้ 
    b. เป็นโอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ 
    c. เป็นโอกาสในการสร้างความก้าวหน้า 
    d. บางสิ่งบางอย่างที่จะต้องไปกับมัน

คำตอบ

หากคำ ตอบส่วนใหญ่คือ ข้อ a
     คุณมีความเป็นผู้นำโดยกำเนิด เพียงแต่รอให้ถึงงานที่เหมาะสมกับคุณเสียก่อน คุณมีความแข็งแกร่ง กล้าตัดสินใจและเป็นนักปกครองที่ดี ทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณให้ความเคารพนับถือคุณ หรืออย่างน้อยนั่นเป็นสิ่งที่คุณคิดอยู่เสมอ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงสถานการณ์อาจแตกต่างออกไป ความเย่อหยิ่ง ความมุทะลุดุดันและความเป็นเอกาธิปไตยที่คุณมี มันเป็นรูปแบบที่ล้าสมัยไปแล้ว คุณควรฉลาดที่จะไม่ลงโทษผู้คนที่ไม่ได้เห็นเหมือนกับคุณ และควรเปิดโอกาสให้กับคนที่มีความรู้ความสามารถที่อยู่รอบตัวคุณ

หากคำ ตอบส่วนใหญ่คือ ข้อ b
     คุณมีศักยภาพที่ดีในการเป็นผู้นำ คุณสนับสนุนและรับฟังคนรอบข้าง คุณเป็นคนที่อยู่เคียงข้างและมีความคิดริเริ่ม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณในอนาคต แต่คุณเอาชนะสิ่งที่อาจเป็นข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดร้ายแรงในหน้าที่การทำ งานเพียงเพื่อต้องการเป็นที่ชื่นชอบนั้น ก็ไม่ถือว่าผิด แต่หากคุณทำเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน คุณก็อาจได้รับความยากลำบาก ลองพยายามเผชิญหน้าความขัดแย้งด้วยความอ่อนไหวและซื่อสัตย์ ผู้คนรอบข้างอาจนับถือและเคารพคุณมากขึ้น

หากคำ ตอบส่วนใหญ่คือ ข้อ c
     คุณเป็นนักบริหารจัดการ และคุณต้องการขึ้นไปให้สูงกว่านี้ก็ต้องมีความสามารถให้มากกว่านี้ คุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เด็ดขาด และใส่ใจ คุณสามารถรวมกลุ่มเข้าด้วยกันและสนุกกับการเป็นหัวหน้าพวกเขา คำมั่นสัญญาส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณในการใช้ความสามารถของคนอื่น คุณมีความคาดหวังที่สูงกับพวกเขาและเป็นไปได้ว่าสูงกว่าที่พวกเขาคิดถึงตัว คุณเสียอีก และดูเหมือนว่าคุณเตรียมตัวพร้อมที่จะทำในสิ่งที่คุณสามารถช่วยให้พวกเขารู้ ถึงศักยภาพของพวกเขาเอง ทักษะด้านการบริหารจัดการที่คุณมีทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่องค์กรสมัยใหม่กำลัง มองหามากที่สุด 

หากคำ ตอบส่วนใหญ่คือ ข้อ d

     คุณมีความฉลาดเพียงพอที่จะรู้ว่าคุณเหมาะกับการเป็นสมาชิกในทีมมากกว่าการ เป็นผู้นำหรือหัวหน้าทีม คุณชอบที่จะฟังแนวความคิดมากกว่าการสั่ง และคุณชอบที่จะลงมือทำมากกว่าทำหารตัดสินใจ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแต่ผู้นำและไม่มีผู้ ตามเลยนอกจากนี้คุณยังเป็นสมาชิกในทีมที่มีความหนักแน่น น่าเชื่อถือ และซื่อสัตย์ แต่พึงระวังถึงความยินยอมของคุณต่อผู้อื่น คุณไม่ได้เป็นคนที่ชอบประจบสอพลอ และในตอนนี้คุณควรเตรียมพร้อมที่จะทำในสิ่งที่คุณต้องการ 

ที่มา : http://www.thaihrcenter.com/