จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี Show
คณะมนุษยศาสตร์
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นคณะลำดับที่ 11 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เกษตรกลางบางเขน กรุงเทพมหานคร มีประวัติความเป็นมาควบคู่กับการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เมื่อปี พ.ศ. 2486 ในฐานะ แผนกวิชาภาษาอังกฤษ สังกัดคณะกสิกรรมและสัตวบาล มีหน้าที่ดำเนินการสอนภาษาอังกฤษให้กับนิสิตคณะต่าง ๆ จนมาเป็น ภาควิชาภาษา คณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ และสถาปนาขึ้นเป็น คณะมนุษยศาสตร์ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2524 ปัจจุบัน คณะมนุษยศาสตร์ประกอบด้วย 9 ภาควิชา เปิดสอนหลักสูตรทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก จำนวน 27 หลักสูตร โดยเป็นหลักสูตรนานาชาติ 3 หลักสูตร นอกจากนี้ ยังให้บริการสอนหลักสูตรอบรมต่าง ๆ ทั้งเชิงวิชาการและวิชาชีพ ตลอดจนจัดการทดสอบทางภาษาแก่นิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไป คณะมนุษยศาสตร์เป็นคณะที่มีชื่อเสียงทางด้านนวัตกรรมมนุษยศาสตร์ในระดับนานาชาติ พัฒนาองค์กรให้เป็นสถาบันการศึกษาที่สร้างสรรค์เพื่อผลิตบัณฑิตที่เชี่ยวชาญและมีความสามารถรอบด้าน พร้อมทั้งสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการโดยใช้นวัตกรรมเป็นฐาน พัฒนาด้านวิชาการให้ทันสมัยและตรงกับความต้องการของตลาด และเสริมสร้างทุนทางวัฒนธรรมของไทยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ประวัติ[แก้]คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีประวัติความเป็นมายาวนานพร้อมกับการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เมื่อปี พ.ศ. 2486 โดยแรกเริ่มนั้นมีฐานะเป็น แผนกวิชาภาษาอังกฤษ ในสังกัดคณะกสิกรรมและสัตวบาล ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ชั้นสองของตึกชีววิทยา ทำหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษให้กับนิสิตคณะกสิกรรมและสัตวบาล คณะวนศาสตร์ คณะการประมง และคณะสหกรณ์ เมื่อมีการสถาปนา คณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2509 แผนกวิชาภาษาอังกฤษ ได้โอนมาสังกัดยังคณะแห่งนี้ โดยเป็น แผนกวิชาภาษา ซึ่งมีรองศาสตราจารย์ประชุม ทัพภะสุต เป็นหัวหน้าแผนกวิชา และมีสำนักงานอยู่ที่ตึกธรรมศักดิ์มนตรี ภาควิชาภาษาได้เปิดสอนในรายวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาไทย ภาษาเขมร ภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต รวมทั้งรับผิดชอบการผลิตศิลปศาสตรบัณฑิตในสาขาวิชาภาษาต่าง ๆ กับการสอนภาษาในฐานะ "วิชาพื้นฐาน" ให้แก่นิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยในระยะแรกเริ่ม คณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์มีหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติเปิดสอน 2 สาย คือ สายวิทยาศาสตร์ และสายศิลปศาสตร์ โดยสายศิลปศาสตร์ได้เปิดสอนในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศาสตร์ และหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชามนุษยศาสตร์ ซึ่งบัณฑิตสายศิลปศาสตร์รุ่นแรกนั้นได้สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2514 จำนวน 22 ราย เป็นสาขาสังคมศาสตร์ 13 ราย สาขามนุษยศาสตร์ 9 ราย นอกจากนี้ ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรครั้งแรกให้เป็นสากลนิยม โดยได้ปรับเปลี่ยนหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชามนุษยศาสตร์ มาเป็นหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษา[1] มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้บรรจุ คณะอักษรศาสตร์ ไว้เป็นคณะวิชาใหม่ในแผนงานผลิตบัณฑิตของแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2520-2524) ของส่วนราชการในกำกับทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ[2] อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ให้ความเห็นชอบการจัดตั้ง "คณะมนุษยศาสตร์" แทนคณะอักษรศาสตร์ในการประชุมครั้งที่ 4/2523 ภายใต้แนวคิดที่จะปรับการศึกษาวิชาการแนวอักษรศาสตร์มาผสานกับการศึกษาเพื่ออาชีพ ด้วยการสร้างหลักสูตรในสาขาวิชาที่ไม่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แต่เดิมและไม่ใช่สาขาวิชาในคณะอักษรศาสตร์ที่มีในมหาวิทยาลัยอื่นขึ้น อาทิ สาขาวิชาการเดินทางและการท่องเที่ยว การโรงแรม เลขานุการ สื่อสารมวลชน และดนตรี เป็นต้น[3] ดังนั้น เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2524 จึงได้มีการโอน "ภาควิชาภาษา" ออกมาจากคณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ และ "ภาควิชาปรัชญาและศาสนา" ออกมาจากคณะสังคมศาสตร์ มาตั้งเป็นคณะวิชาใหม่มีชื่อว่า คณะมนุษยศาสตร์ โดยมีอาจารย์ ดร.กัญจนา สินธวานนท์ ดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรกของคณะมนุษยศาสตร์ และมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ชั้นสองและสามของตึกภาษา-สถิติ ซึ่งเป็นที่ทำการเดิมของภาควิชาภาษา จนกระทั่งคณะมนุษยศาสตร์มีอาคารเป็นของตนเองในปี พ.ศ. 2530 เมื่อเริ่มแรกคณะมนุษยศาสตร์ ประกอบด้วย 7 ภาควิชา โดยได้รับโอนภาควิชาภาษามาจากคณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ แล้วมาแยกตามสาขาวิชาการออกเป็น 3 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาภาษา ภาควิชาภาษาศาสตร์ และภาควิชาวรรณคดี นอกจากนี้ยังได้รับโอนภาควิชาปรัชญาและศาสนามาจากคณะสังคมศาสตร์อีก 1 ภาควิชา และจัดตั้งภาควิชาใหม่ 3 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ ภาควิชาศิลปาชีพ และภาควิชาศิลปนิเทศ พ.ศ. 2536 จัดตั้งศูนย์ภาษาเป็นหน่วยงานภายใน เพื่อให้บริการอบรมภาษาต่างประเทศแก่บุคคลทั่วไป พ.ศ. 2537 แยกภาควิชาภาษาออกเป็น 2 ภาควิชา คือ "ภาควิชาภาษาต่างประเทศ" และ "ภาควิชาภาษาไทย" ทำให้มีภาควิชาเพิ่มขึ้นเป็น 8 ภาควิชา พ.ศ. 2543 จัดตั้งสถาบันภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษาราชนครินทร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในฐานะที่พระองค์ได้ทรงทำคุณประโยชน์แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และประเทศชาติในด้านต่าง ๆ เป็นอันมาก โดยเฉพาะในด้านภาษาและวัฒนธรรม โดยเป็นหน่วยงานในสังกัดคณะมนุษยศาสตร์ มีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาคุณภาพทางวิชาการด้านภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษา พ.ศ. 2549 จัดตั้งสถาบันขงจื๊อ ตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมด้านการสอนและงานวิจัยที่ เกี่ยวข้องกับภาษาและวัฒนธรรมจีน รวมทั้งเป็นศูนย์ทดสอบภาษาจีนมาตรฐานที่เรียกว่า "HSK" พ.ศ. 2549 สภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อนุมัติจัดตั้งศูนย์จัดการศึกษาโครงการพิเศษ คณะมนุษยศาสตร์ เพื่อทำหน้าที่ประสานการบริการโครงการจัดการศึกษาภาคพิเศษของคณะมนุษยศาสตร์ ทั้งในส่วนงานด้านธุรการและประสานด้านการบริการวิชาการของหลักสูตรระดับ ปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาภาคพิเศษในทุกสาขาของคณะ พ.ศ. 2552 รวมภาควิชาบรรณารักษศาสตร์กับสาขาวิชาสื่อสารมวลชน ภาควิชาศิลปนิเทศแล้วจัดตั้งเป็นภาควิชาใหม่คือ "ภาควิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์" และปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสาขาดนตรี ภาควิชาศิลปนิเทศ จัดตั้งเป็น "ภาควิชาดนตรี" จำนวนรวมภาควิชาของคณะยังคงเป็น 8 ภาควิชาเช่นเดิม พ.ศ. 2555 แยกสาขาวิชาภาษาจีน และสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น ออกจากภาควิชาภาษาต่างประเทศ และจัดตั้งเป็น "ภาควิชาภาษาตะวันออก" ซึ่งนอกจากจะมีการเรียนการสอนวิชาเอกภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นแล้ว ยังเปิดหลักสูตรในระดับปริญญาตรีเพิ่มอีก 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาตะวันออก วิชาเอกภาษาจีนธุรกิจ (ภาคพิเศษ) และหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาตะวันออก วิชาเอกภาษาญี่ปุ่นธุรกิจ (ภาคพิเศษ) นอกจากนี้ภาควิชาภาษาตะวันออกยังมีวิชาเลือกภาษาเกาหลีและภาษาอาเซียน ได้แก่ ภาษาเวียดนาม ภาษามลายู และภาษาพม่า เพื่อการเตรียมพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จำนวนรวมภาควิชาของคณะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ภาควิชา พ.ศ. 2557 คณะมนุษยศาสตร์ได้รับโอนสำนักพิพิธภัณฑ์และวัฒนธรรมการเกษตรจากมหาวิทยาลัยเข้ามาเป็นหน่วยงานสนับสนุนของคณะ และจะยกฐานะของศูนย์ทดสอบภาษาอังกฤษซึ่งเดิมดำเนินการโดยภาควิชาภาษาต่างประเทศ ให้เป็นศูนย์ทดสอบทางภาษาเพื่อรองรับการทดสอบสมรรถภาพทางภาษาที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ฯลฯ คณะมนุษยศาสตร์ได้ปรับแนวคิดจากการศึกษาที่เสร็จสมบูรณ์ในตัวเองมาเป็นการศึกษาที่เป็นเครื่องมือที่เอื้อต่อการนำไปประกอบอาชีพ แต่ยังคงธำรงเนื้อหาวิชาการสาขามนุษยศาสตร์ไว้ด้วย ภายใต้แนวคิดของอาจารย์ ดร.กัญจนา สินธวานนท์ คณบดีคนแรกและผู้ร่วมงานก่อตั้งคณะมนุษยศาสตร์ ดังที่กล่าวไว้ในบทสรุปวิสัยทัศน์ว่า
ดังนั้น รูปแบบของการจัดการศึกษาของคณะมนุษยศาสตร์ในปัจจุบันจึงมี 2 รูปแบบ คือ แบบเน้นความลึกซึ้งทางวิชาการด้านมนุษยศาสตร์และแบบเน้นวิชาชีพโดยผสมผสานกับวิชาการ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของสังคม ทำให้คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีความโดดเด่น แตกต่าง และยังคงความทันสมัยอยู่จวบจนปัจจุบัน อาคารเรียน[แก้]
อาคารวชิรญาณสังวร หรืออาคารมนุษยศาสตร์ 1 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เสด็จมาทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 และทรงเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารพร้อมทั้งทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์เพื่อ เป็นสิริมงคลแก่คณะมนุษยศาสตร์ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2534 โดยในปี พ.ศ. 2564 เนื่องในวาระครบรอบ 40 ปีแห่งการสถาปนาคณะมนุษยศาสตร์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระวโรกาสให้คณะผู้บริหารคณะมนุษยศาสตร์เข้าเฝ้า ณ พระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เพื่อกราบทูลอาราธนาให้ทรงเจิมป้าย "อาคารวชิรญาณสังวร" โดยจะเชิญป้ายอาคารเรียนดังกล่าวไปประดับไว้ที่ส่วนบนของอาคาร เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระเมตตาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ที่พระองค์ได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์และเสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอาคารเรียนดังกล่าว ปัจจุบัน อาคารวชิรญาณสังวร เป็นที่ทำการของภาควิชาปรัชญาและศาสนา ภาควิชาภาษาต่างประเทศ ภาควิชาภาษาศาสตร์ และภาควิชาวรรณคดี
อาคารประเสริฐศตวรรษา หรืออาคารมนุษยศาสตร์ 2 แต่เดิมคือ ตึกชีววิทยาประมง โดยคณะมนุษยศาสตร์ได้รับโอนอาคารเรียนมาจากคณะประมง แล้วได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ซ่อมแซมและตกแต่ง เริ่มใช้อาคารเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยในปี พ.ศ. 2564 เนื่องในวาระครบรอบ 40 ปีแห่งการสถาปนาคณะมนุษยศาสตร์ อาคารมนุษยศาสตร์ 2 จึงได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า "อาคารประเสริฐศตวรรษา" อันมีความหมายว่า อาคารอันเป็นอนุสรณ์แด่ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร บูรพาจารย์ด้านไทยศึกษา จารึก ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี และอดีตนายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบัน อาคารประเสริฐศตวรรษา เป็นที่ทำการของภาควิชาภาษาไทย ห้องสมุดคณะมนุษยศาสตร์ และสถาบันขงจื๊อ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
อาคารกัญจนานิทัศน์ หรืออาคารมนุษยศาสตร์ 3 แต่เดิมคือ ตึกผลิตภัณฑ์ประมง โดยคณะมนุษยศาสตร์ได้รับโอนอาคารเรียนมาจากคณะประมง แล้วได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ซ่อมแซมและตกแต่ง เริ่มใช้อาคารเมื่อปี พ.ศ. 2552 โดยในปี พ.ศ. 2564 เนื่องในวาระครบรอบ 40 ปีแห่งการสถาปนาคณะมนุษยศาสตร์ อาคารมนุษยศาสตร์ 3 จึงได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า "อาคารกัญจนานิทัศน์" เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงอาจารย์ ดร.กัญจนา สินธวานนท์ ผู้ก่อตั้งและคณบดีคนแรกของคณะมนุษยศาสตร์ ปัจจุบัน อาคารกัญจนานิทัศน์ เป็นที่ทำการของภาควิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์
อาคารจุฬาภรณ์พิศาลศิลป์ หรืออาคารมนุษยศาสตร์ 4 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ และพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ เป็นประธานในพิธีพราหมณ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางวัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานนามอาคารว่า "จุฬาภรณ์พิศาลศิลป์" และพระราชทานพระอนุญาตอันเชิญอักษรพระนามย่อ "จ.ภ." มาประดิษฐานคู่กับนามอาคาร ทั้งยังเสด็จมาทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554 และเริ่มใช้อาคารในปี พ.ศ. 2555 ปัจจุบัน เป็นที่ทำการของสำนักงานเลขานุการคณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ (ภาควิชาศิลปาชีพเดิม) ภาควิชาดนตรี ภาควิชาภาษาตะวันออก และศูนย์ภาษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สัญลักษณ์ประจำคณะ[แก้]
หน่วยงาน[แก้]ภาควิชา สำนัก สถาบัน และศูนย์ ภายในคณะมนุษยศาสตร์
หลักสูตร[แก้]
ทำเนียบคณบดี[แก้]
หมายเหตุ คำนำหน้านามของผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี เป็นคำนำหน้านามตามตำแหน่งทางวิชาการในขณะนั้น ละคอนมะนุด[แก้]ละคอนมะนุด คือละครเวทีประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดทำโดย ภาควิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ และมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า HUMDRAMA มาจาก Humanities Drama ละคอนมะนุดมีแนวคิดหลักว่าเป็นละครเวทีที่เข้าใจความเป็นมนุษย์ โดยการสร้างสรรค์ละครเวที นิสิตจะสามารถนำความรู้จากแขนงต่าง ๆ ที่ได้ศึกษามาปฏิบัติใช้จริงภายใต้การดูแลของคณาจารย์และศิษย์เก่าผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้ง ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดการเรียนรู้กระบวนการทำงานร่วมกับผู้อื่น เกิดความสามัคคี และเป็นพื้นฐานที่ดีให้กับนิสิตในการประยุกต์ใช้สู่สังคมส่วนรวมต่อไป ปัจจุบัน ละคอนมะนุดได้จัดขึ้นมาแล้ว 28 ครั้ง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 โดยในแต่ละครั้งมีรายชื่อละครเวที ดังนี้
หมายเหตุ ละคอนมะนุดครั้งที่ 28 (Powerful You Are ประลองป่วนรัก พลังป่วนโลก) ยกเลิกการแสดงสดเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) โดยเปลี่ยนการเป็นบันทึกภาพการแสดงและเผยแพร่ลงในสื่อสังคมออนไลน์ของละคอนมะนุดแทน นิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันที่มีชื่อเสียง[แก้]
อ้างอิง[แก้]
|